เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"มัธยมยุคอยุธยา" จะเรียนอะไรบ้าง ถ้ามีระบบการศึกษาแบบปัจจุบัน? เปิด 5 วิชาน่าสนใจ!

มัธยมสมัยอยุธยาจะเรียนอะไร.... สำรวจชีวิตเด็กยุคเก่าในแบบสมมุติ มีวิชาอะไรบ้างน่าบรรจุในหลักสูตร

ถ้าเด็กมัธยมในอยุธยามีโรงเรียนแบบปัจจุบัน จะได้เรียนอะไรบ้าง?” สำรวจวิชาที่เด็กมัธยมในสมัยอยุธยาอาจได้เรียน หากมีระบบการศึกษาแบบปัจจุบัน

ลองจินตนาการว่าเราได้ย้อนเวลาไปสมัยอาณาจักรอยุธยา แล้วมีระบบการศึกษาแบบ “มัธยมศึกษา” เหมือนยุคปัจจุบัน เด็กวัยรุ่นวัยประมาณ 13‑18 ปี จะได้เรียนอะไรบ้าง? บทความนี้จะวิเคราะห์โดยอิงกับข้อมูลประวัติศาสตร์ และเปรียบเทียบกับหลักสูตรยุคปัจจุบัน เพื่อให้เห็นภาพชัดว่า ถ้ามีระบบมัธยมศึกษาในอยุธยา เด็กอาจได้เรียนอะไรบ้าง

บริบทการศึกษาในอยุธยา

ในยุคอาณาจักรอยุธยา (1350‑1767) การศึกษาไม่ได้มีโรงเรียนสำหรับเด็กทุกคนเหมือนปัจจุบัน แต่เน้นที่วัด ซึ่งพระสงฆ์เป็นครูและศูนย์กลางการเรียนรู้ของสังคมทั่วไป สำหรับชนชั้นสูงก็มีการเรียนรู้ในวังหรือสำนักราชการ

เนื้อหาที่เรียนโดยทั่วไป ได้แก่ การอ่าน‑เขียนภาษาไทย, ภาษาบาลี, สันสกฤต, การท่องบทสวด, ศีลธรรม และการเตรียมอุปสมบทหรือเข้าสู่สงฆ์ในบางกรณี

ถ้ามีระบบมัธยมศึกษาแบบปัจจุบัน เด็กจะเรียนอะไรบ้าง?

หากสมมุติให้มีระบบมัธยมศึกษา เด็กวัย 13‑18 ปีอาจได้เรียนวิชาต่างๆ ตามโครงสร้างปัจจุบัน แต่เน้นเนื้อหาที่เหมาะสมกับสมัยอยุธยา เช่น:

  • ภาษาและวรรณคดีไทย‑โบราณ – เรียนการอ่าน‑เขียนบทกวีและกลอนแบบพระราชนิพนธ์ พร้อมกับการวิเคราะห์โครงสร้างภาษาไทยโบราณและอิทธิพลภาษาบาลี/สันสกฤต
  • คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์พื้นฐาน – เรียนพื้นฐานคณิตศาสตร์ เช่น การวัดที่ดิน การคำนวณภาษี และดาราศาสตร์พื้นฐานที่ใช้ในปฏิทินและศาสนา
  • ศีลธรรมและศาสนา – การศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา บทสวด และหลักศีลธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาในอยุธยา
  • ศิลปะและงานฝีมือ – เรียนประวัติศาสตร์ศิลป์โบราณ งานจิตรกรรม ภาพสถาปัตยกรรมวัด และงานหัตถกรรมที่มีบทบาทในสังคม
  • กิจกรรมเสริมอื่นๆ (สมมุติ) – เช่น กีฬาโบราณ ดนตรีไทยโบราณ การรำ และทักษะชีวิตพื้นฐาน เช่น การทำนา การค้าขายพื้นบ้าน
  • การจัดชั้นเรียนและการวัดผล (สมมุติ)

    ในกรณีสมมุติให้มีระบบชั้นมัธยม อาจแบ่งเป็น “พื้นฐาน” (อายุ 13‑14 ปี) และ “ชั้นสูง” (อายุ 15‑18 ปี) เพื่อเตรียมเข้าสู่กิจกรรมทางสังคม การประเมินอาจทำโดยครูหรือพระสงฆ์ เช่น การท่องบทสวด การแสดงผลงาน หรือการอภิปรายในชั้น

    โอกาสและความท้าทาย

    ถ้าเด็กมัธยมอยุธยาได้รับการศึกษาแบบสมมุติ จะมีโอกาส:

    • เตรียมตัวเข้าสู่บทบาททางสังคม เช่น ราชการสงฆ์ หรือกิจกรรมสาธารณะ
    • พัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ และวิชาการ
    • ฝึกการคิดวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ความรู้ในสภาพสังคมสมัยนั้น

    ความท้าทาย ได้แก่:

