เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

ทำไม \

ทำไม "เต๋" ใน "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ถึงเจ็บปวดมากกว่าใครเพื่อน

ถึง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” จะออกอากาศมาแล้วถึง 4 ตอนแล้วด้วยกันและจะปิดฉากเรื่องราวทั้งหมดลงในตอนที่ 5 ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ก็ตามที แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารายละเอียดที่แทรกตัวอยู่ในบทของซีรีส์เรื่องนี้ “เข้าถึง” ชีวิตของใครหลายคน

ถ้าเราจะจัดจำแนกว่า “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” (I Told Sunset About You) เป็นซีรีส์วาย ก็คงไม่ค่อยแฟร์นัก แต่ถ้าหากพูดว่ามันคือซีรีส์แนว Coming of Age ดูน่าจะเป็นคำจัดการความที่ดีกว่าเพราะตัวละครในเรื่องดูจะต้องรับมือกับจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เนื่องจากตัวละครทั้งสองอย่างเต๋ (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล)และโอ้เอ๋ว (พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) ต้องรับมือกับหัวใจตัวเอง พ่วงไปกับความพยายามสอบให้ติดมหาวิทยาลัยที่พวกเขาใฝ่ฝัน

เมื่อมองไปถึงตัวละครอย่างเต๋ ที่เติบโตมาในครอบครัวคนจีนในเมืองภูเก็ต ความสัมพันธ์ของเต๋และโอ้เอ๋วเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ที่ทั้งสองคนสอบติดมัธยมชั้นปีที่ 1 และกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน เต๋และเพื่อนๆมักจะมากินหมี่ฮกเกี้ยนโกหลำที่บ้านของเต๋กันอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่โซ้ยหมี่กันอย่างอร่อยเหาะ พร้อมกับดูละครจีนกำลังภายในอย่างกระบี่เย้ยจันทรา เต๋ก็เกิดแรงบันดาลใจในชีวิตครั้งสำคัญที่ทำให้เขาอยากจะเติบโตไปเป็นนักแสดงในอนาคตแบบนักแสดงอย่างหยงเจี้ยน

จนกระทั่งม.3 เมื่อโรงเรียนอยากจะทำละครภาษาจีนเรื่องกระบี่เย้ยจันทรา ครูประจำชั้นเสนอให้โอ้เอ๋วรับบทเป็นหยงเจี้ยน ทั้งที่ลึกๆแล้วเต๋ก็คาดหวังว่าเขาจะได้รับบทบาทนี้ แม้ว่าโอ้เอ๋วจะไม่ถนัดภาษาจีนเลย แต่เต๋ก็พยายามช่วยเหลือเขาทุกวิถีทาง ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเมื่อละครจบลงแล้วโอ้เอ๋วกลับมาบอกเต๋เป็นคนแรกว่า เขาเริ่มตกหลุมรักการแสดง ทำให้เต๋ไม่พอใจและรู้สึกว่าเขากลายเป็นคู่แข่ง ทั้งสองจึงผิดใจกันตั้งแต่นั้นมา

เต๋สอบติดโรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดทำให้เขาอยู่คนละโรงเรียนกับโอ้เอ๋ว จนกระทั่งกลุ่มเพื่อนเก่าได้กลับมาเจอกันอีกครั้งที่โรงเรียนกวดวิชาภาษาจีน เมื่อเต๋ได้เจอกับโอ้เอ๋วอีกครั้งทั้งสองดูจะไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่

ด้วยอุปนิสัยความเก่งที่เป็นทุนเดิมของเต๋ ชอบเอาชนะ ทำให้เขามั่นใจว่าเขาต้องติดสอบตรงของคณะและลอยลำ โดยที่ลึกๆแล้วเขาก็อยากจะเห็นโอ้เอ๋วสอบไม่ติด เมื่อวันประกาศผลสอบตรงมาถึง เต๋สอบติดแต่โอ้เอ๋วสอบไม่ติด ท่ามกลางความผิดหวังเจ็บปวดทำให้โอ้เอ๋วเผยความในใจว่าลึกๆแล้วเขาก็รู้ตัวว่าตัวเองเป็นรองเต๋แบบไม่มีทางสู้เลย จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้ปรับความเข้าใจกัน สองเพื่อนซี้ก็กลับมาคุยกันได้อย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะสนิทสนมกันไวมากขึ้น

วกกลับมาสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างเต๋และตาลที่ตอนแรกเป็นเหมือนเพื่อนสนิท แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงเองก็ “รู้สึก” กับเต๋ในระดับที่มากกว่าเพื่อนอยู่ไม่น้อย จนเมื่อฝ่ายชายเริ่มจะให้ความหวังว่า เต๋เองก็แอบชอบตาลอยู่ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครือไม่ชัดเจน ตาลเองก็แอบคิดไปไกล เลยเถิด ในขณะเดียวกันตัวเต๋เองก็ยังไม่มั่นใจว่าลึกๆแล้วเขาชอบเธอหรือเปล่า หรือเขาแค่พยายามชอบเธอเพื่อให้มันเป็นไปตามวิถีของความรักในวิถีของบรรทัดฐานสังคม

ความกดดันของเต๋เมื่อต้องถูกเปรียบเทียบกับโก๊หุ้น (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) ที่เป็นลูกชายคนโตของบ้าน เรียนเก่ง ประสบความสำเร็จในทุกวิถีทาง เขาจึงรู้สึกว่าต่อให้เก่งกว่านี้แค่ไหนเขาก็คงไม่มีวันเก่งมากไปกว่าพี่ชายของตัวเอง และทำให้เขารู้สึกว่าบางครั้งการเก็บความรู้สึกต่างๆไว้กับตัวเองน่าจะเป็นทางออกทีดีที่สุด

ลึกๆแล้วเต๋เองเป็นคนที่แบกรับความกดดันหลายๆอย่าง อันที่จริงเขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าการที่เขาโกรธและไม่ยอมคุยกับโอ้เอ๋วนั้นที่จริงเป็นความผิดของเขามาตั้งแต่สมัยม.3 ด้วยความเห็นแก่ตัวและอีโก้ของแต่ละฝ่ายทำความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องขาดสะบั้นลง แต่เมื่อทั้งสองพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ให้กลับมาสนิทกันกลายเป็นว่าจากคำว่าเพื่อน ทั้งสองกลับรู้สึกกันมากกว่านั้น เต๋และโอ๋เอ๋วโหยหาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

เต๋เองก็อยากให้โอ้เอ๋วให้ความสำคัญกับตัวเขามากกว่าคนอื่นๆ แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดตรงๆ หรือกล่าวง่ายๆว่าตัวเต๋เองเป็นคนปากแข็ง ไม่พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่อยากร้องขอในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แต่ใช้การกระทำให้อีกฝ่ายได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการขนหนังสือมาให้โอ้เอ๋วได้อ่าน การทำแฟลชการ์ดภาษาจีน เสนอตัวเป็นคนติวภาษาจีน หรือแม้กระทั่งเวลาโกรธอีกฝ่ายเต๋ก็จะไม่ยอมพูดตรงๆแต่ใช้การประชดประชันแทน

กราฟความสัมพันธ์ระหว่างเต๋และโอ้เอ๋วนั้นเริ่มสับสนและวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละ EP ทั้งหมดทั้งมวล เริ่มมาจากความไม่ชัดเจนของตัวเต๋เอง ที่ไม่รู้จะหาทางออกให้กับปัญหายังไงดี แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทำร้ายตัวเขาเองมากที่สุดคือการที่เขาตัดสินใจทิ้งความฝันของตัวเองกลางคันและมองว่านั่นคือการมอบโอกาสให้กับผู้อื่น โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวของเขาเองเพียงผู้เดียว

เมื่อย้อนกลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เต๋เองจึงได้แต่ต้องโอบรับความเจ็บปวดนั้น และได้แต่คร่ำครวญจนแทบสิ้นสติว่า การตัดสินใจที่เอาอารมณ์เป็นตัวตั้งบางครั้งก็นำมาซึ่งปัญหาที่ลุกลามบานปลายมากกว่าที่ตัวเองจะจินตนาการได้เช่นกัน

บทสรุปของแปลรักฉันด้วยใจเธอ จะลงเอยอย่างไร EP5 น่าจะได้คำตอบพร้อมๆกัน

\

"บิวกิ้น-พีพี" ปิดฉากโปรเจกต์ด้วยงาน "แปลรักฉันด้วยใจเธอ The Last Twilight"

"บิวกิ้น-พีพี" ปิดฉากโปรเจกต์ด้วยงาน "แปลรักฉันด้วยใจเธอ The Last Twilight" ชวนแฟนๆ นั่งชมแสงสุดท้าย กับบรรยากาศดนตรีในสวน

ย้อนความประทับใจ \

ย้อนความประทับใจ "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" เตรียมลงจอฟรีทีวี

หลังสร้างความประทับใจจนกวาดรางวัลมาเพียบ ซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ ก็เตรียมลงจอโทรทัศน์ให้ผู้ชมได้ดูกันแบบฟรีทีวีแล้ว

\

"พีพี กฤษฏ์" มงลง! คว้ารางวัล Asian Star Prize เวที Seoul International Drama Awards 2021

ยินดีกับคนเก่ง! นักแสดงหนุ่ม "พีพี กฤษฏ์" คว้ารางวัล Asian Star Prize และซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ คว้ารางวัลจากเวที Seoul International Drama Awards 2021 ประเทศเกาหลีใต้ มาครองได้สำเร็จ!

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เมื่อเราเติบโตขึ้น เงื่อนไขในชีวิตของเราก็ไม่เหมือนกัน

แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2 เมื่อเราเติบโตขึ้น เงื่อนไขในชีวิตของเราก็ไม่เหมือนกัน

"แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2" กับการติดตามพัฒนาการที่ก้าวกระโดดระหว่างเต๋และโอ้เอ๋ว ที่ต้องผ่านมรสุมการเติบโตหนักหน่วงตลอดทั้งเรื่อง แต่อย่างหนึ่งที่เป็นแกนสำคัญ คือ การเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีอะไรมากกว่าที่คิด