เนื้อหาในหมวด ข่าว

ช็อก! ลูกสาว 5 ขวบบ่น \

ช็อก! ลูกสาว 5 ขวบบ่น "ปวดก้น" ตลอดเวลา พ่อแม่ชะล่าใจ หมอส่ายหน้า "มาช้าไปแล้ว"

คำเตือนสำคัญ! ลูกสาว 5 ขวบ บ่น “ปวดก้น” พ่อแม่นิ่งนอนใจ สุดท้ายพบ “อักเสบรุนแรง”

เรื่องราวของเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่บ่นว่ามีอาการ "ปวดก้น" กลายเป็นสัญญาณเตือนที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม เพราะบางครั้งคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กก็คือสัญญาณขอความช่วยเหลือ บทความนี้ได้รวบรวมข้อผิดพลาดที่ผู้ปกครองมักมองข้าม จนทำให้ลูกสาวป่วยด้วยโรคติดเชื้อที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

การเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พ่อแม่ไม่เพียงต้องดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน แต่ยังต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอารมณ์และพฤติกรรมของลูกอย่างละเอียด เพราะบางครั้งสัญญาณเตือนที่สำคัญอาจถูกมองข้ามไปอย่างไม่ตั้งใจ

ลูกบ่นปวดก้นหลายวัน สุดท้ายหมอเตือน “มาช้าไปแล้ว”

เร็ว ๆ นี้ มีคุณแม่ชาวจีนคนหนึ่งได้แบ่งปันเรื่องราวที่ทำให้ผู้ปกครองหลายคนตกใจ ลูกสาววัย 5 ขวบของเธอเริ่มบ่นว่า "แม่คะ หนูเจ็บก้น" ในตอนแรก เธอคิดว่าลูกแค่แกล้งทำ หรือกำลังออดอ้อน จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

แต่ไม่กี่วันต่อมา อาการปวดก็ยังไม่หาย เด็กหญิงเริ่มกลัวการเข้าห้องน้ำ และมีอาการหงุดหงิดไม่สบายตัวอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความกังวล เธอจึงพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจ เมื่อแพทย์ทำการตรวจเสร็จ ก็ได้แต่ส่ายหน้าและกล่าวว่า "เด็กมีอาการช่องคลอดอักเสบ และอยู่ในภาวะค่อนข้างรุนแรง หากมาช้ากว่านี้ อาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล"

ผู้เป็นแม่ถึงกับตกตะลึง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กวัยเพียง 5 ขวบ ถึงเป็นโรค "ของผู้ใหญ่" เช่นนี้ได้ หลังจากการซักประวัติอย่างละเอียด แพทย์ก็พบว่าสาเหตุมาจากนิสัยที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย 3 อย่าง ดังนี้:

  • แม่และลูกอาบน้ำในอ่างเดียวกันเป็นประจำ
  • ชุดชั้นในของลูกและของผู้ใหญ่ถูกนำไปซักรวมกันในเครื่องซักผ้า
  • บางครั้งเด็กมีการใส่กางเกงในตัวเดิมที่ยังไม่ได้เปลี่ยนหรือซัก
  • รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ ทำให้เชื้อโรคจากผู้ใหญ่สามารถแพร่กระจายไปยังเด็กได้ง่าย และทำให้เกิดการอักเสบในบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อฟังการวิเคราะห์ของแพทย์ ผู้เป็นแม่ก็ร่ำไห้ด้วยความสำนึกผิด เพราะความไม่รอบคอบของตัวเอง ทำให้ลูกต้องมาทนทุกข์ทรมาน

    สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กหญิงมีอาการช่องคลอดอักเสบ

    ผิวหนังและเยื่อบุของเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง มีความบอบบางและไวต่อสิ่งกระตุ้นมาก หากดูแลไม่ถูกวิธี สุขอนามัยไม่ดี หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น เชื้อโรคก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การอักเสบในช่องคลอดของเด็ก หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ลุกลาม และส่งผลกระทบต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ในอนาคต

    4 สิ่งที่พ่อแม่ควรระวัง เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในเด็ก

    พ่อแม่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ 4 ประเด็นต่อไปนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นกับลูกรัก:

  • เมื่อลูกบอกว่า “เจ็บ” ให้เชื่อและรับฟัง: เด็กเล็กยังไม่รู้วิธีอธิบายความรู้สึกไม่สบายอย่างเฉพาะเจาะจง ดังนั้น คำว่า "ปวด" "คัน" หรือ "ไม่สบายตัว" อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค แทนที่จะคิดว่าลูก "แกล้งทำ" พ่อแม่ควรสังเกตอย่างใกล้ชิดและรีบพาไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษา
  • เสื้อผ้าเด็กต้องแยกซัก: อย่าประหยัดเวลาด้วยการซักเสื้อผ้าของผู้ใหญ่รวมกับเสื้อผ้าของเด็ก โดยเฉพาะชุดชั้นใน เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และปรสิตจากผู้ใหญ่สามารถตกค้างอยู่บนเสื้อผ้า และทำให้ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดการติดเชื้อในอวัยวะเพศได้ ทางที่ดีควรใช้น้ำยาซักผ้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ตากผ้ากลางแดดจัด และทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำ
  • ห้ามอาบน้ำในอ่างร่วมกับลูกเด็ดขาด: การอาบน้ำร่วมกันที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา แม้ผู้ใหญ่จะดูสุขภาพดี แต่ก็อาจมีจุลินทรีย์บางชนิดบนผิวหนังที่ร่างกายของเด็กยังไม่มีภูมิคุ้มกันในการต่อต้าน เด็กควรมีอ่างอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว และของใช้ส่วนตัวแยกต่างหาก ควรใช้น้ำอุ่นประมาณ 37 องศาเซลเซียส ไม่ควรแช่น้ำนาน และเช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังอาบน้ำ
  • อย่าลืมการตรวจสุขภาพเป็นประจำ: ผู้ปกครองหลายคนคิดว่าเพียงแค่ลูกกินดี นอนหลับได้ ก็ถือว่าสุขภาพแข็งแรงดี แต่โรคบางอย่างในเด็ก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะเพศ มักแสดงออกด้วยสัญญาณที่ไม่ชัดเจน การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี จะช่วยให้ค้นพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และทำการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะสายเกินแก้
  • การดูแลสุขภาพและความสะอาดของลูกรักอย่างถูกสุขลักษณะและใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

    เตือนอุทาหรณ์ \

    เตือนอุทาหรณ์ "สไลม์" ของเล่นฮิต ทำเด็กติดเชื้อในกระแสเลือด

    เตือนใจพ่อแม่ผู้ปกครอง "สไลม์" ของเล่นฮิตของเล่นๆ ทำเด็กน้อยป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ชี้เป็นสิ่งที่อันตราย และต้องแนะนำวิธีเล่นต่อเด็ก