แม่ช็อก! ลูกสาวป่วยจิตเฉียบพลันหลังกลับจากโรงเรียน ฉุนจัดพอรู้ครูให้ทำอะไร โร่ฟ้องจนได้ชดเชย
นักเรียนหญิงกลับจากโรงเรียน มีอาการสับสนพูดไม่รู้เรื่อง แม่รีบพาพบแพทย์ พบ 'ป่วยทางจิตเฉียบพลัน' สืบจนรู้ครูให้ทำอะไร โร้ฟ้องโรงเรียนจนชนะคดี ศาลสั่งชดเชย
จุดเริ่มต้นเหตุการณ์ ดูหนังผีในคาบเรียน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2566 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเหิงโจว ประเทศจีน ในวันเกิดเหตุ ครูประจำวิชาลา ทำให้คาบเรียนกลายเป็นคาบเรียนด้วยตนเอง นักเรียนบางคนจึงเสนอให้ดูภาพยนตร์ และได้รับความเห็นชอบจากครูประจำชั้นและเพื่อนร่วมห้องทั้งหมด ให้เลือกฉายหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง
ในเย็นวันนั้น ผลจากการดูหนัง นักเรียนหญิงรายหนึ่งเริ่มมีอาการพูดจาสับสนและมีภาวะสับสนทางจิตขณะพูดคุยกับแม่ แม่ตกใจจึงรีบพาเธอไปโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่าเธอมีภาวะ โรคจิตเฉียบพลันและชั่วคราว (acute and transient psychotic disorder) ซึ่งอาจถูกกระตุ้นจากความเครียดทางจิตใจอย่างรุนแรง
การต่อสู้ในชั้นศาลและการฟ้องร้องโรงเรียน
ผู้ปกครองของเธอเชื่อว่า อาการของลูกสาวถูกกระตุ้นโดยตรงจากการดูหนังสยองขวัญ และโต้แย้งว่าโรงเรียนล้มเหลวในการกำกับดูแลนักเรียนอย่างเหมาะสม จึงยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 30,000 หยวน (ราว 150,000 บาท) โดยศาลตั้งข้อสังเกตว่า เด็กไม่มีประวัติการป่วยทางจิตมาก่อน และครอบครัวก็ไม่มีประวัติเช่นกัน
ด้านโรงเรียนโต้แย้งว่า อาการของนักเรียนเกิดจาก "สภาพร่างกายที่พิเศษ" หรือ "โรคประจำตัว" ของเธอเอง และยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารของโรงเรียน โดยยินดีรับผิดชอบเพียง 10%
บทสรุปคำตัดสินของศาล
ล่าสุด ศาลประชาชนเหิงโจวมีคำตัดสินว่า โรงเรียนต้องรับผิดชอบ 30% เนื่องจากกิจกรรมนี้เกิดขึ้นโดยที่โรงเรียนอนุมัติ ซึ่งสะท้อนถึงความล้มเหลวในการจัดการของโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม ศาลชี้ว่าการที่จื่อหานเข้าร่วมการชมภาพยนตร์โดยสมัครใจ ก็หมายความว่าสภาพร่างกายของเธอเองเป็นปัจจัยหลักเช่นกัน ศาลจึงสั่งให้บริษัทประกันของโรงเรียนชดเชยความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นเงิน 9,182 หยวน
เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์จีน โดยชาวเน็ตบางคนแสดงความเห็นว่า "โรงเรียนโชคร้าย" ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่า "ไม่ควรฉายหนังผีแต่แรก ครูอนุมัติได้อย่างไร โรงเรียนต้องรับผิดชอบแน่นอน"