เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

ตำนานบทคนรับใช้ในละครไทย \

ตำนานบทคนรับใช้ในละครไทย "หยา จรรยา" เปิดใจเคยเบื่อในบทบาทคนใช้ จนถึงขั้นปฏิเสธงาน

สำหรับ หยา จรรยา บทบาทที่ทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการบันเทิง คือ บทคนใช้ ตลอดการทำงานในเส้นทางนี้มากว่า 20 ปี ซึ่งมีหลากหลายตัวละครสาวใช้ที่เธอรับหน้าที่สร้างโลกของพวกเขาให้กลายเป็นจริงจากหน้ากระดาษของบทละคร จนผู้จัดหลายคนไว้วางใจและเราอาจเรียกเธอได้อย่างเต็มปากว่า เจ้าแม่คนใช้ ตัวจริง แต่ภายใต้บทคนใช้ขี้เมาท์ น่าสงสาร เสี้ยมเจ้านาย น่าตบเป็นคนแรก หยา จรรยา ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เผยว่าสิ่งที่เธอได้เจอกับการรับบทเป็นคนใช้คือ คนดูรู้สึกไปกับการแสดงของเธอจนปฏิบัติตัวเหมือนตัวเองเป็นตัวละครจนทำให้เกือบคิดอำลาวงการ นอกจากนั้น หยา ยังได้เปิดเผยความลับที่หลายคนอาจจะยังไงรู้ว่าเธอคืออาจารย์สอนการแสดง

 หยา จรรยา

รับละครกี่วันต่อสัปดาห์

หยา จรรยา : คือจริงๆ 7 วันค่ะ รับไปเรื่อยๆ แต่ว่าเต็มคิวบางทีอาทิตย์นี้อาจจะมีวันว่าง 3 วัน หรือกำลังเป็นช่วงท้ายๆ ละครกำลังจะปิดกล้องแล้วไม่ได้ใช้เราก็จะมีวันว่าง แต่ช่วงเปิดกล้องใหม่ๆ ก็จะฮอตหน่อยขอกันแย่งกันบางที 7 วันเต็มก็มี

 

จริงไหมที่ปีหนึ่งเคยรับละคร 12-13 เรื่องติดกัน

หยา จรรยา : ถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยมากกว่าค่ะ

 

แล้วเป็นไงมาไงที่ทำให้เราตัดสินใจว่าเราจะรับบทคนใช้ในตำนานให้โลกจำ

หยา จรรยา : จริงๆ มันผ่านเวลามานานมากแล้ว 10 กว่าปี ช่วงนั้นคือเข้าวงการมาได้สักช่วงหนึ่ง มีความรู้สึกว่าเรากำลังหลงทางเรามีตรรกะที่ผิดกับชีวิตการแสดง กับการทำงาน เพราะตอนนั้นในฐานะนักแสดงจริงๆ เราต้องศรัทธาในอาชีพ แต่ตอนแรกเราไม่ได้มองว่าการแสดงคือ อาชีพ การเข้าวงการคือ อาชีพ คือคิดว่านี่แค่งานไม่ใช่อาชีพ จนกระทั่งมันมีผลกระทบคือ บทบาทที่ได้รับตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้จะเป็นคนใช้ คือตอนนั้น หยา โชคดีที่ หยา ได้ในสิ่งที่เรารักคือละครเวที แล้วเล่นละครเวทีอยู่ก็มีทีมเขียนบทของ อาบัณฑิต มาดูละครเรื่องนี้เพราะว่าผู้กำกับของหยา เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของเขาแล้วพอเขามาดูเขาก็เหมือนถูกใจเรา แล้วช่วงนั้นเหมือนเป็นการเปลี่ยนถ่ายตัวละคร คือ ช่วงรุ่น พี่ท็อป พี่แจง พี่ผัด เริ่มจะฉันเหนื่อยมากเลยกับบทคนใช้ เขาเลยไม่ค่อยรับบทคนใช้ เขาเลยหาปั้นนักแสดงรุ่นใหม่เข้ามาก็เอาเราไปเล่น แล้วเรื่องแรกในชีวิตที่ได้แสดงคือ คนใช้ เดบิวต์พร้อมกับ พลอย เฌอมาลย์ เลยนะคะ (หัวเราะ) เรื่องเดียวกันเลยเรื่องแรก

