เนื้อหาในหมวด ข่าว

5 อันดับ \

5 อันดับ "ผู้หญิงในข่าว" แห่งปี 2025 สตรีผู้สร้าง "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" ทั้งในด้านดี และด้าน..

5 สตรีเขย่าโซเชียล! เปิดทำเนียบ "ผู้หญิงในข่าว" แห่งปี 2568 ทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่ทำเอาคนเสพข่าว "ลืมไม่ลง"

เผลอแป๊บเดียว ปี 2568 (ค.ศ. 2025) กำลังจะผ่านพ้นไปอีกปี เข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลังส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันอีกครั้ง หากมองย้อนกลับไปตลอด 365 วันที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่าปีงูเล็กปีนี้ เป็นปีที่ "ดุ" และ "เดือด" เกินกว่าใครจะคาดคิด โดยเฉพาะพื้นที่บนหน้าสื่อที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเข้มข้น ร้อนแรง ชนิดที่ชาวเน็ตแทบไม่ได้พักหายใจ ไม่ว่าจะเป็นดรามาบันเทิงสะเทือนวงการไฮโซ การเมืองที่พลิกผันด้วยกระแสชาตินิยม หรือแม้กระทั่งประเด็นศาสนาที่ท้าทายศรัทธา สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงครองฟีดโซเชียล แต่ยังสะท้อนภาพสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่รุนแรง

และสิ่งที่ร้อนแรงแข่งกับสภาพอากาศเมืองไทย ก็คือ "บุคคลในข่าว" โดยเฉพาะเหล่า "ตัวแม่" ฝ่ายหญิง ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นมาครองพื้นที่หน้าหนึ่ง และยึดฟีดโซเชียลมีเดียของเราไปครอง วันนี้ Sanook News จึงขอรวบรวม 5 สตรี ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบปี 2568 ไม่ว่าจะในแง่มุมของดรามา คดีความ หรือปรากฏการณ์ทางสังคม มาสรุปให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันชัดๆ อีกครั้ง ว่าปีนี้…เป็นปีของใครบ้าง พร้อมเจาะลึกไทม์ไลน์เหตุการณ์ รายละเอียดดรามาที่ชาวเน็ตเกาะติด และบทเรียนที่สังคมได้เรียนรู้ เพื่อให้เห็นภาพรวมแบบครบถ้วน

อันดับที่ 5 นานา ไรบีนา

ดรามาส่งท้ายปีที่ทำให้ "แก๊งนางฟ้า" สั่นสะเทือน เมื่อชื่อของ "นานา ไรบีนา" หรือ ไรบีนา อินทชัย คุณแม่คนเก่งแห่งแก๊งนางฟ้า กลายเป็นประเด็นร้อน จากกรณีการลงทุนที่ผิดพลาดและปัญหาหนี้ก้อนใหญ่ มูลค่าภาระหนี้และภาระผูกพันทางการเงินรวมราว 400 ล้านบาท

เรื่องราวเริ่มจากการลงทุนในธุรกิจที่นานารักและเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็น YBL Thailand (ลีกบาสเกตบอลเยาวชน) ธุรกิจกีฬา และงานบันเทิงต่างๆ ที่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่เมื่อรายได้ไม่เข้าเป้าและสภาพคล่องสะดุด กลับกลายเป็นหนี้ก้อนยักษ์ที่กระทบทั้งเพื่อนฝูงและคนรอบตัว

ดรามาปะทุหนักขึ้นเมื่อเพจและรายการดังเริ่มพูดถึง "ดาราตัวแม่อักษรย่อ น." ที่มีปัญหาชวนคนรอบตัวมาลงทุน แต่หมุนเงินไม่ทัน จนทำให้เกิดความเสียหายหลักร้อยล้าน ชาวเน็ตจำนวนมากเชื่อมโยงไปที่นานาทันที เพราะภาพลักษณ์สาวเก่งที่ผันตัวมาทำธุรกิจสายกีฬาและอีเวนต์

