เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

[ขุดหนังเก่ามารีวิว] Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ลาร่า ครอฟท์ในเวอร์ชั่นยิงกันหูดับ

[ขุดหนังเก่ามารีวิว] Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ลาร่า ครอฟท์ในเวอร์ชั่นยิงกันหูดับ

แม้จะเป็นภาคต่อของ Lara Croft Tomb Raider ในเวอร์ชั่นของแองเจลีนา โจลีนำแสดง ซึ่งทำเงินในตลาดอเมริกาเหนือไม่ค่อยเข้าเป้า เพราะหนังทำรายได้ไปแค่เพียง 65 ล้านเหรียญฯ สำหรับในตลาดนอกประเทศอเมริกาเหนือหนังสามารถทำเงินเพิ่มเติมไปที่ 94 ล้านเหรียญฯ ส่งผลให้หนังทำเงินทั้งสิ้น 160 ล้านเหรียญ  ทำให้สตูดิโอพาราเมาท์ไม่ได้มีโครงการพัฒนาภาคต่อ ก่อนที่หนังจะถูกรีบูตอีกครั้งเมื่อปี 2018 และนำแสดงโดยอลีเซีย วิแกนเดอร์

Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ปี 2003 บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของลาร่า ครอฟท์ (แองเจลีนา โจลี) ระหว่างที่เธอกำลังพักร้อนอยู่แถวประเทศกรีซ และค้นพบว่ากระแสน้ำในมหาสมุทรกำลังเปลี่ยนทิศทางเธอจึงตัดสินใจดำน้ำเพื่อไปสำรวจวิหารลับที่คาดว่าจะเป็นของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่เคยสร้างเอาไว้ ณ ที่นั่นลาร่าได้เจอกับลูกบอลแก้วเรืองแสง ไม่นานนักเธอก็โดนโจมตีจากกลุ่มชาวจีนเพื่อช่วงชิงลูกบอล และไม่นานนักวิหารได้ถล่มลงมาจนเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด

เมื่อได้สติกลับคืนมาลาร่าพบว่า ทางการได้ล่วงรู้ว่าตอนนี้ดร.โจนาธาน รีสส์ (เซียแรน ไฮนด์ส) นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลกำลังต้องการใช้ลูกบอลดังกล่าวเพื่อเป็นแผนที่นำทาไปยังกล่องแพนโดร่า ซึ่งขึ้นชื่อว่าได้เก็บเชื้อไวรัสร้ายที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา โดยตำแหน่งที่ซ่อนกล่องดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะอยู่ที่แหล่งกำเนิดชีวิตในทวีปแอฟริกา

แผนปฏิบัติการยับยั้งของลาร่าได้รับการอนุญาตทำภารกิจจากทางการ เธอจึงร้องขอให้ปล่อยตัวเทอรี่ (เจอราร์ด บัตเลอร์) อดีตนาวิกโยธินฝีมือดีที่ทรยศกับทางการจนถูกจองจำในคุกให้มาร่วมทำภารกิจตามรอยเชนโล (ไซมอน แยม) มาเฟียที่ถูกว่าจ้างจากดร.โจนาธาน รีสส์ เพื่อช่วงชิงลูกบอลกลับมาให้ทันเวลา

ความกิ๊บเก๋ของ Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life คือเป็นสไตล์หนังของช่วงปี 2000 ต้นๆที่เน้นฉากแอ็คชั่นโครมคราม ไม่เน้นความสมจริง อาทิการปีนป่ายผนังของลาร่าที่ถ้าปรับแสงสลัวๆเราคงนึกว่านางแมงมุมพันธุ์เดียวกับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์กัดมา หรือกระทั่งฉากต่อยปลาฉลามจนหน้าหงายก็เรียกได้ว่า พี่จะเอาแบบนี้จริงๆป่ะ ฉากแอ็คชั่นที่ลืมไม่ลง อาทิฉากลาร่าขับมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ขึ้นกำแพงเมืองจีน ฉากระเบิดพาหนะยานบินด้วยการดีดตัวออกแล้วปล่อยให้เครื่องบินระเบิดแบบเก๋ๆตามประสาคนบ้านรวยไม่ต้องแคร์โลก

พอเราหยิบกลับมาดูในปี 2020 ก็พบว่าหนังก็ยังดูสนุก เพลิดเพลิน โปรดักชั่นอลังการสมเป็นหนังฟอร์มยักษ์รับซัมเมอร์ที่ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ดูไปทำอย่างอื่นไปก็ไม่พลาดอะไร แวะมาโฟกัสใส่ใจตอนฉากแอ็คชั่นโครมครามก็พอ