เนื้อหาในหมวด ข่าว

ผักสีม่วงที่ถูกมองข้าม หมออวยเป็น \

ผักสีม่วงที่ถูกมองข้าม หมออวยเป็น "ซูเปอร์ฟู้ดราคาถูก" ประโยชน์ที่ผักสีเขียวให้ไม่ได้

 “กะหล่ำปลีม่วง” ซูเปอร์ฟู้ดราคาประหยัด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ความดัน เสริมภูมิคุ้มกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเผยว่า “กะหล่ำปลีม่วง” คือหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่ถูกมองข้าม เพราะเมื่อพูดถึงผักตระกูลกะหล่ำ หลายคนมักนึกถึงกะหล่ำปลีเขียวเป็นหลัก ในขณะที่กะหล่ำปลีม่วงมักถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงผักตกแต่งจาน  ทั้งที่มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และบำรุงลำไส้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในราคาสุดคุ้มไม่ถึง 40 บาทเท่านั้น

ของดีราคาถูก แต่คุณค่าทางโภชนาการเกินราคา

ศาสตราจารย์ แฟรงคลิน โจเซฟ (Franklin Joseph) ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจาก Dr. Frank’s Weight Loss and Health Clinic กล่าวว่า กะหล่ำปลีม่วงเป็นผักที่ “ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป” ทั้งที่เต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร แอนติออกซิแดนต์ และสารต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยเสริมการทำงานของระบบลำไส้ ลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) และส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

เขาอธิบายว่า เส้นใยพรีไบโอติกในกะหล่ำปลีม่วงช่วยหล่อเลี้ยงแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ทำให้ระบบจุลชีพในทางเดินอาหารสมดุล ซึ่งมีผลต่อทั้งระบบย่อยอาหารและสุขภาพจิตใจ “สุขภาพลำไส้มีผลโดยตรงต่อภูมิคุ้มกันและอารมณ์ของเรา” ศาสตราจารย์โจเซฟกล่าว “เพียงเติมกะหล่ำปลีม่วงดิบหรือผ่านความร้อนเล็กน้อยลงในอาหาร ก็สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ง่าย ๆ”

สารต้านมะเร็งและปกป้องหัวใจ

นอกจากช่วยบำรุงลำไส้แล้ว กะหล่ำปลีม่วงยังมีสารประกอบที่คล้ายกับซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งพบในบรอกโคลี มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิด อีกทั้งสารโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานินในกะหล่ำปลีม่วงยังช่วยลดการอักเสบ ปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) คือ สารพฤกษเคมีกลุ่มฟลาโวนอยด์ ที่พบในพืช ซึ่งให้สีแดง ม่วง และน้ำเงิน สารชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็น สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มะเร็ง และเบาหวาน รวมถึงอาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองและปกป้องดวงตา 

สุขภาพดีไม่ต้องแพง

ศาสตราจารย์โจเซฟเสริมว่า “กะหล่ำปลีม่วงทั้งหัวมีราคาเพียง 79 เพนนี (ประมาณ 35 บาท) ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในการยกระดับโภชนาการโดยไม่ต้องจ่ายแพง”

เขาทิ้งท้ายว่า “ในยุคที่หลายคนรู้สึกว่าการกินเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องสิ้นเปลือง กะหล่ำปลีม่วงพิสูจน์แล้วว่า สุขภาพดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป”

กะหล่ำปลีม่วงในประเทศไทย

ราคาขายส่ง : โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25 – 45 บาทต่อกิโลกรัม ราคาอาจสูงหรือต่ำกว่านี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณเข้าสู่ตลาดในช่วงนั้น ๆ

ราคาขายปลีก : ราคาขายปลีกตามร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปจะสูงกว่าราคาขายส่ง โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 50 – 80 บาทต่อกิโลกรัม

เปรียบเทียบ กะหล่ำปลีเขียว vs กะหล่ำปลีม่วง

กะหล่ำปลีเป็นผักที่อยู่คู่กับครัวไทยมานาน ไม่ว่าจะนำมาทำเมนูผัด แกงจืด หรือต้มจิ้มน้ำพริก แต่รู้ไหมว่า “กะหล่ำปลีเขียว” และ “กะหล่ำปลีม่วง” ถึงจะเป็นผักชนิดเดียวกันในตระกูล Brassica ก็มีความแตกต่างกันทั้งด้านโภชนาการ รสชาติ และสารต้านอนุมูลอิสระ

