เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

4 Kings หนังอาชีวะ เลือดอาชีวะ ที่ไม่ได้มีดีแค่ยกพวกตีกัน

4 Kings หนังอาชีวะ เลือดอาชีวะ ที่ไม่ได้มีดีแค่ยกพวกตีกัน

 

4 Kings เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร

ดัดแปลงจากเรื่องจริงอันเป็นเรื่องราวความขัดแย้งของนักเรียนช่างกลต่างสถาบันในยุค 90 กลุ่มหนึ่ง ซึ่งในทุกการกระทำได้กลายเป็นบทเรียนชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อความคึกคะนองนั้นได้สร้างทั้งมิตรภาพและศัตรูขึ้นมาพร้อมๆกัน

 

ใช้เวลายาวนานกว่า 8 ปีกว่าจะกลายเป็นหนังเรื่องนี้

4KINGS อาชีวะยุค 90's ผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องแรกของ พุฒิ – พุฒิพงษ์นาคทองพร้อมด้วยโปรดิวเซอร์ ทอม – ฐณะวัฒน์ ธรรมปรีชาพงศ์ซึ่งหลายคนคงได้เห็นตัวอย่างฉบับ YouTube ความยาว 15 นาทีกันมาแล้วก่อนเวอร์ชั่นดังกล่าวจะเข้าตาค่ายหนัง เนรมิตหนังฟิล์มที่เข้ามาอำนวยการสร้าง จนโปรเจกต์นี้ได้กลายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวในปีนี้ โดยตอนนี้คลิปนี้มียอดวิวสูงถึง 9 ล้าน 6 แสนกว่าวิวเลยทีเดียว

สามารถดูได้ที่

หลังจากหนังในเวอร์ชั่นยูทูปนั้นเปรียบเสมือนการทำเค้าโครงของหนังเพื่อนำไปเสนอแก่นายทุน โดย 15 นาทีที่เราได้เห็นนั้นเป็นการที่ตัวผู้กำกับควักเงินของตัวเองมาลงทุนทั้งหมด ประกอบกับการที่เขาเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ การไปขายบทเฉยๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ต้องทำให้เจ้าของทุนเห็นภาพ โดยเขาใช้เวลาเดินทางขายงานมาเกือบ 7-8 ปีเต็ม และไปมาแทบจะทุกค่ายในประเทศไทย จนสุดท้ายค่ายเนรมิตหนังฟิล์มสนใจในที่สุด

 

หนังชีวิตที่สะท้อนวิถีคนอาชีวะ

4 Kings ถือเป็นหนังแนวดราม่าสะท้อนชีวิตเด็กอาชีวะ โดยกว่าจะพัฒนาบทเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง พุฒิ – พุฒิพงษ์ เดินทางเข้าหาเหล่าสมาคมสิทธิเก่าของ 4 สถาบันอาชีวะเพื่อพูดคุย ขอข้อมูล และขออนุญาตในการถ่ายทำ เขาต้องเข้าไปคลุกคลีกับกลุ่มคนเหล่านี้เป็นปีๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมจริงที่สุด และผู้สร้างเชื่อมั่นว่าเด็กอาชีวะจะมาดูหนังเรื่องนี้เพราะมันเป็นชีวิตของพวกเขาโดยตรง

สิ่งที่ตัวโปรดิวเซอร์ทอม – ฐณะวัฒน์ ธรรมปรีชาพงศ์ คาดหวังคืออยากให้มีคนไปดูหนังเรื่องนี้เยอะๆ เพราะเขาอยากให้วงการหนังไทยมีอะไรที่แปลกใหม่บ้าง หลังจากที่หนังในช่วงหลังไม่กี่ปีมานี้ วนเวียนอยู่แค่ ตลก ผี รอม-คอม 3 แนวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นกำแพงของหนังแนวนี้ก็ค่อนข้างสูงสำหรับคนไทย ใจจริงคือเขาคาดหวังอยากจะให้วัยรุ่นมาดู เพราะดูจบแล้วน่าจะได้ข้อคิดหลายๆอย่าง

 

จากประสบการณ์จริง และอรรถรสเสริม

ตัวเรื่องราวจะโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของกลุ่มเด็กวัยรุ่นอาชีวะจาก 4 สถาบันได้แก่ กนกอาชีวะ, ช่างกลบุรณพนธ์, เทคโนโลยีประชาชล (ดัดแปลงจากชื่อจริง เทคโนโลยีประชาชื่น) และอินทรอาชีวะศึกษาถึงแม้ภาพยนตร์จะอิงชื่อโรงเรียนจริงเกือบทั้งหมด แต่ว่าเรื่องราวในหนังเป็นเรื่องแต่งจากประสบการณ์ของผู้กำกับ พุฒิ –พุฒิพงษ์นาคทอง

แม้ว่าเรื่องราวที่เขาเขียนขึ้นมาจะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งหมด มีแค่ชื่อโรงเรียน ชื่อตัวละคร และเรื่องราวของพวกเขาประมาณ 20% ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องาวที่ตัวพุฒิเคยเจอขึ้นมาในสมัยเรียนที่เขาและเพื่อนได้สัมผัสกับตัวจริงๆ ปัจจุบันสถาบันทั้งหมดปิดตัวหมดแล้ว โดยสมัยก่อน 4 สถาบันนี้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันจริงอยู่บ่อยครั้ง แต่โปรเจกต์นี้กลับเป็นจุดเริ่มต้นให้ศิษย์เก่าทั้ง 4 สถาบันนี้กลับมาสานความสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้งจนเกิดเป็นงานฟุตบอลประเพณี 4 Kingsขึ้นมาในชีวิตจริง

 

