เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

The Hitman’s Wife’s Bodyguard ถึงคราวเมียพี่ออกโรงบู๊

The Hitman’s Wife’s Bodyguard ถึงคราวเมียพี่ออกโรงบู๊

 

เกิดอะไรขึ้นในภาคต่อ

ความอิรุงตุงนังกลับมาหาชีวิตของไมเคิล ไบรซ์  (ไรอัน เรย์โนลด์) สุดยอดบอดี้การ์ดระดับพระกาฬอีกครา หลังจากที่ไมเคิลเลือกที่จะพักงานตัวเองเพื่อรักษาสภาพจิตใจ แต่ความซวยครั้งใหม่กลับมาเยือนเขาถึงที่เมื่อ โซเนีย คินเคด (ซัลมา ฮาเย็ค) ภรรยาของมือสังหารรุ่นใหญ่ลายครามแห่งวงการนักฆ่าอย่าง ดาเรียส คินเคด (แซมมวล แอล แจ็คสัน) หลอกให้มาทำภารกิจช่วยตามหาสามีที่โดนลักพาตัว ก่อนที่ทั้งสามคนจะต้องร่วมมือกันหยุดยั้งวายร้ายสุดเหี้ยม อริสโตเติล (แอนโตนิโอ แบนเดอรัส) ที่หมายจะก่อวินาศกรรมทั่วยุโรปให้ราบเป็นหน้ากลอง

 

พักร้อน แต่ต้องออกรบ

ใครๆก็อยากจะไปพักร้อนแถวชายฝั่งประเทศอิตาลีกันทั้งนั้น แต่ใครจะไปคิดว่าจุดหมายปลายทางที่ไมเคิลเลือกนั้นจะกลายเป็นความซวยครั้งใหม่ อันประกอบไปด้วยกระเป๋าเดินทางที่บรรจุระเบิด กลุ่มมาเฟียอิตาลี อันธพาลรัสเซีย การไล่ล่าบนถนน การทะเลาะวิวาทที่บาร์ เหตุระเบิดเกตุถล่มยิง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวมมิตรความหายนะเต็มรูปแบบเอาไว้ในหนังเรื่องเดียว

 

ผู้กำกับเจ้าเดิมคนเดิม

ไอเดียการสร้างหนังภาคต่อสำหรับ The Hitman's Bodyguard ผุดขึ้นมาในหัวของผู้กำกับแพทริค ฮิวจ์ ตั้งแต่ช่วงที่เขากำลังตัดต่อหนังภาคแรก ประกอบกับหลังจากที่หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์และประสบความสำเร็จบนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศ นั่นทำให้เขารู้ว่าโอกาสในการสานต่อเรื่องราวของตัวละครกำลังจะมาถึง

สำหรับตัวฮิวจ์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพระเอกของเรื่องอย่างไมเคิล ว่าหลังจากหนังภาคแรกจบลงชีวิตของเขาจะเดินต่อไปอย่างไร เพราะเรื่องราวที่เขาพบพานมาร่วมกับคินเคดจัดได้ว่า “หนักหน่วง” และสุ่มเสี่ยงจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่รอมร่อ ส่วนคินเคดก็รู้สึกเหมือนเป็นพ่อที่เอาแต่ใจและช่างขัดไปเสียหมด

การจะใส่ตัวละครใหม่เข้ามาอย่าง โซเนีย คินเคด รับบทนี้โดยซัลมา ฮาเย็คจึงเปรียบเสมือนเป็นบุคคลที่น่าเกรงขาม แต่ในขณะเดียวกันเธอยังเต็มไปด้วยความตลก เพราะนอกจากลูกบ้าในตัวเองแล้ว ตัวละครนี้ยังเปรียบเสมือนเป็นกาวใจในการเชื่อมตัวละครอย่างไมเคิล และดาเรียส คินเคดไปพร้อมๆกัน

 

ไรอัน เรย์โนลด์ หนุ่มหล่อสุดซวย

ไรอัน พูดถึงบทบาทของตัวเองในหนังภาคล่าสุดว่า “ในทุกฉากที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้นกับตัวละครของผมอยู่เสมอ” ในความบ้าบอและโกลาหลนี้ แพทริค ฮิวจ์ ผู้กำกับแสดงความชื่นชมต่อตัวไรอันในการทำงาน เพราะเขาทั้งหล่อ มีพรสวรรค์ แถมยังรับมือกับเรื่องซวยๆได้อยู่ตลอดเวลา