ไทม์ไลน์ดรามาช่วงปลายปี 2568

  • ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2568 เพจและรายการดังเริ่มพูดถึงกรณี "ดาราตัวแม่ น." ลงทุนเกินตัว มีหนี้หลักร้อยล้าน ทำให้คนในวงการจับตาว่าเป็นใคร
  • แฟนๆ จับตาความสัมพันธ์ใน "แก๊งนางฟ้า" เมื่อพบว่าเพื่อนบางคนมีการอันฟอลโลว์ IG นานา ทำให้เกิดคำถามถึงมิตรภาพในกลุ่ม และยิ่งตอกย้ำกระแสข่าว
  • รายการบันเทิงชื่อดังอย่าง "แฉ" อ่านข้อความชี้แจงจากฝั่งนานาในรายการ พร้อมมุมมองจากพิธีกรที่ชี้ว่าเป็น "การลงทุนเกินตัวและบริหารผิดพลาด" มากกว่าการโกง
  • นานาออกมาพูดผ่านโซเชียล ยอมรับว่าตนเองคือคนที่ถูกพูดถึงจริง อธิบายว่าปัญหามาจากการบริหารเงินและการลงทุนที่ตัวเองรับผิดชอบเพียงลำพัง และกำลังเร่งเจรจาไกล่เกลี่ย รวมถึงมีการพูดถึงการเตรียมขายบ้านหรูราคาหลักหลายสิบล้านบาทเพื่อใช้หนี้

ดรามานี้กลายเป็นอุทาหรณ์เรื่องการเงินที่คนไทยพูดถึงกันมาก โดยเฉพาะ "การลงทุนที่ใช้เครดิตตัวเองและความไว้ใจของเพื่อน" แม้จะมีรายได้ระดับร้อยล้าน แต่หากขาดการวางแผนสภาพคล่อง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้ท่วมได้ในเวลาไม่นาน ชาวเน็ตบางส่วนเห็นใจ แต่หลายคนเรียกร้องความชัดเจนและความรับผิดชอบต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่านกระแสวิจารณ์บนโซเชียลที่ติดเทรนด์อยู่นานหลายวัน

อันดับที่ 4 ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์

จากฉายา "นางร้ายหน้าสวย" ปีนี้ "ดิว อริสรา" กลับมาครองพื้นที่สื่อแบบยาวข้ามปี แต่ไม่ใช่เรื่องความรักหวานๆ หากเป็นมรสุมชีวิตลูกใหญ่ ทั้งเรื่อง หนี้สินกับเพื่อนสนิทไฮโซ และ ชีวิตคู่ที่เดินมาถึงทางแยก

ดรามาก้อนใหญ่เริ่มปะทุในช่วง กลางเดือนมีนาคม 2568 เมื่อ "ไฮโซเมนี่" หรือ เมย์ วาสนา อินทะแสง ออกมาพูดผ่านโซเชียลและสื่อว่า มี "ดารา ด." ยืมทรัพย์สินไปขายและจำนำ ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับ รวมมูลค่าที่ฝั่งผู้กล่าวหาอ้างว่าแตะหลัก 60 กว่าล้านบาท

ชาวเน็ตจับโยงทันทีว่าหมายถึงดิว อริสรา ก่อนที่ดิวจะออกมาชี้แจง โดยระบุว่า

  • มูลค่าที่แท้จริงอยู่ราว 20 ล้านบาท
  • เป็นการยืมทรัพย์สินเพื่อนำไปหมุนและทยอยชดใช้
  • ยืนยันว่าตนเองกำลังเคลียร์หนี้อย่างต่อเนื่อง

ดรามานี้ลุกลามเร็วบนโลกออนไลน์ แฮชแท็กชื่อของดิวพุ่งติดเทรนด์ มีคนพูดถึงหลักล้านครั้งภายในเวลาไม่นาน จากนั้นเรื่องก็เดินหน้าสู่ ชั้นศาล มีการฟ้องร้องกันทั้งในส่วนทรัพย์สินและค่าเสียหาย

