เนื้อหาในหมวด ข่าว

อย่าเห็นแก่ของถูก! ปลา 3 ประเภท ที่ควรกินให้น้อย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

อย่าเห็นแก่ของถูก! ปลา 3 ประเภท ที่ควรกินให้น้อย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

ปลา 3 ประเภทนี้ แม้จะหาซื้อได้ง่ายในตลาดและราคาถูกแค่ไหน ก็ควรกินให้น้อย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง 

เนื้อปลาขาวนุ่ม หอมสดใหม่ พอวางเสิร์ฟบนโต๊ะก็มีกลิ่นชวนกินจนอยากตักทันที หลายคนเชื่อว่ากินปลาแล้วดีต่อสมองและสุขภาพแข็งแรง แต่รู้ไหมว่าปลาบางชนิดแฝงความเสี่ยงต่อสุขภาพ หากกินไม่ถูกวิธีอาจพาสารพิษเข้าสู่ร่างกายได้

โดยเฉพาะปลา 3 ประเภทที่พบได้บ่อยในตลาดทั่วไป แม้ราคาจะถูกแค่ไหน ก็ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการกินลงจะดีกว่า

3 ชนิดปลาที่ควรระวัง

  • ปลานักล่าขนาดใหญ่ เสี่ยงสารปรอทสะสมเกินมาตรฐาน
    ปลาพวกปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ปลาอินทรี ปลาซอร์ดฟิช มักอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารทะเล จึงสะสมโลหะหนักอย่างสารปรอทได้ง่าย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กยิ่งต้องหลีกเลี่ยง เพราะอาจกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง ควรกินไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน และครั้งละไม่เกิน 100 กรัม

  • ปลาทะเลแช่แข็งนาน เสี่ยงไขมันออกซิไดซ์
    ปลาทะเลอย่างปลาซาบะ ปลาอินทรี หากแช่แข็งไว้นาน หรือเนื้อปลามีสีเหลืองผิดปกติในช่องฟรีซ ต้องระวัง หากผ่านการละลายน้ำแข็งหลายรอบ หรือเก็บเกิน 6 เดือน ไขมันในปลาจะถูกออกซิไดซ์จนเหม็นหืน มีกลิ่นน้ำมันเหม็นไหม้ หากปรุงแล้วมีกลิ่นผิดปกติ อย่าเสียดาย ควรทิ้งทันที

  • ปลาน้ำจืดที่ไม่รู้แหล่งที่มา เสี่ยงพยาธิและปรสิต
    ปลาน้ำจืดอย่างปลานิล ปลาดุก ปลาไหล หรือปลาช่อน ที่จับจากธรรมชาติอาจมีพยาธิใบไม้ในตับ หากปรุงไม่สุก เสี่ยงต่อสุขภาพสูง ควรหลีกเลี่ยงเมนูปลาดิบ ปลาลวก หรือโจ๊กปลาเลือดซิบ ๆ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และสังเกตตาปลาต้องใส เหงือกแดงสด

  • 4 หลักง่าย ๆ กินปลาอย่างปลอดภัย

    • เลือกชนิดปลาให้ถูก: ปลาทะเลขนาดกลาง เช่น ปลาจะละเม็ด ปลาทู ปลอดภัยกว่า ส่วนปลาน้ำจืดควรเลือกปลาที่เลี้ยงจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน กินเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละขนาดพอดีฝ่ามือก็เพียงพอ
    • ปรุงให้เหมาะสม: การนึ่งหรือต้มจะช่วยคงคุณค่าทางอาหารได้ดีที่สุด เลี่ยงการทอดน้ำมันท่วมที่อุณหภูมิสูงเกิน 180 องศา หากย่างควรห่อฟอยล์เพื่อลดสารก่อมะเร็ง
    • ตัดส่วนที่อาจสะสมสารพิษ: หัวปลา ไส้ปลา หนังปลา หากไม่มั่นใจความสะอาดควรเลี่ยง โดยเฉพาะเยื่อสีดำในช่องท้องปลา เป็นแหล่งสะสมสารพิษ ควรขูดออกก่อนปรุงเสมอ
    • กินคู่กับของที่เหมาะสม: กินปลาคู่กับเต้าหู้หรือหัวไชเท้าช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร แต่อย่ากินกับลูกพลับหรือส้มซ่า เพราะอาจทำให้ท้องอืด ท้องเสียได้

