ใครเป็น "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หลัง "แพทองธาร" ลาออกแล้ว?
วิเคราะห์โค้งสุดท้าย ชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 31 ต.ค. นี้ "จาตุรนต์ ฉายแสง" หรือ "จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์" ใครคือตัวเต็ง?
การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 31 ตุลาคม นี้ กำลังเป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง เมื่อวาระสำคัญคือการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังจากที่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ได้ประกาศยุติบทบาทหัวหน้าพรรคไปก่อนหน้านี้ สถานการณ์นี้ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเฟ้นหาผู้นำคนใหม่ที่จะมากำหนดทิศทางและกอบกู้ความเชื่อมั่นของพรรค
ในบรรดาแคนดิเดตที่มีการพูดถึงในสื่อขณะนี้ มีสองชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นตัวเต็งหลัก คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส. บัญชีรายชื่อ และ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้งสองคนสะท้อนถึงทางเลือกที่แตกต่างกันของพรรคอย่างชัดเจน
จาตุรนต์ ฉายแสง: ตัวแทนสายอุดมการณ์ หวัง "กอบกู้ภาพลักษณ์"

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ถือเป็นนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์สูง และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคไทยรักไทยมาก่อน จุดแข็งที่สำคัญของนายจาตุรนต์คือ "จุดยืน" ที่ชัดเจนในฐานะนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การที่ สส. บางส่วนในพรรคสนับสนุนนายจาตุรนต์ สะท้อนความต้องการที่จะเห็นพรรคกลับไปยึดมั่นในอุดมการณ์ดั้งเดิม
ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสูญเสียจุดยืน การเลือกนายจาตุรนต์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค อาจเป็นสัญญาณที่ชัดเจนในการ "กอบกู้ภาพลักษณ์" และเรียกความเชื่อมั่นจากฐานเสียงเดิมที่อาจจะหายไป การมีจุดยืนที่แน่วแน่ของเขาถูกมองว่าอาจเป็นสิ่งที่พรรคต้องการในเวลานี้ เพื่อสร้างความชัดเจนท่ามกลางวิกฤตศรัทธา
จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์: ตัวแทน "รุ่นกลาง" เชื่อมคนรุ่นใหม่-เก่า

ในขณะที่ นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นกลาง หรืออาจจะค่อนไปทางคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการบริหารและกำลังมีบทบาทสำคัญในรัฐบาล ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เขามีผลงานและประสบการณ์ด้านการบริหารเศรษฐกิจที่จับต้องได้
จุดเด่นของนายจุลพันธุ์คือการเป็น "สะพาน" เชื่อมระหว่าง สส. หรือนักการเมืองรุ่นใหม่ กับกลุ่มคนรุ่นใหญ่ในพรรค การเลือกนายจุลพันธุ์อาจสะท้อนว่าพรรคต้องการการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าและความคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
ยังมี "ม้ามืด" และตัวแปรอื่น
แม้ว่าการแข่งขันหลักจะดูเหมือนเป็นการขับเคี่ยวระหว่างนายจาตุรนต์และนายจุลพันธุ์ แต่ตามรายงานข่าวล่าสุดจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีแคนดิเดตที่อยู่ในข่ายพิจารณาประมาณ 4-5 รายชื่อ โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเสนอชื่อคนจากตระกูลชินวัตรในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีชื่อของ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถูกจับตาในฐานะ "ม้ามืด" หรือตัวสอดแทรก ด้วยบารมีและประสบการณ์ในสภา อาจเป็นตัวเลือกประนีประนอมหากทั้งสองสายหลักไม่สามารถตกลงกันได้ รวมถึง นายชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค ก็มีความอาวุโสและบทบาทในพรรคมาอย่างยาวนาน
บทสรุปที่ต้องจับตา
การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จึงเป็นมากกว่าการเลือกตัวบุคคล แต่คือการเลือก "ทิศทาง" ของพรรค พรรคจะเลือกย้อนกลับไปหาอุดมการณ์ที่ชัดเจนเพื่อกอบกู้ศรัทธา หรือจะเลือกการบริหารแบบคนรุ่นใหม่ที่เน้นการประนีประนอมและการทำงานในฝ่ายบริหาร ผลลัพธ์ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของพรรคเพื่อไทยในอีกหลายปีข้างหน้า