ขณะเดียวกัน ชีวิตคู่ของดิวยังต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือน

  • สามีชาวไต้หวัน "เซบาสเตียน ลี" ถูกตั้งคำถามถึงบทบาทในเคสมรสุมหนี้ แต่เจ้าตัวออกมาพูดชัดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา และเน้นว่าระบบครอบครัวของเขาให้ทุกคน "รับผิดชอบชีวิตตัวเอง"
  • อย่างไรก็ตาม ภาพครอบครัวในโซเชียลเริ่มเปลี่ยนไป มีการลดรูปคู่ เหลือภาพลูกเป็นหลัก ทำให้แฟนๆ สังเกตความห่างเหินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุด ช่วงประมาณ ปลายเดือนสิงหาคม 2568 ดิวออกมาแถลงข่าวทั้งน้ำตา ยอมรับว่า

  • ได้เลิกรากับเซบาสเตียนแล้ว
  • ปัญหาการเงินและภาระต่างๆ เป็นหนึ่งในแรงกดดันสำคัญของครอบครัว
  • หากไม่มีลูก เธออาจ "ไม่อยากอยู่ต่อ" แต่เพราะลูกสองคนคือแรงใจ จึงต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

หลังจากนั้น ดิวเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังต้องสู้กับคดีความไปพร้อมกัน เธอหันมาทำทุกอย่างที่สร้างรายได้ ทั้งรับงานอีเวนต์ ทำธุรกิจความงาม รวมถึงไลฟ์ขายสินค้าและอาหารต่างๆ เพื่อปลดหนี้ทีละก้อน ในขณะที่ภาพจากฝั่งเซบาสเตียนที่พาลูกๆ ไปเที่ยวต่างประเทศก็ยังปรากฏให้เห็นเป็นระยะ

ปีนี้จึงกลายเป็น "ปีแห่งบททดสอบ" ของดิวอย่างแท้จริง ต้องสู้ทั้งศึกนอก (คดีหนี้ที่ยังไม่จบง่ายๆ) และศึกใน (หัวใจและครอบครัวที่เปลี่ยนไป)

อันดับที่ 3 สส.ไอซ์ รักชนก ศรีนอก

จาก "สส.หน้าใส" สู่ "นักชนตัวแม่" แห่งปี 2568 หากจะหา "หญิงแกร่ง" ในสนามการเมือง ชื่อของ "สส.ไอซ์ รักชนก ศรีนอก" ส.ส.กทม. พรรคประชาชน คือหนึ่งในชื่อแรกๆ ที่คนไทยนึกถึง

ปีนี้เธอสลัดภาพ ส.ส.รุ่นใหม่สายหวาน ทิ้งไว้เพียงบทบาท "นักชน" ที่กล้าเปิดหน้าแลกกับ "ตอใหญ่ระดับประเทศ" แบบไม่เกรงใจใคร ทั้งเรื่องระบบประกันสังคม มูลนิธิชื่อดัง และเครือข่ายการเมืองทรงอิทธิพล

ไฮไลต์สำคัญตลอดปี 2568

  • 20 กุมภาพันธ์ 2568 (โดยประมาณ) ไอซ์แถลงเปิดข้อมูลโครงการด้านไอทีและ Web App ของ สำนักงานประกันสังคม ที่ใช้งบประมาณรวมระดับหลายร้อยล้านบาท เธอชี้ประเด็นว่าระบบใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ใช้งบมหาศาล พร้อมจี้ถามว่าเบื้องหลังโครงการคือใครกันแน่
  • ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เธอพูดถึงงบ Call Center ของประกันสังคมที่ใช้งบหลักร้อยล้าน แต่ประชาชนกลับโทรติดยากหรือไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน พร้อมย้ำว่า "เงินทุกบาทเป็นเงินของผู้ประกันตน" และเปรียบเทียบสิทธิประกันสังคมว่าด้อยกว่าบัตรทองในหลายด้าน
  • ตลอดครึ่งปีหลัง 2568 ไอซ์ขยายประเด็นไปถึงกรณีมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับ "กัน จอมพลัง" เชื่อมโยงคำถามไปถึงชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผ่านข้อบังคับมูลนิธิและการจัดการทรัพย์สินหากยุบมูลนิธิ ใช้ถ้อยคำตรงไปตรงมาว่า "สนิทก็บอกสนิท" จนกลายเป็นดรามาการเมืองที่เดือดที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้

