เนื้อหาในหมวด ข่าว

พืชนี้มีจริง! \

พืชนี้มีจริง! "เมล็ดใหญ่เท่าหัว" คล้ายอวัยวะเพศ แปลกจนคนแห่ล่า ใกล้สูญพันธุ์แพงพุ่ง 7 หมื่น

“มะพร้าวคู่” เมล็ดใหญ่ที่สุดในโลก เสี่ยงสูญพันธุ์ ราคาสูงถึง 7 หมื่นบาทต่อผล

กลางมหาสมุทรอินเดีย มีต้นปาล์มชนิดหนึ่งที่น่าทึ่งชื่อว่า coco de mer หรือที่รู้จักในชื่อ มะพร้าวคู่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lodoicea maldivica) ซึ่งเติบโตเฉพาะในหมู่เกาะเซเชลส์เท่านั้น จุดเด่นของมันคือการมีผลและเมล็ดที่ใหญ่และหนักที่สุดในโลก โดย ผลหนึ่งลูกอาจหนักถึง 42 กิโลกรัม และ เมล็ดหนักเฉลี่ย 18-20 กิโลกรัม

รูปร่างแปลกตา ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักสะสม

รูปร่างของเมล็ดที่ดูคล้ายกับอวัยวะเพศหญิง ทำให้ coco de mer กลายเป็นพืชหายากที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์ และตลาดซื้อขายของสะสม ซึ่งบางเมล็ดถูกขายในราคาสูงถึง 70,000 บาทต่อผล

ต้น coco de mer แยกต้นตัวผู้และตัวเมียอย่างชัดเจน และต้องใช้เวลานานถึง 50 ปี กว่าจะเติบโตเต็มที่และสามารถผสมพันธุ์ได้ การเติบโตที่ช้ามากนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มันอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์

กลยุทธ์การเอาตัวรอดที่ไม่เหมือนใคร

ใบของต้นไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่และทำหน้าที่คล้าย “รางน้ำ” ธรรมชาติ คอยดักน้ำฝนและนำพาสารอินทรีย์ เช่น เกสร, ดอกไม้ร่วง, มูลนก ให้ไหลลงสู่ดินรอบโคนต้น ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ดินบริเวณห่างจากลำต้นเพียง 20 ซม. มีสารอาหารมากกว่าบริเวณห่างออกไป 2 เมตรถึง 50%

ต่างจากพืชทั่วไปที่พยายามกระจายเมล็ดให้ไกลจากต้นแม่ แต่ coco de mer กลับทิ้งเมล็ดไว้ใกล้ลำต้น เนื่องจาก ดินบริเวณนั้นมีสารอาหารสูง จากการไหลของน้ำและอินทรียวัตถุ ทำให้ต้นอ่อนมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า นักพฤกษศาสตร์ยืนยันว่า ยังไม่พบพืชชนิดอื่นที่แสดงพฤติกรรมดูแลลูกต้นไม้แบบนี้

ตำนานและความเชื่อท้องถิ่น

ชาวพื้นเมืองเชื่อกันว่า เมล็ด coco de mer สามารถใช้รักษาโรค แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน แต่ความเชื่อนี้ก็ทำให้เมล็ดของมันถูกนำไปขายในราคาสูง และกลายเป็นของหายากที่มีมูลค่าสูงในตลาดนักสะสม

เสี่ยงสูญพันธุ์จากการลักลอบและเติบโตช้า

ปัจจุบันมีต้น coco de mer ที่โตเต็มวัยในธรรมชาติเหลือเพียงประมาณ 8,000 ต้น เท่านั้น พบมากบนเกาะ Praslin และ Curieuse ของเซเชลส์ เนื่องจากถูกลักลอบเก็บเมล็ดไปขาย และใช้เวลาเติบโตนาน จึงถูกจัดอยู่ใน รายชื่อพืชเสี่ยงสูญพันธุ์ของ IUCN (สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ)

รัฐบาลและองค์กรอนุรักษ์ได้พยายามเพาะพันธุ์ coco de mer ทั้งในธรรมชาติและในสวนพฤกษศาสตร์ทั่วโลก โดยบางพื้นที่ถึงขั้น ต้องใส่เมล็ดไว้ในกรงเหล็ก เพื่อป้องกันการถูกขโมย