 

แล้วที่บอกว่าหลงทางคือ ยังไง

หยา จรรยา : ความเป็นนักแสดงค่ะ ไม่ว่าตัวละครจะเป็นอะไรเราต้องเชื่อในตัวละคร เราต้องทำความเข้าใจในตัวละครนั้น เราจะใช้ทัศนคติ อคติของเราไปตัดสินตัวละครนั้นไม่ได้ ตอนที่หลงทางนั้นเราดันเอาสิ่งที่เรารู้สึก โดยที่เอาสิ่งรอบข้างเข้าปฏิบัติต่อเราโดยที่เขามองเห็นเราเป็นคนใช้ เวลาเราไปเจอผู้ชม เขาจะเรียกเรา ไอ้ อี เหมือนเรียกเราเป็นตัวละครนั้นๆ จริงๆ เขารักเรา แต่ตอนนั้นเราแค่ว่าเรารู้สึกว่าทำไมเขาปฏิบัติต่อเราแบบนี้เราไม่ใช่คนใช้นะ ในชีวิตจริงๆ ของเรา พอสักนึงพอเราหลงไปกับสิ่งนี้ จริงๆ เราไม่ควรจะคิดแบบนี้ จนกระทั่ง พอจะไม่เล่นละคร เคยแบบว่ามีกองละครโทรมาแล้วเขาบอกว่าขอเช็คคิวหน่อย จันทร์ อังคาร พุธ นะคะ เราก็ถามเล่นเป็นอะไรคะ เล่นเป็นคนใช้ค่ะ ในใจเราพูดว่าอีกแล้วเหรอ อันนั้นคือครั้งแรกและครั้งเดียวและไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย เราก็บอกว่างั้นเช็คคิวเดี๋ยวนะคะ เราก็บอกเขาไปว่าเสียดายจังคิวเต็มแล้วนะคะ เอาเป็นโอกาสหน้าเนอะเราค่อยมาร่วมงานกันใหม่ นั้นเป็นการโกหกครั้งแรก ที่จะไม่รับงานเพราะเราไม่อยากเป็นคนใช้แล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าพอแล้วบทอื่นได้ไหมที่ไม่ใช่เป็นคนใช้ แต่พอมันมีวิกฤตินี้ ที่เราบอกว่าเราพอแล้วเราจะไม่เล่นบทคนใช้แล้ว เพราะเราคิดว่าเราจะออกจากวงการ


คิดจะออกจากวงการเราโดนปฏิบัติแย่มากขนาดไหนถึงทำให้เราคิดว่าเราถึงกับคิดออกจากวงการ

หยา จรรยา : คือตอนนั้นเรายังเด็กด้วยเราไม่โอเคทำไมเราต้องมาทนให้คนมาปฏิบัติกับเราแบบนี้ คือ บางคนเขาก็เข้ามาในพื้นที่ของเราเกินไป เพราะบทบาทของเราเป็นบทที่คนเข้าถึงง่าย พอเขาเจอเราเขาก็จะลืมว่าเราไม่ใช่ตัวละครนั้น เขาก็จะรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเราแล้วทำเราเหมือนเราเป็นคนใช้ในบทเลย เราก็เลยรู้สึกว่าเราสูญเสียความเป็นส่วนตัวเรา เราสูญเสียความเป็นตัวเองไปด้วย เราเคว้งคว้างอยู่ในช่วงนั้น งั้นก็คิดว่าจะจบอาชีพนี้จริงๆไปทำอาชีพอื่นดีกว่าว่าจะหนีไปเมืองนอกเลย ตอนนั้นตั้งใจไปที่อเมริกาเลย คือจะไปเป็นคนแจกไพ่ที่ ลาสเวกัส เพราะรุ่นน้องไปอยู่ที่นั่นแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าเบื่อไปหาเขาเลยเพราะรายได้ดีมากเราก็บอกว่าเราเล่นการพนันไม่เป็นนะ เขาบอกว่าไม่เป็นไรเขาไม่ได้ต้องการคนที่เล่นไพ่เป็นเขาต้องการคนที่ รู้กติกาเดี๋ยวเขาสอนให้ ยิ่งเล่นไม่เป็นยิ่งดี

ตอนนั้นเราก็คิดว่าเราจะไปแน่ไปค้นหาตัวเองที่ อเมริกา ฉันจะทิ้งชีวิตการแสดงไว้ข้างหลังกำลังจะเริ่มเดินเรื่องสักพักงานก็มาเต็มจากที่ว่างๆ อยู่พร้อมจะให้เราไป อยู่ดีๆ พองานเข้ามาเราก็รับไว้ก่อนๆ ซึ่งก็ยังเป็นบทคนใช้ ตอนนั้นคือใจของเราไม่ได้อยู่กับบท แต่อยู่กับเงินที่เราจะเก็บไว้เตรียมไปอเมริกา จนกระทั่งพอแพลนมันไม่เดินเราก็กลับมามองว่าปัญหามันไม่ใช่อยู่ที่บทคนใช้ แต่ปัญหามันอยู่ที่เราก็เลยกลับมามองตัวเอง ถามตอบตัวเองว่าการ เป็นคนใช้ ไม่ดีตรงไหน แล้วมีข้อหนึ่ง สอง สาม ก็ตามตอบตัวเองไปข้อเสียของการเป็นคนใช้ คือ อะไรก็คนเขาไม่เคารพเราคนดูถูกเรา แต่เดี๋ยวก่อนทั้งหมดทั้งปวง ก็คือสิ่งที่เป็นตัวละครไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นในฐานะนักแสดงเราปฏิเสธสิ่งที่เป็นตัวละครไม่ได้ เพราะฉะนั้นคิดผิดแล้วคิดใหม่ เริ่มต้นใหม่หันกลับมามองอย่างมีสติ มองบทบาทการแสดงของเราใหม่นี่คืออาชีพ เราจะเกลียดอาชีพ เราจะไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเองไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องรักในสิ่งที่เราทำ เพราะฉะนั้นนั่นคืออาชีพ คุณจะปฏิเสธตัวละคร ไม่ได้ จากนี้ไปคุณต้องทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน

 หยา จรรยา

และนั่นก็คือ ปณิธานของเราเลยใช่ไหมว่าเราจะต้องเป็นคนใช้ให้ดีที่สุด และ ก็ เป็นคนใช้ให้โลกจำ

หยา จรรยา : ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่ได้ว่าเราต้องดังแต่แค่ว่าอยากตั้ง Goal อะไรบ้างอย่างให้กับชีวิตของตัวเอง คนจะต้องจดจำเราให้ได้ในฐานะ บทคนใช้ เพราะในทุกเรื่องของละคร พระเอก นางเอก จะไม่รู้ความลับเลยถ้าไม่มีคนใช้ (หัวเราะ) แต่ก็มีบทที่เรารับไม่ได้เล่นเป็นคนใช้บ้างนะคะ มีบทแม่ เพื่อนบ้าน คุณป้า แต่บทบาทที่รักที่สุดในตอนนี้ก็เป็น บทคนใช้ ค่ะ

 

แล้วถ้าเราสามารถเลือกเล่นบทได้อยากเล่นบทอะไร

หยา จรรยา : จริงๆ ถ้าเลือกได้อยากเล่นเป็น นางเอก ค่ะ อยากเล่นเป็นนางเอกแบบร้ายๆ ไม่ยอมใคร จอมวางแผน มีความสู้คน บู๊ๆ

 

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ว่า หยา จรรยา คือ ผู้ให้กำเนิดนักแสดงชื่อดังมากมายร่วมถึงเป็นคนที่ ทำคลอดให้กำเนิด ใหม่ สุคนธวา ในวงการ

