ควรรู้อะไรก่อนไปดู DUNE หนังอวกาศไกลโพ้นสะท้อนสังคมจักรวรรดินิยม
นี่คือหนังอวกาศสะท้อนปรัชญาว่าด้วยการเมือง
DUNE ไม่ได้เป็นแค่เพียงหนังฟอร์มยักษ์ที่ใช้เงินลงทุนในการสร้างสูงถึง 165 ล้านเหรียญฯ ซึ่งมุ่งเน้นแต่การสร้างฉากหลังอันน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อพิจารณาจากการดัดแปลงนวนิยายต้นฉบับในชื่อเดียวกันของนักเขียนแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ที่ยังเน้นการนำเสนอโครงสร้างสังคมเชิงปรัชญาไปพร้อมๆกัน ว่าด้วยเรื่องราวของพอล อะเทรดีส ชายหนุ่มผู้ปราดเปรื่องเปี่ยมพรสวรรค์ที่ถือกำเนิดมาเพื่อโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ตนเองจะจินตนาการ เขาต้องเดินทางไปยังดวงดาวที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อปกป้องอนาคตของตระกูลและผู้คนของตน เมื่อเหล่าผู้ประสงค์ร้ายได้สุมไฟความขัดแย้งเพื่อแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่าซึ่งมีอยู่เฉพาะบนดาวดวงนี้และจะช่วยปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดของมนุษย์มีเพียงผู้ที่เอาชนะความกลัวของตนเท่านั้นที่จะอยู่รอด
อะไรคือ “ดูน”
อาร์ราคิสเป็นที่ตั้งอารยธรรมมนุษย์ของชนเผ่าที่มีชื่อว่าเฟรเมนและชนเผ่าก็เรียกดาวดวงนี้ว่า “ดูน” โดยอาร์ราคิสเป็นดินแดนที่มีการแย่งชิงกันอย่างดุเดือดมาหลายรุ่น มนุษย์พยายามต่อสู้กันเพื่อให้ได้ควบคุมสไปซ์ ทรัพยากรธรรมชาติอันเลอค่าหายากและช่วยขยายศักยภาพของจิตซึ่งเป็นรากฐานของการเดินทางในอวกาศ ความรู้ การค้า และการดำรงอยู่ของมนุษย์ แต่ผู้ที่ต้องการเก็บสไปซ์จะต้องอยู่รอดให้ได้ท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ พายุทรายที่รุนแรงระดับเฮอร์ริเคน และหนอนทรายขนาดมหึมาซึ่งเป็นที่เกรงกลัวและยำเกรงเฉกเช่นเทพเจ้าที่มีอำนาจทำลายล้าง
ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับเดนิส วิลล์เนิฟ
ผู้กำกับและนักเขียนชาวแคนาดา ผู้ได้รับชื่อเสียงในวงกว้างทั่วโลกในตอนที่เขานั่งแท่นกำกับ Prisoners (2013) นำแสดงโดยฮิวจ์ แจ็คแมนและเจค จิลเลนฮาน ก่อนที่จะได้กำกับ Enemy ในปี 2014 และ Sicario ในปี 2015 แต่ผลงานที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกคือ Arrival ในปี 2016 ก่อนที่เขาจะได้กำกับหนังภาคต่ออย่าง Blade Runner 2049 ที่แม้จะล้มเหลวเรื่องรายได้ แต่ก็โกยคำวิจารณ์ในแง่บวกไปไม่น้อย
สำหรับ เดนิส วิลล์เนิฟ ได้กล่าวเอาไว้ว่า “สำหรับผมแล้ว ‘Dune’ เป็นภาพยนตร์เขย่าขวัญเชิงจิตวิทยา เป็นเรื่องราวการผจญภัย เป็นหนังสงคราม เป็นหนังว่าด้วยการก้าวพ้นวัย ไปจนถึงเป็นเรื่องราวความรัก” วิลล์เนิฟกล่าวต่อ “ในที่สุดผมก็ได้เติมเต็มความฝันอันยาวนานที่จะได้มอบชีวิตให้ผลงานชิ้นสำคัญว่าด้วยตำนานอันซับซ้อนนี้ มีเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้อยู่บนชั้นหนังสือข้างเตียงของผมมาตลอดหลายต่อหลายปี"
หนังสร้างจากวรรณกรรมขึ้นหิ้ง