    ใครควรระวังเป็นพิเศษ

    • ผู้ป่วยโรคเกาต์: ควรลดการกินปลา โดยเฉพาะช่วงที่อาการกำเริบ
    • คนที่แพ้ง่าย: หากไม่เคยกินปลาชนิดนั้นมาก่อน ควรลองกินทีละน้อยก่อน
    • ผู้ที่กำลังรับประทานยาปฏิชีวนะ: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินปลา

    เคล็ดลับเลือกปลาสด ดู 3 จุดสำคัญ

    • ตาปลา: ต้องใส มีประกาย เล็กน้อย ไม่ขุ่นมัว
    • เหงือกปลา: ต้องแดงสด ไม่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
    • เนื้อปลา: ต้องแน่น เด้ง มีความยืดหยุ่นดี

    ข้อควรระวัง: หากปลาดูเงาวับ เกล็ดแวววาวผิดธรรมชาติ อาจมีการใช้สารเคมีในการตกแต่ง ปลาที่สดจริงไม่จำเป็นต้องดูสวยสมบูรณ์ที่สุดเสมอไป

    ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่ไม่ควรกินสุ่มสี่สุ่มห้า เลือกให้ดี อย่าซื้อเพราะแค่ราคาถูกหรือสะดวก เพราะอาจเสี่ยงสารพิษโดยไม่รู้ตัว

    ไม่ใช่ผักหรือปลา! อาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ได้คะแนนโภชนาการ 97 เต็ม 100

    ไม่ใช่ผักหรือปลา! อาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ได้คะแนนโภชนาการ 97 เต็ม 100

    ไม่ใช่ผักหรือปลา! อาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุด อันดับ 1 ของโลก ได้คะแนนโภชนาการ 97 เต็ม 100 ที่ไทยก็มีขาย

    ปลา 3 ชนิด \

    ปลา 3 ชนิด "ปลาที่ดีที่สุดในโลก" ถูกยกให้เป็น "ทองคำอ่อนใต้น้ำ" ที่ไทยมีทุกอย่าง!

    ปลา 3 ชนิดที่ดีที่สุดในโลก ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทองคำอ่อนใต้น้ำ” อุดมโอเมก้า-3 เสริมสมองและอายุยืน

    “ปลาซาร์ดีน” กับ “ปลาแม็คเคอเรล” ต่างกันอย่างไร? แบบไหนแพงกว่า-มีประโยชน์มากกว่า?

    “ปลาซาร์ดีน” กับ “ปลาแม็คเคอเรล” ต่างกันอย่างไร? แบบไหนแพงกว่า-มีประโยชน์มากกว่า?

    ปลาที่อยู่ในกระป๋องนั้นไม่ได้มีแค่ “ปลาซาร์ดีน” อย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมี “ปลาแม็คเคอเรล” อีกชนิดที่หน้าตาคล้ายกันจนนึกว่าเป็นปลาแบบเดียวกัน

    สุดยอด \

    สุดยอด "ซูเปอร์ฟู้ดญี่ปุ่น" อันดับ 1 จากนักโภชนาการ ไม่ใช่ปลาดิบหรือมัทฉะ

    สุดยอด "ซูเปอร์ฟู้ดญี่ปุ่น" อันดับ 1 ที่นักโภชนาการญี่ปุ่นแนะนำควรกินทุกวัน ไม่ใช่ปลาดิบหรือมัทฉะ