หยา จรรยา : คือ รู้จัก ใหม่ สุคนธวา เขาเข้ามาน้องเก่งแล้วน้องก็แซ่บแพรวพราวมากเลย ครบทุกรสมากจนในวันที่ได้มาเล่นละครด้วยกันวันฟิตติ้งทักทายสวัสดี น้องเขาก็เข้ามาสวัสดีค่ะพี่หยา จำหนูได้ไหมคะ เราก็บอกว่าจำได้ ใหม่ สุคนธวา ไงคะ ไม่ใช่ค่ะ พี่จำหนูไม่ได้จริงๆ เหรอ เราก็ ใหม่ สุคนธวา ไงคะ ตอนนั้นเราก็งงอยู่กับคำถามน้อง จนน้องพูดว่าพี่หยา คือ ครูสอนการแสดงคนแรกของหนู ตอนนั้นคือ ใหม่เป็นเด็กน่าจะมัธยมต้น ตอนนั้นสถานบันสอนเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพ หลักสูตรที่ หยา สอนคือการเตรียมความพร้อมกับการไปแคสงาน แล้ว หยา เป็นคนไปถ่ายรูปเขาเพราะเราจะรู้มุมว่ามุมไหนของใครสวยเพราะเรามีหน้าที่ถ่ายยังไงให้สวย เพราะต้องภาพไปขายให้ลูกค้า แต่ตอนนั้นใหม่ ขี้อายมากผมสั้น ดัดฟัน ไม่กล้ายิ้มเราก็สอนเขาปรับเขาสอนเขาพอภาพสุดท้ายที่เรียนจบน้องก็ยิ้มอย่างสดใส มั่นใจตาเป็นประกาย ทุกวันนี้ก็สอนอยู่ค่ะ เป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยหอการค้า เรื่องการแสดงเลย เรารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ถ้าเราไม่ได้สอนใครเลยเอาแต่ใช้อย่างเดียว แสดงอย่างเดียวเราจะไม่เจอโจทย์ใหม่ๆ สมองเราจะไม่คิดไม่สามารถที่จะตามโจทย์หรือ ปัญหาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้

 

มองตัวเองในวงการนี้ยังไงต่อไป

หยา จรรยา : ก็คงต้องเป็นคนใช้ต่อไป เป็นนักแสดงที่แฮปปี้กับการทำงานค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานเจ็ดวันมันท้อ มันเหนื่อยได้ แต่อย่างที่บอกนี่คือ อาชีพ ค่ะ ที่ทำให้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเราประกอบอาชีพนักแสดง เพราะฉะนั้นอาชีพนี้ก็คงอยู่กับตัวเราตลอดไป เราก็จะเดินทางคู่กันไปสายนี้คือ เป็นครูกับนักแสดงคู่กันไปค่ะต่อจากนี้

รายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลัง

หยา จรรยา

หยา จรรยา

พรหมลิขิต EP.23 เปิดมาถึงกับอึ้ง! เฉลยตัวละครลับ \

พรหมลิขิต EP.23 เปิดมาถึงกับอึ้ง! เฉลยตัวละครลับ "ผิน-แย้ม" ตัวต้นเรื่องจุดเริ่มต้นบ่วงกรรม

เปิดมาถึงกับอึ้ง! ที่แท้ "ผิน-แย้ม" คือตัวละครลับ จุดเริ่มต้น "คัมภีร์กฤษณะกาลี" จาก "บุพเพสันนิวาส" สู่ "พรหมลิขิต"

นักแสดง ภารกิจ(ลับ)ฉบับแฟนด้อม กับคำถามสุดปั่น ถึงคนด้านหลังใน Sanook Ask Back

นักแสดง ภารกิจ(ลับ)ฉบับแฟนด้อม กับคำถามสุดปั่น ถึงคนด้านหลังใน Sanook Ask Back

เหล่านักแสดงจากซีรีส์ "ภารกิจ(ลับ)ฉบับแฟนด้อม Mission Fan Possible" กับภารกิจถามคนด้านหลัง แต่ปวดหัวยันคนถัดไป ใน Sanook Ask Back จะน่ารักสุดฮากันขนาดไหน ตามมายิ้มเมื่อยแก้มกันเลย!

แม่นายการะเกดและพวกบ่าว \

แม่นายการะเกดและพวกบ่าว "บุพเพสันนิวาส" แค่รวมตัวกันหรือถ่ายทำเพิ่ม?

ทำเอาหลายคนงงไปเลยกับภาพคลิป "การะเกด..เก็ด" (The Black Eyed Peas - Boom Boom Pow) ของ แม่นายการะเกด, ไอ้จ้อย, พี่ผิน และ พี่แย้ม บ่าวคนสนิท