นวนิยายเรื่อง DUNE ผลงานการเขียนของแฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสุดยอดหนังสืออันทรงอิทธิพลแห่งศตวรรษที่ 20 และได้รับยกย่องว่าเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์แนวท่องอวกาศมาแล้วหลายเรื่อง โดยรายละเอียดที่ถูกบรรยายอยู่ระหว่างบรรทัดในนิยาย เล่าถึงระบบนิเวศวิทยาที่ทั้งแปลกใหม่ สมบูรณ์ ละเอียดอ่อน และทรงพลัง มุมมองของเขาต่อธรรมชาตินั้นชวนดื่มด่ำน่าประทับใจทั้งที่มันถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1965 หรือกว่า 56 ปีที่แล้ว แต่ทุกอย่างในเรื่องกลับล้ำยุคไปไกล
นอกจากนี้วรรณกรรมเองยังนำพาผู้อ่านไปสำรวจความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากลัทธิการปกครองแบบจักรวรรดินิยม ซึ่งยังสามารถสะท้อนภาพสังคมในศตวรรษที่ 20 และยังมีความร่วมสมัยกับยุคปัจจุบัน แม้ฉากหลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันแสนไกลโพ้นก็ตาม แต่เมื่อตัวเอกของเรื่องเป็นชายหนุ่มที่ต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาพร้อมๆกับการค้นหาตัวตนของตัวเองไปพร้อมๆกัน
มากกว่านิยายวิทยาศาสตร์แต่เล่าไปถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์
DUNE มีอะไรมากกว่าการเป็นหนังไซไฟโลกอนาคตทั่วไป แต่มันยังเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกได้อย่างชัดเจน เจาะลึกความรู้สึกของผู้คนในตระกูลอะเทรดีส เพื่อมองเรื่องราวจากมุมมองของสมาชิกในตระกูลแต่ละคนขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับโชคชะตา ทั้งในแง่อารมณ์ความรู้สึกและในแง่การเมือง
แม้ว่าในอนาคตอันไกลโพ้น ท่ามกลางอาณาจักรศักดินาที่กระจายอยู่ตามดวงดาวต่างๆ ดาวทั้งหลายล้วนถูกปกครองภายใต้ตระกูลผู้สูงศักดิ์หรือไร้ยศใดๆ “Dune” ก็วางรากฐานอยู่บนความสัมพันธ์และการต่อสู้ดิ้นรนของมนุษย์ เป็นเรื่องราวของผู้คนจริงๆ และเกี่ยวข้องกับแนวคิดที่ซับซ้อนอย่างนิเวศวิทยา วิวัฒนาการ และการอยู่รอด ตลอดจนการต่อสู้ที่มนุษย์ต้องเผชิญในชีวิตประจำวันว่าด้วยเรื่องความรัก ความภักดีและหน้าที่ การทรยศหักหลัง อำนาจ ไปจนถึงตัวตนของเราเอง “Dune” เป็นกระจกส่องสังคมที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ทุกวันนี้
ชนเผ่าต่างๆใน DUNE
เผ่าต่างๆ ในจักรวาล Dune นั้นประกอบด้วย
1.เมนแทตซึ่งคล้ายคอมพิวเตอร์ในร่างมนุษย์ พวกนาวิเกเตอร์ซึ่งสามารถทำนายตำแหน่งการเรียงตัวของดวงดาวเพื่อกำหนดการเดินทางในอวกาศ
2.เบเนเจสเซริต กลุ่มผู้หญิงซึ่งแสดงถึงแง่มุมทางศาสนาของมนุษย์และมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนเป็นผู้ทำการตัดสินใจเพื่อช่วยรักษาสมดุลของจักรวาล
3.ตระกูลอะเทรดีสและตระกูลฮาร์คอนเนนซึ่งต่อสู้แย่งชิงการควบคุมสไปซ์สารเสพติดมหัศจรรย์ที่ช่วยให้ผู้คนเห็นอนาคต มันเป็นสารอันทรงพลังและล้ำค่าที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในจักรวาลของ Dune จึงทำให้ดวงดาวอาร์ราคิสมีค่าอย่างยิ่ง
4.เฟรเมนคือชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนดาวอาร์ราคิสและเคารพดินแดนแห่งนี้ พวกเขาถูกลดขั้นให้มีสถานะเป็นเพียงพลเมืองชั้นสอง แต่พอล บุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลอะเทรดีสกลับมีจิตผูกพันกับชาวเฟรเมนคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเชนี