หญิงช็อก เจอมะเร็งเต้านมระยะ 2 แพทย์ชี้เพราะกิน "ผลไม้" เปิดสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้!
มะเร็งเต้านมบุก! สาว 38 เป็นมะเร็งเต้านมระยะ 2 เพราะกิน 'ผลไม้' มากเกินไป
หญิงสาววัย 38 ปีรายหนึ่งต้องตกตะลึง เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ทั้งที่เธอไม่ได้มีประวัติครอบครัวเป็นโรคดังกล่าว หรือมีปัจจัยเสี่ยงสูงอื่น ๆ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัด (ไต้หวัน) เผยว่าเคสนี้เป็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ป่วยเชื่อว่าการกินผลไม้ปริมาณมากทุกวัน จะช่วยล้างพิษและต่อต้านมะเร็งได้ แต่ความเชื่อดังกล่าวกลับนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
น้ำตาลฟรุกโตสในผลไม้ คือเชื้อเพลิงกระตุ้นมะเร็งเต้านม
แพทย์อธิบายว่า "ผลไม้" มีน้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) สูง ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง งานวิจัยระดับนานาชาติชี้ว่าผู้ที่บริโภคคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าคนทั่วไปถึง 67% การที่ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็น จะทำให้เกิดภาวะอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) ในร่างกาย สภาวะนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
แพทย์เตือนว่ายิ่งกินผลไม้รสหวานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบริโภคน้ำตาลโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น ในระยะยาว น้ำตาลเหล่านี้จะกลายเป็น "เชื้อเพลิง" ที่กระตุ้นให้เซลล์ผิดปกติพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ แพทย์เน้นย้ำว่ามะเร็งไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เริ่มต้นจากการที่เซลล์ในร่างกายสร้างใหม่ผิดปกติ
ความเสี่ยงมะเร็งเต้านม: น้ำตาลสูง-โปรตีนต่ำ เสี่ยงทำให้เซลล์ "กลายพันธุ์"
เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป แต่กลับขาดโปรตีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างเซลล์ที่แข็งแรง ความไม่สมดุลนี้จะทำให้เซลล์ใหม่เกิด "ความผิดเพี้ยน" ได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นเซลล์ที่กลายพันธุ์ หรือก็คือเซลล์มะเร็งนั่นเอง ภาวะอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากการกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปและขาดโปรตีน จึงเป็นสาเหตุเงียบที่นำไปสู่การก่อตัวของมะเร็ง แม้แต่ในผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม
ผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงที่ควรระวัง
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ (ไต้หวัน) ย้ำว่าไม่ควรคิดว่ามีเพียงขนมหวานเท่านั้นที่มีน้ำตาลสูง ผลไม้หลายชนิดที่ดูเหมือนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ กลับมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่สูงมาก หากต้องการรักษาสุขภาพที่ดี ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง ผลไม้เหล่านี้มีปริมาณน้ำตาลสูงต่อ 100 กรัม
| ผลไม้ (100 กรัม) | ปริมาณคาร์โบไฮเดรตโดยประมาณ |
|---|---|
| กล้วย | ประมาณ 23 กรัม (เทียบเท่ากล้วยขนาดกลางครึ่งลูก) |
| องุ่น | 15–20 กรัม (เทียบเท่าองุ่น 15-20 ผล) |
| ลิ้นจี่ | 15–20 กรัม (เทียบเท่าลิ้นจี่ประมาณ 10 ผลแกะเปลือก) |
ผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำที่แนะนำ
ถ้าอยากรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ควรเลือกกินผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Glycemic Index) และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า เช่น กลุ่มเบอร์รี (สตรอว์เบอร์รี, บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี) ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 8–12 กรัมต่อ 100 กรัม ส่วนผลไม้ที่มีค่าเฉลี่ยปานกลาง เช่น แอปเปิล ส้ม พีช ฝรั่ง หรือกีวี สามารถกินในปริมาณที่พอเหมาะได้
- ผลไม้ราคาถูก "กวาด" ไขมันในเลือดดีเยี่ยม ญี่ปุ่นยกเป็น "โสมเขียว" ไทยมีตามตลาดทั่วไป!
- รู้ไว้ดีกว่า! "กล้วย" แค่วางให้ห่าง 4 ผลไม้นี้ ก็สดได้นานขึ้น ไม่เปลี่ยนเป็นสีดำ
แนวโน้มมะเร็งเต้านมในกลุ่มอายุน้อยลง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม (ไต้หวัน) เผยว่าเคยพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีอายุเพียง 16 ปี ซึ่งเด็กสาวคนนี้ตรวจพบก้อนเนื้อแข็งในหน้าอกได้ด้วยตนเอง แพทย์ชี้ว่ามะเร็งเต้านมมีแนวโน้มที่จะเกิดในคนอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุไม่ได้มาจากฮอร์โมนเท่านั้น แต่ยังมาจากความไม่สมดุลในการใช้ชีวิตด้วย
พฤติกรรมที่เสี่ยง เช่น การกินอาหารทอด อาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลและเกลือสูงเป็นประจำ การดื่มน้ำน้อย ความเครียดจากการเรียนและทางจิตใจ ล้วนทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นรากฐานของการก่อตัวของมะเร็ง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปัจจุบัน เด็กผู้หญิงหลายคนมีประจำเดือนเร็วตั้งแต่ชั้นประถม (ป.2-ป.3) ทำให้ร่างกายสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในวัยที่เร็วกว่าคนรุ่นก่อน
5 สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ไม่ควรละเลย
สมาคมมะเร็งฮ่องกงระบุว่า สาเหตุที่ชัดเจนของมะเร็งเต้านมยังไม่ถูกกำหนดแน่ชัด แต่ผู้ที่ออกกำลังกายน้อย เป็นโรคอ้วน ดื่มแอลกอฮอล์ มีบุตรช้า หรือไม่ให้นมบุตร มีความเสี่ยงที่สูงกว่า 5 สัญญาณเตือนที่พบบ่อยที่สุดของมะเร็งเต้านม มีดังนี้
สรุปและข้อแนะนำในการป้องกันมะเร้านม
การตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด แพทย์แนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจเต้านมด้วยตนเองเดือนละครั้ง โดยเฉพาะหลังมีประจำเดือน สำหรับผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว สามารถเลือกวันใดวันหนึ่งในเดือนเพื่อตรวจได้ หากพบก้อนเนื้อหรือความผิดปกติใด ๆ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจทันที และควรปรับพฤติกรรมการบริโภคผลไม้ให้สมดุลเพื่อลดความเสี่ยงจากการรับน้ำตาลเกินขนาด
