[เปิด Netflix มารีวิว] Afterlife of the Party ถึงตายแล้วก็ต้อง Move On

05/09/2021 (03:00 น.)

แคสซี่ (วิคตอเรีย จัสติซ) สาววัยรุ่น สุดเดิ้นที่กำลังจะเข้าช่วงอายุเบญจเพสในอีกไม่กี่วัน เธอและเพื่อนสนิทอย่างลิซ่า (มิโดรี ฟรานซิส) ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวกลางคืนกันอย่างสุดเหวี่ยง ติดตรงที่ว่าหลังจากความสนุกของสองเพื่อนรัก ดันกลายเป็นการทะเลาะกันอย่างรุนแรง เช้าวันรุ่งขึ้นแคสซี่ที่ยังไม่สร่างเมาดีนัก เธอเกิดอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้นตายในห้องน้ำ ก่อนที่จะได้สติอีกครั้งในห้องพักสุดโมเดิร์นและได้พบกับวาล (โรบิน สก็อตต์) สาวอวบที่อ้างตัวว่าเธอคือนางฟ้าแม่ทูนหัว ผู้เป็นคนให้คำแนะนำในช่วงเวลาที่เธอจะเปลี่ยนผ่านจากโลกมนุษย์ไปสู่ภพภูมิต่อไป

ข้อแม้มีอยู่ว่าแคสซี่มีโอกาสครั้งที่ 2 ที่จะกลับไปยังโลกมนุษย์เพื่อสะสางเรื่องราวที่ยังคงค้างคาและไม่ได้รับการแก้ไขตอนเธอมีชีวิต โดยรายชื่อ 3 คนที่เธอต้องกลับไปคลี่คลายประกอบไปด้วยลิซ่า พ่อ และแม่ของเธอที่หย่าร้างกันไปเมื่อนานมาแล้ว โดยมีเวลาแค่เพียง 5 วันก่อน แคสซี่จะถูก “เบื้องบน” ตัดสินว่าภพภูมิต่อไปสำหรับแคสซี่คือนรกหรือสวรรค์

Afterlife of the Party เป็นหนังแนวตลกโปกฮาที่หยิบเอาประเด็นโอกาสครั้งที่ 2 ในชีวิตเพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยทำพลาดไป ตลอดเส้นทางของหนัง เราจะได้เห็นความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ระหว่างเพื่อนสนิทที่ไลฟ์สไตล์บางอย่างอาจจะไม่ตรงกันและเมื่อสิ่งเหล่านั้นไม่เคยได้พูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างเข้าอกเข้าใจ สุดท้ายสิ่งเหล่านี้อาจจะสามารถนำไปสู่ปัญหาคาราคาซังยืดยาวไม่รู้จบได้

การสูญเสียอย่างปุบปับและรวดเร็วส่งผลกระทบต่อชีวิตคนใกล้ตัวอย่างโฮวี่ (อดัม การ์เซีย) คุณพ่อครูเปิดสตูดิโอสอนโยคะ ผู้ละทิ้งชีวิตและจมปลักอยู่กับความหม่นเศร้าเพราะการจากไปของลูกสาว จนแคสซี่ต้องหาทางให้พ่อของตนกลับไป “ใช้ชีวิต” แบบเดิมให้ได้ รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ตัวของเธอเองได้ไปพบกับแม่ผู้ห่างเหินหลังจากแยกทางกับพ่อไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจว่า ทำไมแม่จึงตัดสินใจทิ้งเธอไปเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่

ถึงแม้ประเด็นอันหลากหลายจะดูเคร่งเครียดเป็นหนังดราม่า แต่การนำเสนอในโทนของหนังตลกทำให้หนังเรื่องนี้ดูเหมือนลูกกวาดที่สอดไส้ยาขม เพราะเมื่อน้ำตาลที่เคลือบชั้นอยู่ภายนอกละลายจนหมด เราจะพบว่าเวลาเพียง 5 วันที่แคสซี่ต้องเรียนรู้ชีวิตคนใกล้ตัวในเวลาอันแสนสั้นนั้น มีคุณค่ากว่าตลอดระยะเวลาที่เธอมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีกต่างหาก แต่ชีวิตของเธอจะก้าวต่อไม่ได้เลย ถ้าหากเธอเองยังไม่ได้ปล่อยวางในสิ่งที่เธอยังไม่ได้สะสาง ทำความเข้าใจ เรียนรู้และให้อภัยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น

“เราเด็กเกินไปที่จะตาย” จึงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะ Afterlife of the Party แสดงให้เห็นว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนและการทำทุกวันให้ดีที่สุด คือสิ่งที่มนุษย์สักคนควรทำตราบเท่าที่เรายังคงหายใจ