เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

“ท้องเสีย” ควร-ไม่ควรทานอาหารอะไรบ้าง?

“ท้องเสีย” ควร-ไม่ควรทานอาหารอะไรบ้าง?

อากาศร้อนชื้นของบ้านเรา เป็นอุณหภูมิที่ดีที่เชื้อแบคทีเรียในอาหารเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นนอกจากจะต้องรักษาความสะอาดของอาหารที่เราทานให้ดีแล้ว ต้องระมัดระวังอาหารตามร้านอาหารต่างๆ ให้ดีด้วย เลือกร้านที่ไว้ในในคุณภาพได้ และสังเกตรูป รส และกลิ่นของอาหารที่ทานทุกครั้ง แต่หากใครที่โชคร้ายเกิดอาการท้องเสียขึ้นมา ก็ไม่เป็นไร แต่หลังอาการท้องเสีย ต้องระมัดระวังอาหารที่ทานมากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดอาการถ่ายท้องอย่างต่อเนื่องจนอาจมีอาการหนักขึ้นจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อในโรงพยาบาลได้

 

อาหารสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสีย

ก่อนอื่นต้องทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไปด้วยน้ำเกลือแร่ (ที่เป็นคนละชนิดกับน้ำเกลือแร่สำหรับนักกีฬา) ให้เลือกดื่มน้ำ (ต้มสุก) ผสมผงน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านขายของชำ หรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป ดื่ม ½-1 แก้วโดยค่อยๆ จิบทีละน้อย จิบบ่อยๆ แต่หากไม่สามารถหาซื้อผงน้ำตาลเกลือแร่ได้ ให้ผสมเกลือป่น 1 ช้อนชา กับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำต้มสุก 1 ขวด หรือประมาณ  750 ซีซี

นอกจากน้ำผสมผงเกลือแร่ ORS แล้ว ควรทานอาหารเหล่านี้

  • อาหารรสชาติอ่อนๆ จืดๆ ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป

  • อาหารไขมันต่ำ เช่น ไก่ไม่มีหนัง เนื้อปลา กุ้งสับต้มสุก

เมื่ออาการท้องเสียเริ่มดีขึ้น จึงเริ่มทานอาหารที่มีกากใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ (หลีกเลี่ยงผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อเลี่ยงอาหารเสาะท้อง) ข้าวกล้อง ธัญพืชต่างๆ แต่ยังคงงดทานอาหารรสจัดไปก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์

 

อาหารที่ควรเลี่ยง เมื่อมีอาการท้องเสีย

  • อาหารประเภทนมทั้งหมด นมสด นมวัว นมเปรี้ยว โยเกิร์ต

  • ผัก ผลไม้ และน้ำผลไม้

  • อาหารรสจัด เช่น ส้มตำ ต้มยำ ฯลฯ

  • อาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมัน แป้งที่มีส่วนผสมของเนย อาหารทะเลเช่น หอย ปลาหมึก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีอาการท้องเสียบ่อยครั้ง อาจเป็นคนธาตุอ่อน การทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูงอย่าง ข้าวกล้อง และธัญพืชต่างๆ รวมถึงผักผลไม้ (รสไม่เปรี้ยว) สามารถทำให้การขับถ่ายกลับมาเป็นปกติได้ และสำหรับใครที่ท้องเสียจากการทานยาปฏิชีวนะมากเกินไป นั่นหมายถึงยาเหล่านั้นอาจเข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียดีๆ ในลำไส้จนหมด จึงต้องเติมแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้เข้าไปอย่างการดื่มนมเปรี้ยว หรือทานโยเกิร์ต ที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีวิตอยู่ด้วย ควรสังเกตข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีว่ามีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่หรือไม่

 

วิธีหลีกเลี่ยงอาการท้องเสีย

  • ลดการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด เปรี้ยวจัด เพื่อลดอาการเสาะท้อง

  • ลดการทานอาหารหมักดอง เพราะมีความเสี่ยงต่อการพบเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากกระบวนการหมักดองที่ไม่มีประสิทธิภาพ

  • เลือกทานอาหารจากร้านอาหาร หรือเลือกวัตถุดิบในการทานอาหารที่สะอาด น่าเชื่อถือ ล้างทำความสะอาด และปรุงให้สุก 100% ก่อนทานอาหารทุกครั้ง

  • ไม่ทานอาหารที่ปรุงสุกข้ามวัน และเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ไม่เย็นมากพอ เพราะอาจก่อให้เกิดเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสียได้

  • ไม่ทานอาหารมากจนเกินไป เช่น การทานบุฟเฟ่ต์ หรือการอดอาหารมื้อหนึ่ง แล้วมาทานอีกมื้อหนึ่งมากขึ้น เพราะการทานอาหารครั้งเดียวในปริมาณมาก จะทำให้ผนังหน้าท้องขยายมากยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร ควรเปลี่ยนมาทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่ให้บ่อยขึ้นจะดีกว่า และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน ไม่รีบทาน รีบกลืนจนเกินไป เพราะอาจทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ยาก เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้
  • ยา “คาร์บอน” แก้ท้องเสีย กินอย่างไรให้ถูกต้อง?

    ยา “คาร์บอน” แก้ท้องเสีย กินอย่างไรให้ถูกต้อง?

    ยาคาร์บอนแก้ท้องเสีย หรือผงถ่าน Activated Charcoal ช่วยดูดซับสารพิษ พร้อมอัปเดต ยาคาร์บอน รักษาอะไร วิธีกินยาคาร์บอนอย่างถูกวิธี ปลอดภัยไหม? เช็กให้ชัวร์ก่อนใช้ยา

    รู้หรือไม่? เราควร “ถ่ายหนัก” วันละกี่ครั้ง ถึงเรียกว่าสุขภาพดี

    รู้หรือไม่? เราควร “ถ่ายหนัก” วันละกี่ครั้ง ถึงเรียกว่าสุขภาพดี

    สารพัดอาหาร หรือยาต่างๆ นานา ถูกนำมาใช้นำมาทานกันเพื่อให้เราได้ถ่ายคล่องสบายตัวเป็นปกติ แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าใน 1 วัน เราควรถ่ายกี่ครั้ง ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีสุขภาพดี ระบบขับถ่ายปกติ