How-to ทำโฮมออฟฟิศให้น่าทำงานด้วยการออกแบบแสงไฟ
ช่วงปี 2 ปีมานี้ สตาร์ทอัพถือเป็นเทรนด์การทำธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในทั่วโลก เพราะเพียงมีความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจทำในสิ่งที่สนใจ ก็สามารถเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพได้แล้ว
เมืองไทยของเราก็เป็นอีกประเทศที่เกาะเทรนด์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาออฟฟิศสำหรับเริ่มต้นความฝัน แทนที่คุณจะเลือกไปเช่าออฟฟิศตามย่านธุรกิจราคาแพงๆ ทำไมไม่ลองเริ่มจากบ้านของคุณดูล่ะ?
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังเริ่มต้นความฝันแบบนี้ Sanook! Home มีทิปส์ในการเปลี่ยนบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศมาฝากกัน
อย่ายึดติดกับแหล่งคลังภาพสวยๆ
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบดูรูปสวยๆ จาก คลังภาพ เพื่อหาแรงบันดาลใจเป็นประจำ แต่ในการทำบ้านให้เป็นที่ทำงานนั้นจะอิงแต่ความเก๋ชิคอย่างเดียวไม่ได้ อย่าลืมว่าเอาเข้าจริงแล้วเก้าอี้วินเทจที่เห็นในรูปสวยๆ อาจจะนั่งทำงานไม่สบายเท่าเก้าอี้หน้าตาเรียบๆ แต่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระและท่านั่งทำงาน เพราะฉะนั้นที่ต้องมาก่อนความสวยก็น่าจะเป็นเรื่องการใช้งานที่เหมาะสม
เติมสีเขียวธรรมชาติให้กับห้อง
การมีต้นไม้ในสเปซที่ทำงานทำให้ห้องดูสบายตาขึ้น แต่ต้นไม้ที่จะเลือกมานั้นควรเป็นต้นไม้ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน เผื่อไว้ในกรณีที่เราไม่อยู่บ้านและไม่มีใครเข้าออฟฟิศ ต้นไม้จะได้ยังอยู่กับเรา
จัดมุมสบายๆ ของทุกคน
ไหนๆ ก็ใช้บ้านเป็นออฟฟิศแล้ว จะลากบีนแบ็กที่เคยอยู่ในห้องนอนลงมาหรือใช้โซฟาตัวนุ่มมาจัดมุมสบายๆ ใกล้ๆ กับโต๊ะทำงานก็เป็นไอเดียที่เข้าท่า เผื่อว่าเวลาคิดงานไม่ออกก็เดินมาเบรกที่มุมนี้ได้
แสงสว่างจากธรรมชาติต้องทั่วถึง
โต๊ะทำงานควรอยู่ใกล้กับหน้าต่าง เพื่อให้ได้แสงจากธรรมชาติ ซึ่งอันนี้คือข้อดีข้อแรก ข้อดีอีกข้อก็คือช่วยให้มีอะไรมองเวลาอยากพักสายตาจากการจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ด้วย
แต่แสงไฟก็สำคัญเหมือนกันนะ
ต่อให้แสงสว่างทั่วถึงทั้งห้อง การออกแบบแสงไฟก็ยังจำเป็นสำหรับโฮมออฟฟิศ เพราะบางวันฟ้าอาจจะครึ้มและคงไม่ใช่ทุกวันที่เราจะเลิกงานก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งโคมไฟตั้งโต๊ะและไฟติดเพดานจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ในการให้แสงสว่างโดยตรงแล้วยังช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าทำงานขึ้นได้ด้วย
พูดถึงเรื่องหลอดไฟแล้ว Sanook! Home อยากคุยต่ออีกหน่อย เพราะความเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพทำให้ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย ไม่ใช่แค่ความสวยงามและการใช้งานเท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน หลอด LED ก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ลงตัว ทั้งในแง่ดีไซน์ การใช้งาน และความประหยัด
มาดูเรื่องดีไซน์กันก่อนว่าทำไมเราถึงได้นึกถึงหลอด LED ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าหลอดไฟประเภทนี้ในปัจจุบันมีดีไซน์ที่หลากหลาย บางแบบกลมกลืนไปกับฝ้าได้โดยไม่เตะตา นอกจากนี้ยังมีโคมไฟ LED แบบสำเร็จรูป ที่ติดตั้งได้สะดวก เปลี่ยนได้ง่าย และกระจายแสงได้สมบูรณ์
Philips LED Slimlit Downlight
การจัดบ้านให้เป็นที่ทำงานนั้น อย่าลืมว่าบรรยากาศของบ้านอาจจะต้องเปลี่ยนไป อย่างเช่นถ้าห้องนั่งเล่นที่อบอุ่นของเราเปลี่ยนเป็นห้องทำงานที่อยากให้สร้างความรู้สึก productive เราอาจจะต้องเปลี่ยนจากแสงสีเหลือง วอร์มไวท์มาเป็นแสงสีขาวแบบคูลเดย์ไลท์ที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง ชวนให้มีสมาธิ
ข่าวดีคือทุกวันนี้เรามีหลอด LED Scene Switch Tone Color ที่มี 2 โทนสีในหลอดเดียว ที่เอื้อให้เปลี่ยนโทนแสงได้ตามลักษณะการใช้งานในขณะนั้นๆ
ความสว่างก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องโทนสีของหลอดไฟ โฮมออฟฟิศที่เป็นทั้งที่ทำงานและบ้าน จึงควรมีหลอดไฟที่ปรับระดับความสว่างได้ เพื่อกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างหลอด LED Scene Switch Brightness Change ที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ลงตัว
ปิดท้ายอีกนิดกับทิปส์เรื่องนี้ก็คือเรื่องของการเลือกโคมไฟ เพราะตำแหน่งและประเภทของโคมไฟจะมีส่วนช่วยกำหนดมู้ดแอนด์โทนให้ถูกใจเรามากขึ้น อย่างเช่นไฟหลืบที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์น หรือถ้ามีมุมตู้โชว์ จัดวางข้าวของกระจุกจิกเพิ่มบรรยากาศเก๋ๆ ให้ออฟฟิศก็อาจจะใช้ไฟสปอตไลท์มาช่วยได้
ที่มา: http://s1124.photobucket.com/user/blue_mount_10/media/bathroompostedit.jpg.html
ที่มา: https://www.pinterest.com/pin/336784878364772323/
เพราะ Sanook! Home เชื่อว่าความตั้งใจของทุกคนมีคุณค่า เรื่องที่คุณอาจไม่เคยนึกถึงมาก่อนอย่างการออกแบบแสงไฟและการดีไซน์โฮมออฟฟิศเป็นอีกสิ่งที่จะช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จเร็วขึ้นไปอีกขั้น...ถ้าอย่างนั้นมาทำให้ความฝันและธุรกิจของเราสว่างไสวอย่างที่ตั้งใจกันเถอะ!
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Philips และ ภาพสวยๆจาก photobucket.com และ pinterest.com
[ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากฟิลิปส์]