แพทย์อเมริกัน บอกให้ฟรีๆ มักทำ 2 สิ่งนี้เพื่อ "หนีโรค" มะเร็งลำไส้ใหญ่ เรื่องกินล้วนๆ!!!
หมอรักษามะเร็งทางเดินอาหารในสหรัฐฯ เผย 2 สิ่งที่ทำเป็นประจำ เพื่อเลี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ถือเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา มะเร็งชนิดนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้ชายอายุต่ำกว่า 50 ปี และเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับสองในผู้หญิงกลุ่มอายุเดียวกัน ขณะที่ในเวียดนาม มะเร็งลำไส้ใหญ่ติด 1 ใน 6 ของมะเร็งที่พบบ่อย
แนวโน้มผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อย
ข้อมูลจาก สมาคมมะเร็งอเมริกัน ระบุว่า อัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่อายุน้อยในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นภาระด้านค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นตามมา
พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง
แม้พันธุกรรมจะมีส่วนสำคัญ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม เช่น:
- รับประทานเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปในปริมาณมาก
- ขาดไฟเบอร์ในอาหาร
- ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
- ไม่ออกกำลังกาย
- มีภาวะน้ำหนักเกินหรือเบาหวานชนิดที่ 2
เปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดความเสี่ยงได้
Dr. Michael Shusterman แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งทางเดินอาหารจากศูนย์มะเร็ง Perlmutter ในนิวยอร์ก สหรัฐฯ แนะนำว่า เราสามารถลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วยการเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
เขาระบุว่า “การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอาจไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเป็นสิ่งที่เราทำจนเคยชิน แต่ผมเองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้ทันที อย่างการปรับอาหารในแต่ละวัน”
โดยเขาเผยว่า มีอยู่ 2 พฤติกรรมที่เขายึดถือเป็นประจำ เพื่อ “เลี่ยง” มะเร็งลำไส้ใหญ่
2 สิ่งง่ายๆ ที่หมอทำเพื่อลดเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
1. ลดการกินเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป
แพทย์รายนี้ชี้ว่า หลายงานวิจัยชี้ความสัมพันธ์ของการบริโภค เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู และ เนื้อแปรรูป กับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
งานวิจัยจาก สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ร่วมกับศูนย์มะเร็ง USC Norris ได้ศึกษาข้อมูลจากผู้ป่วย 29,842 คน เทียบกับกลุ่มไม่ป่วย 39,635 คน พบว่า คนที่กินเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปมาก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น 30–40%
องค์การอนามัยโลก (WHO) เองก็จัดให้เนื้อแดงและเนื้อแปรรูปอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งมาตั้งแต่ปี 2015
นอกจากนี้ การปรุงเนื้อด้วยการปิ้งย่างหรือรมควัน อาจทำให้เกิดสาร PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่อันตราย
หมอ Shusterman เล่าว่า เขาเคยชอบเนื้อแดงมาก แต่เมื่อ 4 ปีก่อน เขาตัดสินใจลดปริมาณอย่างจริงจัง โดยเลือกกินเฉพาะในโอกาสพิเศษ และเปลี่ยนไปกิน เนื้อไก่ ปลา หรือผัก แทนในชีวิตประจำวัน
2. เพิ่มการกินถั่วและธัญพืช
ถั่วเปลือกแข็ง เช่น วอลนัต อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ล้วนเป็นแหล่งไขมันดี โปรตีน และไฟเบอร์ ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร
ตามรายงานของ องค์กรมะเร็งลำไส้ใหญ่แห่งสหราชอาณาจักร ไฟเบอร์มีบทบาทสำคัญในการช่วยระบบย่อยให้ทำงานได้ดี และช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
งานวิจัยหลายชิ้นยังพบว่า ผู้ที่บริโภคถั่วเป็นประจำ มีแนวโน้มเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหารน้อยกว่าคนที่ไม่กิน
หมอ Shusterman บอกว่า เขาพยายามเติมถั่วหลากหลายชนิดลงในอาหารประจำวัน เช่น ใส่ในสลัด หรือกินเป็นของว่างระหว่างวัน
เขาย้ำว่า “โดยทั่วไป ถั่วถือว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ยกเว้นในกรณีที่คุณแพ้ถั่วบางชนิด”
