แพงแซงทอง?! "โลหะปีศาจ" ราคาพุ่ง 71% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เผย 2 ปัจจัยดันเงินพุ่ง
ทุบสถิติโลก! "ราคาเงิน" พุ่งปรี๊ดปี 2025 และจ่อพุ่งต่อยาวๆ หลังทำนิวไฮรอบ 50 ปี เผย 2 สาเหตุทำไมแพงหูฉี่?
ในวงการลงทุน "โลหะเงิน" (Silver) มักถูกขนานนามว่า "โลหะปีศาจ" (Devil’s Metal) เนื่องจากความผันผวนของราคาที่รุนแรง แต่ในปี 2025 นี้ มันกลับสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการพุ่งทะยานทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอุปทานและความต้องการที่ล้นตลาด ซึ่งนักวิเคราะห์ฟันธงว่า "ขาขึ้นรอบนี้ยังไม่จบง่ายๆ"
ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี
เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาโลหะเงินพุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 54.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 71% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ราคาจะมีการย่อตัวลงบ้าง แต่แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเหตุการณ์ราคาพุ่งแรงขนาดนี้เคยเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในรอบ 50 ปี คือช่วงปี 1980 (เหตุการณ์พี่น้องตระกูล Hunt ปั่นราคา) และปี 2011 (วิกฤตเพดานหนี้สหรัฐฯ)
พอล ซิมส์ (Paul Syms) ผู้บริหารจาก Invesco เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า สถานการณ์ความต้องการเงินตึงตัวมาก ถึงขนาดที่บางช่วงเวลาผู้ประกอบการต้อง "ขนส่งแร่เงินทางเครื่องบิน" เพื่อให้ทันต่อความต้องการใช้งาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก
แรงหนุนจาก "อินเดีย" และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ปัจจัยหลักที่ดันราคาให้พุ่งสูงมาจากความต้องการมหาศาลจาก ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก (ประมาณ 4,000 ตันต่อปี) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลดิวาลี (Diwali) และฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรชาวอินเดียนิยมซื้อทองคำและเงินเก็บสะสมแทนการฝากเงิน ส่งผลให้ราคาในอินเดียพุ่งไปแตะ 170,415 รูปีต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นถึง 85% ตั้งแต่ต้นปี
นอกจากนี้ บทบาทของโลหะเงินในภาคอุตสาหกรรมยังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แผงโซลาร์เซลล์ และ AI ปัจจุบันรถ EV ใช้เงินประมาณ 25-50 กรัมต่อคัน แต่ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Solid-state ในอนาคต อาจต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นถึง 1 กิโลกรัมต่อคันเลยทีเดียว
วิกฤตซัพพลาย: คลังลอนดอนร่อยหรอ เหมืองผลิตไม่ทัน
ในขณะที่ความต้องการพุ่งสูง แต่ฝั่งผู้ผลิตกลับเผชิญปัญหา โดยรายงานจาก Silver Institute ระบุว่าตลาดได้เปลี่ยนจากสภาวะ "เกินดุล" เป็น "ขาดดุล" เรียบร้อยแล้ว คลังเก็บโลหะเงินในลอนดอนมีปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย จาก 31,023 ตันในเดือนมิถุนายน 2022 เหลือเพียง 22,126 ตันในเดือนมีนาคม 2025
ประกอบกับผลผลิตจากเหมืองในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ที่ลดลงต่อเนื่องนับทศวรรษ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก จนต้นทุนการกู้ยืมโลหะเงิน (Lease rates) เคยพุ่งสูงถึง 200% ต่อปีในช่วงเวลาสั้นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่มากกว่าของที่มีอยู่อย่างชัดเจน
สรุปแนวโน้มราคา
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การผสมผสานระหว่างบทบาท "สินทรัพย์ปลอดภัย" (Safe Haven) และ "วัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรม" จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาโลหะเงินทรงตัวในระดับสูงและมีโอกาสทำลายสถิติใหม่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
- นักเขียนดัง "พ่อรวยสอนลูก" ชี้ลงทุนในสินทรัพย์นี้ ปีเดียวมูลค่าอาจพุ่ง 5 เท่า ไม่ใช่ทองคำ!!!
- คืออะไร?! จากอาหารหมู สู่เมนูหรูในจานมนุษย์ "แพงติดอันดับโลก" พุ่งสุด 3 ล้านบาท/กิโลกรัม
อ้างอิง