การเปิดหน้า "ชนตัวเป้ง" ทำให้ไอซ์ต้องแลกกับการเผชิญคดีความทั้งเก่าและใหม่ ตั้งแต่คดี มาตรา 112 ที่ต่อเนื่องมาจากช่วงก่อนหน้า ไปจนถึงคดีหมิ่นประมาทและการฟ้องร้องทางการเมืองอีกหลายคดี แต่ในอีกด้านหนึ่ง เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของ "นักการเมืองหญิงที่กล้าชน" สำหรับคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย

ปลายปี ยังมีดรามาเรื่อง ภาพแชตหลุด ที่ถูกอ้างว่าเป็นการสั่งการให้ทีมงานหรือเพื่อนร่วมสภาช่วยดันประเด็นบางเรื่องในโซเชียล ไอซ์ออกมาชี้แจงว่าเป็นการพยายามให้ "ข้อเท็จจริงถูกมองเห็น" มากกว่าจะเป็นการปั่นข่าว และยืนยันว่าพร้อมสู้คดีในชั้นศาล

ปี 2568 จึงเป็นปีที่ทำให้ชื่อ "รักชนก ศรีนอก" เปลี่ยนจาก "ดาวรุ่ง" เป็น "นักสู้ตัวจริง" ที่ทั้งถูกวิจารณ์ ถูกฟ้อง และถูกยกย่องไปพร้อมกัน

อันดับที่ 2 แพทองธาร ชินวัตร

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ "นายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย" ปี 2568 คือปีที่ชื่อของ "อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร" ถูกพูดถึงหนาแน่นที่สุด ทั้งในมิติการเมืองภายในประเทศ ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา และผลกระทบระดับเสถียรภาพรัฐบาล

ต้นเหตุเริ่มจาก "คลิปเสียงสนทนา" ระหว่างเธอกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในวันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยฝั่งกัมพูชาเอง เนื้อหาในคลิปสร้างแรงสั่นสะเทือนทันที เพราะมีตอนหนึ่งที่พูดถึงนายทหารระดับสูงไทยและฝ่ายความมั่นคง ด้วยน้ำเสียงที่ถูกตีความว่า "ไม่เหมาะสม"

ผลกระทบของคลิปนี้ลามอย่างรวดเร็ว

  • ก่อให้เกิดกระแส #ขายชาติ และกระแสชาตินิยมอย่างรุนแรงในไทย
  • กลุ่ม ส.ว. และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมองว่าเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตย
  • พรรคร่วมรัฐบาลสำคัญอย่าง พรรคภูมิใจไทย ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้าน และต่อมาประกาศถอนตัวจากรัฐบาล

แพทองธารออกแถลงการณ์ขอโทษและชี้แจงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น "เทคนิคการทูตเชิงนุ่มนวล" เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับกัมพูชา ไม่ใช่การยอมเสียผลประโยชน์ของชาติ แต่คำชี้แจงดังกล่าวไม่อาจหยุดแรงกดดันทางการเมืองได้

  • ต้นเดือนกรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ระหว่างการไต่สวนกรณีจริยธรรมร้ายแรงจากคลิปเสียง
  • ปลายเดือนสิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ข่าวนี้ถูกสื่อทั้งไทยและต่างประเทศนำไปเสนออย่างกว้างขวาง หลายสำนักใช้กรอบว่า เป็น "ชินวัตรคนที่สามที่หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายในเวลาไม่ถึง 20 ปี" และตั้งคำถามถึงเสถียรภาพทางการเมืองของไทยในระยะยาว

ดรามาคลิปเสียงครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องตัวบุคคล แต่สะท้อนทั้ง

  • ความเปราะบางของการเมืองในยุคที่ทุกคำพูดถูกบันทึกและเผยแพร่ได้
  • การใช้ประเด็นชาตินิยมเป็นเครื่องมือทางการเมือง
  • คำถามถึงมาตรฐานจริยธรรมของผู้นำในยุคดิจิทัล

ปี 2568 จบลงด้วยการที่แพทองธารกลายเป็น "อดีตนายกฯ" ภายในเวลาเพียง 1 ปีหลังเข้ารับตำแหน่ง แต่ชื่อของเธอยังติดในลิสต์ "ข่าวการเมืองใหญ่แห่งปี" ของแทบทุกสำนักข่าว

อันดับที่ 1 สีกากอล์ฟ (วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์)

ถ้าต้องยกตำแหน่ง "ข่าวฉาวแห่งปี" ที่สั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองอย่างรุนแรงที่สุดในปี 2568 ชื่อที่หนีไม่พ้นคือ "สีกากอล์ฟ" หรือ วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์

เรื่องราวของเธอกลายเป็นเหมือน "ซีรีส์ดรามา" ที่ถูกสังคมเกาะติดแบบตอนต่อ ตอนแรกเริ่มจากข่าวการบุกค้นบ้านหรู และค่อยๆ ลุกลามเป็นการเปิดโปงเครือข่ายความสัมพันธ์กับพระชั้นผู้ใหญ่ และเส้นทางการเงินที่โยงไปถึงเงินวัดและธุรกรรมที่น่าสงสัย

ไทม์ไลน์คดีสีกากอล์ฟในปี 2568

  • 4 กรกฎาคม 2568 ตำรวจบุกค้นบ้านพักหรูใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ พบทรัพย์สิน เอกสาร และโทรศัพท์หลายเครื่อง ถูกยึดไปตรวจสอบ
  • จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง พบว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนในบัญชีรวมกันประมาณ เกือบ 400 ล้านบาท แต่ยอดคงเหลือในวันที่ตรวจสอบมีเพียงหลักพันบาทเท่านั้น
  • ต่อมามีการออกหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหาหลายกรรม ทั้งการสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การสมคบและร่วมกันฟอกเงิน การรับของโจร และข้อหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงและรีดทรัพย์ รวมแล้วหลายข้อหา

สิ่งที่ทำให้คดีนี้ "สะเทือนศรัทธา" เป็นพิเศษ คือการเปิดเผยว่ามี พระชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากถูกตรวจสอบ เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาวและเรื่องเงินทอง บางรูปถูกตั้งคำถามเรื่องการโอนเงินจากวัดเข้าสู่บัญชีส่วนตัวของสีกา และมีพระอย่างน้อยสิบกว่ารูปที่ถูกตรวจสอบในคดีต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน พร้อมรายงานว่ามีพระจำนวนหนึ่งตัดสินใจลาสิกขา

สื่อบางแห่งรายงานคำให้การของสีกากอล์ฟที่ยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์กับพระผู้ใหญ่หลายรูป และพูดถึงปมชีวิตในวัยเด็กที่ครอบครัวแตกแยก ทำให้เธอรู้สึกยึดโยงกับบุคคลในผ้าเหลืองเป็นพิเศษ เรื่องราวของเธอจึงไม่ได้เป็นเพียงคดีอาญา แต่ถูกเล่าควบคู่ไปกับมิติทางจิตใจและโครงสร้างอำนาจภายในวงการสงฆ์