เราต่างก็รู้ดีว่าในชีวิตจริงการทำร้ายผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวมาปรากฏอยู่ในหนังการเห็นไรอัน เรย์โนลด์โดนไล่ล่า ขับรถชนคนตาย กลายเป็นอารมณ์ขันสุดประหลาด ที่ทำให้ให้ตัวผู้กำกับเองรู้สึกว่าเขากำลังได้ทำหนังที่หลบลี้หนีจากความเป็นจริงเข้าสู่โลกของภาพยนตร์อย่างแท้จริง

อันที่จริงแล้วองค์ประกอบแห่งความเปราะบางนั้นได้หลบซ่อนอยู่ภายในตัวของทุกคน เฉกเช่นตัวละครไมเคิล ไบรซ์ ที่ในหนังภาคแรกเราจะได้เห็นว่าเขาได้ถูกล่วงละเมิดความเป็นคนในทุกมิติ จนเราอาจจะกล่าวได้ว่าเขาแทบจะสูญสิ้นความเป็นคนกันเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามยึดหลักความถูกต้องเหมาะสมอยู่ต่อไป ในหนังภาคนี้จึงเปิดโอกาสให้เราได้ไปสำรวจภูมิหลังความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและพ่ออีกด้วย

 

ผัวเมียสุดโต่ง

สิ่งที่ทำให้หนัง The Hitman's Bodyguard ภาคแรกประสบความสำเร็จบนตารางหนังทำเงิน ส่วนหนึ่งมาจากเคมีฮาป่วนระหว่างไรอันและแซมมวล แอล แจ็คสันทั้งสองรู้ว่าจะบริหารมุกตลกท่ามกลางสถานการณ์วายป่วงและส่งต่ออารมณ์ดังกล่าวมาหาผู้ชมได้อย่างไร นอกจากฝีมือในการลอบสังหารคนอื่นของตัวละครดาเรียส คินเคดแล้ว ความเป็นตัวของตัวเอก ตลก คิดไวตัดสินใจเร็ว และรักภรรยาคือพื้นฐานของตัวละครนี้อย่างแท้จริง

การที่หนัง The Hitman’s Wife’s Bodyguard ได้ซัลมา มารับบทเป็นตัวละครตลกโปกฮา พร้อมๆไปกับแสดงฉากต่อสู้คู่ไปกับสองตัวเอก ตัวละครนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้ผู้ชมเห็นว่า “ผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็ยังเปี่ยมเสน่ห์ได้อยู่เสมอ” และถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้ตัวละครโซเนียจะต้องด่า พูดคำหยาบไฟแล่บจนสามีตัวเองต้องสะดุ้ง แต่ตัวละครนี้ยังมีความซับซ้อนทางอารมณ์ เธอยังเปี่ยมไปด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่อยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นความต้องการอยากจะมีลูก มีครอบครัว ซัลม่ากล่าวถึงตัวละครของตัวเองไว้ว่า “โซเนียเต็มไปด้วยความขัดแย้งแต่ฉันมีคัมภีร์ส่วนตัวใช้วิเคราะห์ว่าเธอคิดอย่างไร และความขัดแย้งต่างๆเหล่านั้นก็ดูสมเหตุสมผลสำหรับฉันสิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับโซเนียคือกระบวนการคิดของเธอมันแปลกแต่ก็มีความสอดคล้องในความแปลกของมันฉันสนุกมากที่ได้ทำงานนี้และฉันรู้สึกขอบคุณมากที่แพทริคที่ไว้วางใจฉัน”

 

The Hitman’s Wife’s Bodyguard เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ ทำให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีหนังที่ซัลม่า แสดงนำเข้าฉายพร้อมกันถึงสองเรื่องนั่นก็คือหนังมาร์เวลอย่าง Eternals ซึ่งเธอรับบทเป็นเอแจ็คด้วยนั่นเอง

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

ปวดใจ เมื่อหนังฟอร์มใหญ่อาทิ Cruella และ Black Widow อาจไม่ได้ฉายโรง

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย ทวีความรุนแรงขึ้นในทุกวัน ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่โรงภาพยนตร์ และหนังใหญ่อย่าง Cruella และ Black Widow ก็อาจจะไม่ได้ฉายโรง