    • ทรัพยากรการเรียนรู้แบบโรงเรียนประจำอาจไม่ครบเหมือนยุคปัจจุบัน
    • การเน้นวิชาศาสนาและวัดมากกว่าวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่

    แม้สมัยอยุธยาจะไม่มีระบบมัธยมศึกษาเหมือนปัจจุบัน แต่ถ้าเราสมมุติให้มี เด็กวัยมัธยมอาจเรียนทั้งภาษาไทยโบราณ คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ ศีลธรรม ศิลปะ และงานฝีมือ พร้อมพัฒนาทักษะเข้าสู่บทบาททางสังคม ด้วยวิธีการเรียนรู้ที่ไม่แบบแผนเทียบเท่ายุคปัจจุบัน แต่มีพื้นฐานความรู้ที่หลากหลาย

    แล้วคุณล่ะ คิดว่าเด็กมัธยมในสมัยอยุธยาจะเรียนอะไรบ้าง หากมีระบบการศึกษาแบบปัจจุบัน?

    สมัยยุคอยุธยา เด็กไทยเรียนหนังสืออย่างไร?

    ในยุคอยุธยา (1350–1767) ยังไม่มีระบบ โรงเรียนมัธยม แบบที่เราเข้าใจกันในปัจจุบัน ระบบการศึกษาสมัยนั้นมีลักษณะพิเศษที่ต่างไปจากยุคปัจจุบัน:

    ระบบการศึกษาในยุคอยุธยา:

  • การศึกษาส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่วัด: วัดเป็นศูนย์กลางการศึกษา และพระสงฆ์ คือผู้สอน การเรียนการสอนมักเน้นที่การ อ่าน-เขียน, ภาษาบาลี, สันสกฤต, และการฝึกศีลธรรมสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะในชนชั้นสูงหรือในวัง.

  • หลักสูตรการศึกษา: ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ ศาสนา และ พิธีกรรมทางศาสนา, การเตรียมตัวเข้าสู่ การอุปสมบท หรือการเป็นพระสงฆ์ และเน้นการท่องบทสวด.

  • ไม่แบ่งชั้นปีการศึกษา: ไม่มีการแบ่งชั้นเรียนตามอายุ หรือระดับการศึกษา อย่างที่เรามีในระบบโรงเรียนมัธยมในปัจจุบัน

  • ดังนั้น ระบบการศึกษาในยุคอยุธยามีความแตกต่างอย่างมากจากปัจจุบันที่มีการจัดตั้งโรงเรียนมัธยม ซึ่งแบ่งระดับชั้นตามอายุและการศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐานที่ทันสมัย

    แล้วไทยเริ่ม "มัธยมศึกษา" เมื่อไหร่

    ระบบมัธยมศึกษา ในประเทศไทยเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วง รัชกาลที่ 5 (พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ ปฏิรูปการศึกษา ในไทย โดยมีการพัฒนาระบบการศึกษาให้เป็นแบบสมัยใหม่ที่ใกล้เคียงกับการศึกษาของประเทศตะวันตกมากขึ้น

    การเริ่มต้นของมัธยมศึกษาในไทย คือ

  • การปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5:

    • รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาสำหรับการพัฒนาประเทศ จึงทรงเริ่มการ ปฏิรูปการศึกษา โดยเปิดโรงเรียนสอนวิชาการต่างๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษา.

  • การจัดตั้งโรงเรียนมัธยม:

    • ในปี 2444 (ค.ศ. 1901) รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง โรงเรียนมัธยม (หรือที่เรียกว่า "โรงเรียนประจำจังหวัด") ขึ้น โดยมีโรงเรียน มัธยมศึกษา ในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน.

  • การแบ่งระดับการศึกษา:

    • ก่อนหน้านี้การศึกษาในไทยยังไม่มีการแบ่งชั้นเรียนชัดเจนตามหลักสูตรมาตรฐาน แต่หลังการปฏิรูปการศึกษาของรัชกาลที่ 5, ระบบการศึกษาเริ่มมีการจัดระดับชั้นเรียนอย่างเป็นทางการ โดยมี ชั้นประถมศึกษา และ ชั้นมัธยมศึกษา ตามหลักการศึกษาของตะวันตก.

  • และการพัฒนาเพิ่มเติมในสมัยต่อๆ มา รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ได้มีการพัฒนาระบบการศึกษาให้เป็นรูปแบบที่เป็นทางการและครบวงจรมากขึ้น เช่น การกำหนดหลักสูตรการศึกษา, การส่งเสริมให้มีโรงเรียนในต่างจังหวัด, และการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.

    ดังนั้น ระบบมัธยมศึกษาในประเทศไทยเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยการปฏิรูปการศึกษาที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2444 (1901) โดยมีการตั้งโรงเรียนมัธยมตามแนวทางการศึกษาของตะวันตก

    อ้างอิง

  • ERIC – History of Education in Thailand
  • CMU Archive – Prior Era to King Rama V’s Education Reform
  • Thai Journal – Education and Buddhism in Ayutthaya