สีและสารสำคัญ

  • กะหล่ำปลีเขียว: มีสารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยบำรุงสายตา และเป็นแหล่งของวิตามิน C ที่ดี
  • กะหล่ำปลีม่วง: สีม่วงเข้มเกิดจากสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคหัวใจ

รสชาติและเนื้อสัมผัส

  • กะหล่ำปลีเขียว: มีรสอ่อน หวานเล็กน้อย เมื่อนำไปผัดหรือต้มจะนุ่ม เหมาะกับเมนูซุปหรือผัดน้ำปลา
  • กะหล่ำปลีม่วง: เนื้อแน่นและกรอบกว่า มีรสเผ็ดอ่อน ๆ เหมาะสำหรับเมนูสลัดหรือกินสด เพราะให้สีสันสวยงามและคงคุณค่าทางสารอาหารได้มากกว่าเมื่อไม่ผ่านความร้อน

ตารางเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการ

(ต่อปริมาณ 100 กรัม ของผักสด)

สารอาหาร กะหล่ำปลีเขียว กะหล่ำปลีม่วง
พลังงาน 25 กิโลแคลอรี 28 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม 7 กรัม
ไฟเบอร์ 2.5 กรัม 2.9 กรัม
โปรตีน 1.3 กรัม 1.4 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม 0.1 กรัม
วิตามิน C 36 มิลลิกรัม 57 มิลลิกรัม
วิตามิน K 76 ไมโครกรัม 38 ไมโครกรัม
วิตามิน A (จากเบต้าแคโรทีน) 98 IU 993 IU
โพแทสเซียม 170 มิลลิกรัม 243 มิลลิกรัม
แคลเซียม 40 มิลลิกรัม 42 มิลลิกรัม
สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ไม่มี มีสูงมาก

 

  • กะหล่ำปลีเขียวเด่นด้าน วิตามิน K และไฟเบอร์ เหมาะสำหรับสุขภาพกระดูกและระบบขับถ่าย

  • กะหล่ำปลีม่วงเด่นด้าน วิตามิน C, วิตามิน A, โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับบำรุงหัวใจ ผิวพรรณ และเสริมภูมิคุ้มกัน

ข้อแนะนำในการบริโภค

กะหล่ำปลีทั้งสองชนิดควรกินแบบสุกเล็กน้อย (เช่น นึ่งหรือลวก) เพื่อรักษาสารอาหารสำคัญไว้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการต้มในน้ำเดือดนาน เพราะวิตามิน C และสารแอนโทไซยานินจะสลายได้ง่ายเมื่อโดนความร้อนสูง

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

  • ทั้งสองชนิดช่วยลดคอเลสเตอรอลและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

  • กะหล่ำปลีม่วงมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและปกป้องเซลล์ได้ดีกว่า

  • กะหล่ำปลีเขียวช่วยบำรุงสายตาและระบบย่อยอาหารได้ดี

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ต้องการลดน้ำหนัก: ทั้งสองชนิดแคลอรีต่ำ เหมาะกับทุกคนที่ควบคุมอาหาร
  • ผู้มีปัญหาไขมันหรือความดัน: กะหล่ำปลีม่วงเด่นในด้านช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดัน
  • ผู้ที่ต้องการผิวสวยและภูมิคุ้มกันแข็งแรง: กะหล่ำปลีม่วงมีวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า

ทั้ง “กะหล่ำปลีเขียว” และ “กะหล่ำปลีม่วง” ต่างมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ หากต้องการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เลือกกะหล่ำปลีม่วง แต่หากอยากได้รสอ่อนนุ่ม บำรุงสายตา และย่อยง่าย กะหล่ำปลีเขียว ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน

ที่ไทยมี! ผัก 5 ชนิด \

ที่ไทยมี! ผัก 5 ชนิด "ดีที่สุดในโลก" อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อร่อย ราคาไม่แพง

ผัก 5 ชนิด "ที่ดีที่สุดในโลก" อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติอร่อย ราคาย่อมเยา และหาซื้อได้ทั่วไปในตลาด

ที่ไทยมี! ผัก 1 ชนิด \

ที่ไทยมี! ผัก 1 ชนิด "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่ทรงพลังที่สุด ช่วยลดคอเลสเตอรอล-ดีท็อกซ์ตับ

เปิด "อาวุธลับ" บำรุงสุขภาพจากผักราคาถูก ที่ไทยหาซื้อง่าย แต่หลายคนไม่ค่อยรู้ว่าคือ "ซูเปอร์ฟู้ด"