ตลอดครึ่งหลังของปี 2568 ข่าวเกี่ยวกับสีกากอล์ฟถูกนำเสนอแทบทุกวัน ทั้งการนำตัวฝากขัง การเยี่ยมของครอบครัว การให้การต่อพนักงานสอบสวน และผลกระทบต่อวัดต่างๆ ที่ถูกโยงชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง สังคมวิพากษ์อย่างหนักว่า

  • ทำไมการตรวจสอบวงการสงฆ์จึงมักเริ่มต้นจาก "คดีฉาว" แทนที่จะเป็นระบบตรวจสอบภายในที่เข้มแข็ง
  • การบริหารเงินวัดที่มีมูลค่าสูงควรโปร่งใสกว่านี้อย่างไร
  • และที่สำคัญ ศรัทธาของชาวพุทธจะฟื้นฟูจากคดีนี้อย่างไร

สื่อออนไลน์บางแห่งในต่างประเทศยังหยิบเรื่องนี้ไปเล่าในมุมของ "หนึ่งในคดีฉาววงการศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของไทยในรอบหลายปี" ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านลบที่ลุกลามไปไกลกว่าพรมแดนประเทศไทย

บทสรุป

ปี 2568 นับเป็นปีที่ "ผู้หญิง" มีบทบาทอย่างมากในการกำหนดทิศทางข่าวสารของสังคมไทย ทั้ง 5 คนที่ Sanook News หยิบยกมานี้ ล้วนเป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ

  • การเมือง – จากคลิปเสียงที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทางอำนาจ นำไปสู่การเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ
  • ศาสนา – จากคดีฉาวที่เขย่าศรัทธาชาวพุทธ และชี้ให้เห็นปัญหาโครงสร้างการตรวจสอบภายในวงการสงฆ์
  • บันเทิงและสังคมไฮโซ – จากมรสุมหนี้สิน ความไว้ใจระหว่างเพื่อน และการบริหารความฝันผ่านการลงทุนที่ไม่รอบคอบ
  • การเมืองภาคประชาชน – จากนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ที่ลุกขึ้นมาชน "ระบบใหญ่" ด้วยข้อมูลและการตั้งคำถามอย่างต่อเนื่อง

เรื่องราวเหล่านี้ไม่เพียงสร้างกระแสบนโซเชียล แต่ยังกลายเป็น บทเรียนราคาแพง ให้สังคมไทยในหลายมิติ ตั้งแต่การรู้เท่าทันการลงทุน การแยกแยะศรัทธาจากตัวบุคคล ไปจนถึงการตรวจสอบอำนาจและการทำงานของผู้มีตำแหน่งในรัฐและศาสนา

หวังว่าเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2569 เราทุกคนจะเสพข่าวอย่างมีสติ ตรวจสอบข้อมูลรอบด้าน และใช้บทเรียนจากปีนี้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง จากปีที่ "ผู้หญิงไทยเขย่าโครงสร้างอำนาจ" จบลงด้วยคำถามสำคัญว่า…

ปีหน้า ใครจะเป็น "ตัวแม่" คนต่อไปในหน้าข่าวและฟีดโซเชียลของเรา?

กลืน \

กลืน "หมากฝรั่ง" แล้วจะติดอยู่ในท้อง 7 ปี จริงหรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญมาเฉลย

เฉลยความจริงที่ถูกเตือน! กลืน "หมากฝรั่ง" แล้วจะติดอยู่ในท้อง 7 ปี จริงหรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญเผยคำตอบอาจเซอร์ไพรส์

ราวเทพนิยาย! เปิดชีวิต \

ราวเทพนิยาย! เปิดชีวิต "อดีตพระเอกช่องดัง" หลังวิวาห์แฟนหนุ่มเศรษฐีอิตาลี ที่อายุห่างกัน 20 ปี

ส่องชีวิต อดีตพระเอกช่องดัง หลังแต่งงานกับแฟนหนุ่มเศรษฐีชาวอิตาลี ที่อายุห่างกันกว่า 20 ปี แต่ไม่เป็นอุปสรรค เสิร์ฟหวานจนใครๆก็ต้องอิจฉา