เช็กข่าวชัวร์ : ขณะมีประจำเดือน ควรเลี่ยงดื่ม "น้ำเต้าหู้" จริงหรือไม่?
Fact Check ข่าวอ้างว่า “ขณะมีประจำเดือนควรเลี่ยงดื่มน้ำเต้าหู้ เพราะทำให้ระบบประจำเดือนบกพร่อง” จริงหรือไม่?
ในโลกออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดียมีการส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพที่สร้างความกังวลให้กับผู้หญิง โดยระบุว่า "ขณะมีประจำเดือนควรเลี่ยงการดื่มน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้ระบบประจำเดือนบกพร่อง" จนทำให้หลายคนเกิดความสับสนและไม่กล้าบริโภคน้ำเต้าหู้ในช่วงที่มีรอบเดือน กองบรรณาธิการ Sanook News ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
จากการตรวจสอบข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าประเด็นดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนและมีการบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่ไม่ถูกต้องได้
คำถาม
มีการแชร์ว่า "ขณะมีประจำเดือนควรเลี่ยงการดื่มน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้ระบบประจำเดือนบกพร่อง" จริงหรือไม่?
การตรวจสอบ
กองบรรณาธิการ Sanook News ได้ตรวจสอบข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็น "ข้อมูลบิดเบือน" โดยทางกรมอนามัยอธิบายข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ว่า แม้น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองจะมีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ของเพศหญิง แต่ปริมาณที่มีอยู่ในน้ำเต้าหู้นั้นมีน้อยมาก
ทางกรมอนามัยระบุเพิ่มเติมว่า การดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณที่เหมาะสม คือประมาณ 1-2 แก้วต่อวัน แทบไม่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย หรือทำให้ระบบประจำเดือนทำงานผิดปกติแต่อย่างใด
แม้ปัจจัยการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปบ้าง ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของถั่วเหลืองที่บริโภค แต่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าการดื่มน้ำเต้าหู้จะส่งผลโดยตรงให้ระบบประจำเดือนบกพร่องตามที่มีการกล่าวอ้างในโลกออนไลน์ ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่ควรตื่นตระหนกกับข้อมูลดังกล่าว

ข้อเท็จจริง
ข้อมูลบิดเบือน การดื่มน้ำเต้าหู้ขณะมีประจำเดือนในปริมาณที่เหมาะสม (1-2 แก้วต่อวัน) ไม่ทำให้ระบบประจำเดือนบกพร่องหรือผิดปกติ แนะนำให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลสุขภาพจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนส่งต่อ