เปิดคำวิจารณ์ Justice League เวอร์ชั่นใหม่ ดีงามจนอาจได้ดู Justice League Part 2
หากใครอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับมหากาพย์หนัง Justice League ตามไปอ่านได้ที่ https://www.sanook.com/movie/98817/
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เหล่าผู้ชม ที่มีทั้งสื่อมวลชนและนักวิจารณ์ที่ได้ชม Justice League ต่างก็มีความคิดเห็นออกมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสตูดิโอเองก็ได้ปล่อยหลายหลายเวอร์ชั่นของโปสเตอร์คาแรกเตอร์ตัวละคร อีสเตอร์เอ้กฉากน่าสนใจที่ผู้ชมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากตัวอย่างภาพยนตร์ รวมไปถึงการปล่อยชื่อตอน (Chapter) ที่จะปรากฏอยู่ในหนังเวอร์ชั่นความยาวกว่า 4 ชั่วโมงนี้ ซึ่งวิธีการกำหนดชื่อตอนดังกล่าวก็เพื่อให้ผู้ชมสามารถแวะไปพักกินน้ำ กินข้าวหรือเข้าห้องน้ำ ในกรณีที่ไม่สามารถนั่งดูหนังแบบรวดเดียวจบได้นั่นเอง โดยในแต่ละตอนนั้นประกอบไปด้วยชื่อดังต่อไปนี้
ตอนที่ 1: "Don't Count On It, Batman"
ตอนที่ 2: "Age of Heroes"
ตอนที่ 3: "Beloved Mother, Beloved Son"
ตอนที่ 4: "Change Machine"
ตอนที่ 5: "All The King's Horses"
ตอนที่ 6: "Something Darker"
อย่างไรก็ตามการตัดต่อใหม่ครั้งนี้ เป็นที่รายงานแล้วว่าแซค ชไนเดอร์นั้นใช้งบประมาณในการดำเนินการกับ Justice League ในเวอร์ชั่นนี้ทั้งสิ้น 70 ล้านเหรียญฯ ซึ่งทางสตูดิโอวอร์เนอร์ เป็นคนออกงบประมาณให้ อีกทั้งยังมีการแทรกฉากเพิ่มเติมอาทิ ฉากโจ๊กเกอร์ที่รับบทโดยจาเร็ด เลโต้เข้าไปให้หนัง ซึ่งแน่นอนว่าหลายฉากที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในหนังเวอร์ชั่นของจอช วีดอนจะมาปรากฏอยู่ในหนังเวอร์ชั่นของชไนเดอร์ ชนิดที่ผู้ชมอาจจะต้องอ้าปากค้างว่านี่มันไม่ใช่หนังเรื่องที่พวกเขาเคยดูมาก่อนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเหล่านี้คือคำวิจารณ์หรือรีวิวขนาดสั้นจากคนที่ได้ชมเวอร์ชั่น The Snyder Cut
- เวอร์ชั่นชไนเดอร์คัทเต็มไปด้วยฉากที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน และผมรักมันมากๆ มันคือเวอร์ชั่นที่เยี่ยมยอดกว่าที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ฉากกลางวันและกลางคืนที่แตกต่างออกไป ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าเวอร์ชั่นนี้จะฉายโรงยังไง มันเหมาะสมอยู่เหมือนกันนะที่มาฉายทาง HBO Max
- ผมดูมันไปแล้วถึงสามรอบ! แม่งโคตรเจ๋งเลย ตลอดเวลาที่ดูผมตื่นเต้นและช็อคมากๆฉากแอ็คชั่นคือสุด แถมดนตรีประกอบคือเยี่ยมมาก
- มันเป็นเวอร์ชั่นที่แตกต่างมากๆกับที่ฉายโรง ในเวอร์ชั่นนี้ให้รายละเอียดของเหล่าตัวละครในเรื่องและยังให้เวลากับเรื่องราวในหนัง เป็นการดำเนินเรื่องที่มีพัฒนาการ มีจุดสำคัญที่ให้ผู้ชมได้ทำความเข้าใจ ก่อนที่มันจะเดินทางไปสู่จุดสำคัญที่คุ้มค่าแก่การรอคอย
- เวอร์ชั่นนี้ดีกว่าเวอร์ชั่นที่ฉายในโรงมาก มันเป็นหนังที่มีพัฒนาการของตัวละคร มีฉากแอ็คชั่นที่ดีกว่า มีเรื่องราวที่สมเหตุสมผลและมีจังหวะของความกวนตีนขั้นสุด แม้หนังจะยาวแต่ผมไม่รู้สึกเหนื่อยที่จะติดตาม เยี่ยมยอด
- ZACK SNYDER’s JUSTICE LEAGUE คือเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเวอร์ชั่นปี 2017 ที่แสนจะเละเทะ นี่คือหนังความยาว 4 ชั่วโมงที่เปรียบเสมือนกล่องวิเศษที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวที่แฟนๆอยากชม แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้โดนใจฉันมากเท่าไหร่ แต่ฉันคิดว่าสำหรับแฟนๆของแซคเองคงจะมีความสุขมากกับหนังเวอร์ชั่นนี้
- ZACK SNYDER’s JUSTICE LEAGUE คือ The Lord of the ring ฉบับ DC อย่างไรก็ตาม หนังมีการแสดงอันเยี่ยมยอดที่คุณจะไม่ได้เห็นจากเวอร์ชั่นปี 2017 นั่นคือการแสดงของเรย์ ฟิชเชอร์ในบทไซบอร์ก ส่วนดนตรีประกอบโดย Junkie XL นั้นคือที่สุด การกำกับของแซ็คก็เช่นกัน นี่คือฝันที่เป็นจริงของเหล่าแฟนหนังดีซีเลยทีเดียว
- หลังจากที่ผมได้ดู ZACK SNYDER’s JUSTICE LEAGUE ผมก็คาดหวังเลยว่าอยากให้มันออกมาเป็นไตรภาคเพื่อขยายจักรวาลดีซีให้สมบูรณ์แบบและกว้างไกลขึ้นกว่านี้ มันอาจจะยาวแค่ 4 ชั่วโมงแต่สำหรับผมแล้วมันสั้นเกินไปที่จะเล่าเรื่องราวอีกมากมาย
- ZACK SNYDER’s JUSTICE LEAGUE คือหนังสุดปังที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มันคือประสบการณ์ภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความรักอันแสนอบอุ่นที่ตัวผู้กำกับเองมีต่อจักรวาลดีซี แม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซนต์แต่ดูแล้วมีความสุขมากๆเลย
อย่างไรก็ตามหลังจากที่คำวิจารณ์มากมายถูกปล่อยออกมา แต่ท้ายที่สุดแล้วเหล่าผู้ชมทั่วโลกที่จะรอชม ZACK SNYDER’s JUSTICE LEAGUE ทาง HBO Max (ส่วนในไทยรับชมได้ทาง HBO Go) ในวันศุกร์นี้คงจะต้องช่วยกันพิสูจน์และตัดสินว่าในเวอร์ชั่นนี้ดีงามสมการรอคอยหรือไม่ และแน่นอนว่าถ้าหากมันประสบความสำเร็จ ตัวแซคเองก็เหมือนอยากจะเล่าเรื่องราวของจักรวาลดีซีต่อ และคิดว่าถ้าหากผลตอบรับออกมาดี สตูดิโออย่างวอร์เนอร์คงอยากจะไฟเขียวให้กับทางแซค กลับมาสานต่อจักรวาลนี้ในอนาคตก็เป็นได้