[เปิด Disney+ มารีวิว] No Exit พายุหิมะ โจรลักพาตัว และผู้หญิงชีวิตพัง
No Exit ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ เทย์เลอร์ อดัมส์ ผลงานการกำกับของเดเมียน พาวเวอร์ เล่าเรื่องราวของดาร์บี้ (ฮาวานา โรส หลิว) ผู้เข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพย์ติด ณ สถานบำบัด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลที่แม่ของเธอกำลังเข้ารักษาตัว และตอนนี้อาการของแม่เธอกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต ดาร์บี้พยายามขอร้องบุรุษพยาบาลให้ติดต่อไปยังพี่สาวของเธอเพื่อให้มารับตัวเธอไปเยี่ยมแม่ แต่ทางสถานบำบัดปฏิเสธ ทำให้เธอแอบไปขอร้องเพื่อนข้างห้องเพื่อยืมโทรศัพท์มือถือ ในการติดต่อพี่สาว แต่โชคร้ายที่ดาร์บี้ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพี่ตัวเอง
ในกลางดึกคืนนั้นเอง ดาร์บี้ตัดสินใจจะหนีออกจากสถานบำบัด เพราะเธอคิดว่าแม่ไม่น่าจะรอดชีวิตหลังจากผ่านคืนนี้ไป เธอพยายามขับรถผ่านหุบเขาที่หิมะกำลังตกหนัก แต่เมื่อพายุเริ่มถาโถมเข้ามา ทำให้ดาร์บี้ต้องหยุดแวะพักที่สถานที่พักนักท่องเที่ยวเพื่อรอให้พายุซาลง ณ ที่นี่เองเธอได้พบกับ แอช (แดนนี่ รามิเรซ), ลาร์ส (เดวิด ไรดาลห์) เอ็ด (เดนนิส เฮย์เบิร์ต) และแซนดี้ (เดล ดิคเคย์) สี่นักท่องเที่ยวที่เผชิญชะตากรรมเดียวกับเธอ
ระหว่างที่แวะหลบพายุ ด้วยความร้อนอกร้อนใจ ดาร์บี้พยายามใช้สมาร์ทโฟนค้นหาสัญญาณโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปยังโรงพยาบาล ระหว่างที่เดินอยู่แถวลานจอดรถ เธอได้สังเกตเห็นความผิดปกติของรถตู้คันหนึ่ง เมื่อมองทะลุกระจกเข้าไป เธอพบว่ามีเด็กหญิงถูกมัดมือปิดปาก นอนทุรนทุรายขอความช่วยเหลือ ทำให้ดาร์บี้ฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า บรรดานักท่องเที่ยวอีก 4 คนนั้น 1 ในนั้นอาจจะเป็น “ผู้ร้ายลักพาตัว” ปัญหาอยู่ที่ว่า หากเธอจะช่วยเด็กสาวคนนี้ออกมา แล้วทั้งสองจะเอาตัวรอดไปจากสถานที่นี้ได้อย่างไร เมื่อพายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำเช่นนี้
No Exit ถือเป็นหนังแนว ใครเป็นคนร้าย (Whodunit) โดยตัวละครอย่างดาร์บี้จะต้องพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว พร้อมไปกับการค้นหาความจริงเบื้องหลังครั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิดตาย และความเข้มข้นในการหาตัวคนร้ายก็ชวนคนดูลุ้นมากขึ้น เมื่อหนังยิ่งดำเนินเรื่องราวไปข้างหน้า เราก็จะได้พบกับการหักมุมมากมายหลายตลบ แถมฉากโหดชวนเบือนหน้าหนี ก็จัดเต็มมากในช่วงองก์ที่ 3 ของเรื่อง
เรียกได้ว่าถ้าใครชื่นชอบหนังตื่นเต้น ระทึกขวัญ No Exit เป็นหนังที่ดูเพลินเลยทีเดียว (สตรีมมิ่งได้ทาง Disney+)