นี่ใช่หนังตีกัน แต่เป็นหนังดราม่าสะท้อนตราบาปของชีวิต

หากใครคาดหวังว่ามันจะเป็นหนังดราม่าที่มาพร้อมฉากตีรันฟันแทงอันดุเดือด อาจจะต้องบอกว่าเตรียมผิดหวังกันได้เลย เนื่องจากในเรื่องค่อนข้างเน้นความดราม่าผ่านชีวิตของตัวละครเด็กอาชีวะใน 4 สถาบันหลัก ซึ่งโปรดิวเซอร์ของเรื่องมีความตั้งใจว่าอยากให้ผู้ชมนั้นมองไปถึงเจตนาของหนัง อยากให้คนได้เข้าไปดูหนังจริงๆก่อน อย่าเพิ่งเหมารวมกันไปว่านี่เป็นหนังเด็กช่างตีกันเอาความบันเทิง เพราะเจตนาที่แท้จริงที่หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง คือการอยากให้พวกเขาเลิกตีกัน แต่บอกตรงๆก็คงไม่ได้ ดังนั้นการใส่ฉากตีกันเข้ามาจึงเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่จะนำไปสู่แง่คิดในเวลาต่อมา

นอกจากประเด็นเรื่องความเป็นสถาบันช่างกลแล้ว หนังเรื่องนี้ยังสะท้อนภาพความเป็นวัยรุ่น เพราะประเด็นทางสังคมที่แทรกสอดอยู่ในเรื่องนั้นมีความเกี่ยวโยงกับวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านทั้งสิ้น อาทิ เรื่องครอบครัว เรื่องมิตรภาพ เรื่องท้องก่อนวัย หรือแม้กระทั่งเรื่องยาเสพติด ซึ่งจริงๆแล้วถ้าหากตัดคำว่าเด็กช่าง หรือ เด็กอาชีวะออกไป ตัวละครในเรื่องก็คือวัยรุ่นธรรมดาที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นวัยรุ่นที่แสดงพฤติกรรมผิดๆ เต็มไปด้วยอารมณ์และความคึกคะนอง ซึ่งแต่ละคนแสดงออกไม่เหมือนกัน เด็กช่างกลุ่มนี้แสดงออกแบบนี้ เด็กทั่วไปก็จะแสดงออกแบบหนึ่ง เด็กรถซิ่งก็แสดงออกอีกอย่างหนึ่ง หรือแม้กระทั่งเด็ก ม.ปลาย ก็แสดงออกอย่างหนึ่ง แต่ทั้งหมดแล้วหากการแสดงออกแบบผิดที่ผิดทาง มันจะนำอะไรกลับมาสู่เจ้าตัวบ้าง นี่คือสาระสำคัญของหนังเรื่องนี้

 

4 Kings ระดมทีมนักแสดงวัยรุ่นไว้หลายคนอาทิ เป้ –อารักษ์ อมรศุภศิริ, จ๋าย–อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี, ภูมิ – ภูมิ รังษีธนานนท์, โจ๊ก – อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ, นัท – ณัฏฐ์ กิจจริต, ทู – สิราษฎร์ อินทรโชติ และ บิ๊ก–อุกฤษ วิลลีย์บรอด ดอน กาเบรียล (D Gerrard)

หนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้

ตัวอย่างเต็ม \

ตัวอย่างเต็ม "วัยหนุ่ม 2544" ทิ้งอิสรภาพไว้หน้ากำแพง จากทีมสร้าง 4 Kings

ตัวอย่างเต็ม "วัยหนุ่ม 2544" ภาพยนตร์โดยผู้กำกับและทีมสร้าง 4 Kings ทั้ง 2 ภาค ทิ้งอิสรภาพไว้หน้ากำแพง แล้วเผชิญหน้าความเข้มข้นทุกวินาที

จาก เด็กเสเพล สู่ 4 Kings หนังที่ไม่ได้อยากให้คนเอาเยี่ยงอย่าง โดย ตั๋วร้อนฯ

จาก เด็กเสเพล สู่ 4 Kings หนังที่ไม่ได้อยากให้คนเอาเยี่ยงอย่าง โดย ตั๋วร้อนฯ

จาก เด็กเสเพล สู่ 4 Kings หน้าหนังที่เหมือนจะปลุกระดมเยาวชน-วัยรุ่น พากันเอาเยี่ยงอย่าง แต่บทสรุปท้ายที่สุดหนังก็ได้สอนอะไรบางอย่างให้คนดูรู้สึกได้ว่าไม่ควรเดินสายนี้ โดยตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

สรุปผลรางวัลงาน สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 30: ร่างทรง ทำลายสถิติคว้า 13 รางวัล

สรุปผลรางวัลงาน สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 30: ร่างทรง ทำลายสถิติคว้า 13 รางวัล

สรุปผลงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 30 ประจำปี 2564 ซึ่งงานนี้ ภาพยนตร์เรื่อง ร่างทรง ทุบสถิติคว้า 13 รางวัล จากเข้าชิง 15 รางวัล และเป็นภาพยนตร์ที่ได้รางวัลมากที่สุดของงาน สุพรรณหงส์ ในรอบ 30 ปี

Leio โคตรแย้ยักษ์ ก้าวที่น่าสนใจของหนังสัตว์ประหลาดสัญชาติไทย

Leio โคตรแย้ยักษ์ ก้าวที่น่าสนใจของหนังสัตว์ประหลาดสัญชาติไทย

สิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งสำหรับ Leio โคตรแย้ยักษ์ คือความพยายามนำหนัง “สัตว์ประหลาดสัญชาติไทย” หวนคืนสู่จอภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ ปักษาวายุถือเป็นหนัง “อสูรกาย” ในความทรงจำของผู้ชม เข้าฉายไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ทิ้งระยะเวลากว่าสิบปี