เนื้อหาในหมวด หนัง-ละคร

Bring It On: Cheer or Die สาวเชียร์เท้าไฟภาคใหม่ “หวีด” สุดคอหอย

Bring It On: Cheer or Die สาวเชียร์เท้าไฟภาคใหม่ “หวีด” สุดคอหอย

Bring It On ถือได้ว่าเป็นหนังตลกวัยรุ่นในยุคปี 2000 ที่จัดได้ว่าโด่งดัง และยังได้รับการพูดถึงมาจนทุกวันนี้ เราอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับเชียร์ลีดเดอร์ที่มีการแข่งเต้นกันอย่างจริงจังเป็นเรื่องแรกๆ จนกระทั่งหนังมีภาคต่อตามออกมาเรื่อยๆในฐานะหนังโฮมวิดีโอ แต่การกลับมาครั้งนี้มันจะกลายเป็นหนังไล่เชือด!

 

หวนคืนสู่ยุคปี 2000

Bring It On หนังเชียร์ลีดเดอร์ เป็นผลงานการกำกับของเพย์ตัน รี้ด (Ant-Man) ผู้กำกับที่เติบโตมากับการกับทำซีรีส์ทางโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี 2000 Bring It On ถือเป็นการกำกับหนังใหญ่ขนาดยาวเป็นครั้งแรก โดยวันแรกที่หนังเปิดตัวในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม Bring It On สามารถครองแชมป์หนังทำเงินอันดับหนึ่งประจำสัปดาห์นั้น และยังสามารถเก็บรายรับจากทั่วโลกไปถึง 90 ล้านเหรียญฯ จัดได้ว่าเป็นหนังทุนสร้างต่ำ แต่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย แม้ว่าคำวิจารณ์อาจจะไม่ได้ดีเลิศเลอ ในห้วงเวลานั้น แต่เมื่อมันกลายเป็นวิดีโอ ผู้คนต่างก็หลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ จนอาจจะกล่าวได้ว่ามันกลายเป็นหนัง “คัลท์ คลาสสิก” ในเวลาต่อมา

เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Bring It On เล่าถึงทีมเชียร์ลีดเดอร์โทรอสจากไฮสคูล แรนโช ในเมืองซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย หลังจากที่ทอร์เรนซ์ (เคียร์สเต็น ดันสต์) ได้รับหน้าที่กลายมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่ เธอเริ่มเกิดความกังวลว่าหลังจากที่ทีมนี้เคยครองตำแหน่งแชมป์อันดับ 1 มาถึง 6 สมัยซ้อน แต่อาจจะถึงคราวล่มสลายในห้วงเวลาของเธอ มิหนำซ้ำ เมื่อเธอได้พบกับมิสซี่ (อลิชา ดุชกู) เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมา ก่อนได้รับคำชักชวนให้มาออดิชั่นเข้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ ทว่าเมื่อถึงวันซ้อมทีมวันแรก เมื่อมิสซี่ได้เห็นท่าเต้น เธอถึงกับขอถอนตัวเอาซะดื้อๆ

ด้วยความงุนงงและโกรธเคืองของทอร์เรนซ์ในฐานะกัปตันทีม ว่าทำไมมิสซี่จึงเดินออกจากการซ้อมไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มิสซี่จึงเล่าความจริงว่าท่าเต้นทั้งหมดที่พวกเธอซ้อมนั้น ถูกขโมยมาจากทีมโคลเวอร์ ซึ่งเป็นทีมของสาวผิวสีโดยมีไอซิส (แกเบรียล ยูเนี่ยน) เป็นหัวหน้าทีม เมื่อทอร์เรนซ์ต้องการพิสูจน์ความจริง เธอและมิสซี่จึงเดินทางไปแอบดูการซ้อมของทีมโคลเวอร์ให้เห็นกับตา และก็ได้ตาสว่างเมื่อความจริงปรากฏขึ้นว่าหัวหน้าทีมคนเก่าได้ทำการแอบถ่ายวิดีโอท่าซ้อม เอามาเลียนแบบชนิดก็อปแปะเลยทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนั้น ทอร์เรนซ์จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนแผนการซ้อม ไล่ตั้งแต่การฝึกลูกทีม ตามหาโคริโอกราฟเฟอร์ที่มาออกแบบท่าเต้นชุดใหม่ให้ทันเวลาก่อนที่การแข่งขันรอบคัดเลือกจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่พวกเธอจะพบว่าไม่มีอะไรง่ายเลยในการชิงชัยครั้งนี้เมื่อทีมโคลเวอร์ตัดสินใจลงสมัครแข่งเชียร์ลีดเดอร์เป็นครั้งแรก เพื่อพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าทีมของพวกเธอมีความสามารถมาเนิ่นนานแล้ว แต่ที่ลงแข่งไม่ได้นั้นเพราะขาดทุนทรัพย์ในการสมัครแข่งขันนั่นเอง!

 

บทบันทึกของ Bring It On

หลังจากที่หนังประสบความสำเร็จ นักแสดงนำอย่างเคียร์สเต็น ดันสต์ กลายเป็นดาราวัยรุ่นที่มีผลงานชุกในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังไฮสคูลอย่าง Get Over It หนังรักวัยรุ่นหัวขบถอย่าง Crazy/Beautiful แต่บทบาทที่ทำให้เธอดังเป็นพลุแตกอย่างแท้จริงน่าจะเป็นการคว้าบทแมรี่ เจน วัตสัน แฟนสาวของสไปเดอร์แมนใน Spider-Man เวอร์ชั่นการกำกับของแซม ไรมี่ ในปี 2022

นอกจากนักแสดงแล้ว ความสำเร็จของ Bring It On ยังมีการสร้างภาคต่อตามออกมาหลายภาคไม่ว่าจะเป็น Bring It On Again (2004), Bring It On: All or Nothing (2006), Bring It On: In It to Win It (2007), Bring It On: Fight to the Finish (2009) โดยภาคนี้ได้นักร้องสาวอย่างคริสตินา มิลเลียนมารับบทนำของเรื่อง ส่วน Bring It On: Worldwide Cheersmack (2017) ก็เลือกที่จะเล่าการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ในระดับโลก แต่บรรดาภาคต่อที่ถูกผลิตออกมานั้น บรรดาผู้ชมต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ยิ่งทำยิ่งแย่และไม่มีภาคไหนสนุกทัดเทียมได้เท่ากับภาคแรกเลย

 

การมาถึงของ Bring It On: Cheer or Die

Bring It On: Cheer or Die ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์เชียร์สนั่น แต่คราวนี้เหล่าตัวเอกต้อง “หวีด” กันสุดคอหอย เมื่อเหล่าเชียร์ลีดเดอร์ตัดสินใจจะซ้อมทีมกันที่โรงเรียนร้าง แต่แล้วหลังจากที่เดินทางไปถึงพวกเขาก็พบว่า เมื่อซ้อมไปได้สักระยะสมาชิกทีมก็เริ่มหายตัวกันไปทีละคนอย่างลึกลับ และการปรากฏตัวของมาสคอตหน้าตาหน้ากลัวและออกไล่ล่าพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ตกลงแล้วใครจะเหลือชีวิตรอดกลับไปในการแข่งขันได้บ้างละทีนี้

Bring It On: Cheer or Die เป็นผลงานการกำกับของคาเรน แลม ผู้กำกับหญิงที่ผ่านงานเขียนบทและกำกับหนังสั้นมามากมาย โดยผลงานการกำกับที่น่าสนใจของเธอ คือหนังเรื่อง The Curse of Willow Song (2020) อันเป็นหนังสยองขวัญแนวจิตวิทยาที่คว้ารางวัลในเทศกาลหนังต่างมาอย่างมากมาย

กลับมาที่ Bring It On: Cheer or Die หนังมีกำหนดฉายทางช่อง SyFy และลงทางสตรีมมิ่ง Apple TV และ Prime Video ในวันที่ 8 ตุลาคมที่จะถึงนี้