[เปิด Netflix มารีวิว] Man vs. Bee คนตีกับผึ้ง แล้วได้อะไร
เชื่อว่าสิ่งที่เป็นตัวเรียกแขกให้ยอมกดสตรีมมิ่งซีรีส์ Man vs Bee คือนักแสดงชาวอังกฤษอย่างโรแวน แอตคินสันที่ได้รับการจดจำจากผลงานระดับตำนาน “มิสเตอร์บีน” มาสวมบทเป็นพนักงานเฝ้าบ้านที่ก่อสงครามกับผึ้ง จนทุกอย่างลุกลามบานปลายเกินจินตนาการ
Man vs. Bee อาจจะวางรูปแบบมาเป็นทีวีซีรีส์ แต่อันที่จริงแล้วด้วยความยาวประมาณ 9 ตอน ตอนละประมาณ 10 นาที เมื่อมัดรวมเวลาทั้งหมดรวมกันจะกินความยาวประมาณ 90 นาทีเศษ พอเหมาะพอเจาะกับความยาวของภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง ซึ่งจริงๆแล้วเมื่อดูจบซีรีส์เรื่องนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังดูหนังยาวๆ แต่วิธีการซอยออกให้เป็นตอนสั้นๆ ก็ช่วยทำให้ผู้ชมได้พักไปทำอย่างอื่นระหว่างชมได้เช่นกัน เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Man vs. Bee มีลักษณะของการขายชุดเหตุการณ์มากกว่าจะนำเสนอความต่อเนื่องเรื่องพัฒนาการตัวละคร
เทรเวอร์ (โรแวน แอตคินสัน) พนักงานรับจ้างดูแลบ้านมือใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่นาน เขาจำเป็นต้องมาดูแลบ้านมหาเศรษฐีสุดไฮเทค ซึ่งทุกอย่างต้องควบคุมผ่านระบบดิจิทัล สั่งการด้วยเสียงบ้าง การป้อนรหัสปลดล็อคประตู ระบบเซนเซอร์บ้าง ด้วยความรีบเร่งที่จะเดินทางไปเที่ยวของสองสามีภรรยาเจ้าของบ้าน พวกเขาจึงบอกว่าเทรเวอร์สามารถเรียนรู้การทำงานทุกอย่างผ่าน “คู่มือดูแลบ้าน”
เมื่อเจ้าของบ้านจากไปเทรเวอร์จึงพยายามเรียนรู้ระบบการทำงานของบ้านหลังนี้ แต่ก็ไม่วายเมื่อเจ้าผึ้งตัวป่วนได้บินเข้ามาในบ้าน และเทรเวอร์เองก็ดูพยายามที่จะกำจัดมันให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าในทุกการกระทำของเทรเวอร์นำมาซึ่งความหายนะพังพินาศเกินกว่าจะคาดเดา และดีกรีความฉิบหายก็ทวีความหนักข้อขึ้นไปเรื่อยๆตามจำนวนตอนของซีรีส์ที่ดำเนินไป
อันที่จริงแม้ว่าระหว่างที่เราดู ก็คงแอบเกิดอาการหัวเสียว่าทำไมคนอย่างเทรเวอร์ถึงพยายามทำเรื่อง “ไม่เข้าท่า” อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมีอยู่ตอนหนึ่งที่ ภรรยาของเทรเวอร์อย่างเจส (คลาวดี้ แบลกลีย์) ได้โทรศัพท์สายตรงมาคุยกับเทรเวอร์ว่า เขาต้องรับผิดชอบนัดในการมาพบกับครอบครัวให้ได้ และตัวเทรเวอร์เองต้องเลิกหมกมุ่นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยกับชีวิต ซึ่งปัจจัยที่ภรรยาเขากล่าวเตือนนี้ เคยทำให้เทรเวอร์เคยโดนไล่ออกจากงานมาแล้ว
จากประโยคสั้นๆดึงสติเทรเวอร์และคนดู ก็ชวนให้เราหวนกลับมาทบทวนตัวเองเช่นกัน ว่าบางครั้งการที่เราเก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆ เอามาให้กลายเป็นปัญหาคาใจ อันนำไปสู่ความเครียด คงไม่ต่างอะไรจากการที่ตัวเทรเวอร์พยายามสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายกับเจ้าผึ้ง ที่ไม่ได้มาระรานอะไรเทรเวอร์ (มันไม่เคยปล่อยเหล็กในต่อยเทรเวอร์เลยสักครั้ง) แต่ด้วยความอยากเอาชนะ และกำจัดแมลงตัวนี้ให้พ้นหูพ้นตา บางทีตัวเทรเวอร์เองอาจจะเป็นคนประเภทรักความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) แต่ขาดไหวพริบ ทำให้เขาวนเวียนอยู่กับปัญหาไม่จบสิ้น
จนบางทีเราอาจจะต้องหยิบยกแนวคิดสมัยใหม่อันว่าด้วยการ “ช่างแ...ง” มาปรับใช้กับตัวเองและตัวเทรเวอร์ด้วยเช่นกัน