"ทูเคิ่ล" เดิมพันเก้าอี้ เชลซี ลุ้นท็อป 4 (คอลัมน์สนุกมือ/ ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)
โธมัส ทูเคิ่ล ชื่อนี้อาจจะดูห่างไกลจากแฟนบอล “สิงบลูส์” เมื่อเปรียบเทียบกับลูกหม้อเก่าอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่การมาแทนที่ในตำแหน่งผู้จัดการทีมของเขาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้สร้างความแตกต่างขึ้นอย่างยิ่งยวดหลังรับตำแหน่งเมื่อ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นเขาพา “สิงโตน้ำเงินคราม” ชนะรวด 4 เกมในพรีเมียร์ลีก แถมเสียประตูไปแค่ลูกเดียวเท่านั้น ราวกับว่ากุนซือผู้นี้มีมนต์วิเศษเสกให้เชลซี กลายเป็นสุดยอดทีมภายในบัดดล
จากฟอร์มย่ำแย่ในช่วงปลายของยุค “แลมพ์” ภายใต้ข่าวแตกคอกับผู้บริหารและลูกน้องภายในทีมด้วย จนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกและนำมาซึ่งตัวผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ที่ทำการบ้านมาดี เปลี่ยนแปลงเชลซีได้อย่างรวดเร็ว ไปดูหลายจุดในทีมที่ ทูเคิ่ล ได้ทำการปฏิวัติกันดีกว่า
1.กลับไปใช้ระบบหลังสามตัว
เชลซี ได้แชมป์ลีกครั้งล่าสุดด้วยพื้นฐานการเล่นแบบกองหลัง 3 ตัว และพวกเขาก็ยังใช้โครงผู้เล่นแนวรับชุดเก่าอยู่หลายคนเลยทีเดียว ดังนั้นการปรับมาใช้แบ็คทรี เพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้เล่นวิงแบ็คที่เติมเกมรุกได้สุดๆทั้งสองข้าง ทำให้เกมของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ดูเหมือนจะกลับมาลงล็อคอีกครั้ง ระบบนี้ทำให้เกมรับเหนียวแน่นขึ้นจนทีมเสียแค่ลูกเดียวจากสี่นัดล่าสุด
2.เชื่อใจนักเตะเก่าที่ยังมีคุณภาพ
นักฟุตบอลอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า อดีตกัปตันทีมได้ถูกเรียกกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง พร้อมด้วยวิงแบ็คจอมบุกอย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ ซึ่งน่าแปลกสมัย แฟรงค์ แลมพาร์ด ไม่เคยได้รับการเหลียวแล ทั้งๆที่เป็นผู้เล่นที่เติมเกมรุกอย่างเหนือชั้น แถมจบสกอร์เองได้บ่อยครั้งด้วย
3 ผสมผสานยังให้โอกาสแข้งวัยรุ่น
ทูเคิ่ล ไม่ได้ใช้นักเตะสูงวัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขายังมีสายตาที่แหลมคม ด้วยการจับ ฮัดสัน โอดอย มาเล่นเป็นวิงแบ็คด้านขวา ให้โอกาส เมสัน เมาท์ ลงเป็นตัวทำเกมริมเส้น บวกด้วยหน้าเป้าอย่าง แทมมี่ อบราฮัม สร้างความสดชื่นกระฉับกระเฉงให้ทีมได้ไม่น้อย เพราะมีดาวเตะพลังหนุ่มลงไปเป็นตัวขับเคลื่อนเกม
4. ดร็อปก็องเต้หนุนแวร์เนอร์
จะมีกุนซือคนไหนที่เข้ามาปั๊บแล้วกล้าดร็อป เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ปุ๊บ! นี่มันระดับมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติฝรั่งเศสนะเนี่ย แต่ทูเคิ่ล น่าจะทำการบ้านมาและรู้ว่า ก็องเต้ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มสุดยอด ดูเหนื่อยล้าและเคลื่อนไหวน้อยกว่าสมัยรุ่งๆ แถมสมดุลของทีมก็ดูเสียไปเมื่อเลือกใช้ มิดฟิลด์เกมรับลง 3 คนพร้อมกันเหมือนในยุคแลมพาร์ดชอบใช้ คือ จอร์จินโญ่, ก็องเต้ และ มัตเตโอ โควาซิช
นอกจากนี้เขายังหนุนและผลักดัน ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมันที่ปืนฝืดไปนานหลายเดือน จนสามารถกลับมาส่องประตูได้อีกครั้งในเกมชนะนิวคาสเซิ่ล 2-0
ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ทำให้ เชลซี ในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล กลับมาร้อนแรงและดีดตัวขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ในตารางอย่างรวดเร็ว
ทว่าอย่าลืมว่างานของ ทูเคิ่ล ยังไม่จบง่ายๆเท่านี้นะครับ เพราะฤดูกาลยังอยู่อีกยาวไกล โจทย์ของเขาเองคือการจบท็อปโฟร์ให้ได้เพื่อพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ซีซั่นนี้มันช่างดูสูสีกันสุดกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหัวตาราง
แมนฯซิตี้, แมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เลสเตอร์ และเวสต์แฮม คั่วโควตานี้กันสุดฤทธิ์ มีแต้มห่างกันเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น ใครจะได้สิทธิ์เป็น 4 อรหันต์คว้าบัตรเชิญมูลค่าสูง 4 ใบนี้ไป ยากต่อการคาดเดายิ่งนัก ทำอย่างไร เชลซี จะเข้าป้ายไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้สำเร็จในปีหน้า
ทูเคิ่ล เริ่มต้นดีแต่ยังประมาทไม่ได้ เพราะมีสัญญาแค่ 18 เดือน ถ้าเขาไม่สามารถปิดจ็อบได้ตามหน้าเสื่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีความอดทนต่ำเป็นพิเศษในสแตมฟอร์ดบริดจ์!!!