รู้จัก ตลาดน้ำดำเนินสะดวก แหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ แต่คนบ่นกันว่า ขายของแพง!
ถึง "ตลาดน้ำ" ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงย่อมหนีไม่พ้น "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก" จังหวัดราชบุรี ที่นี่คือไอคอน, คือโปสการ์ดของเมืองไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก ภาพเรือแน่นขนัดในคลอง พ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายของกันอย่างคึกคัก คือเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาหลายสิบปี
แต่ล่าสุดนี้ทางอินฟูฯ ดังไปรีวิวตลาดน้ำแห่งนี้พบว่าราคาของค่อนข้างสูงจนน่าตกใจ วันนี้ Sanook Travel จะมาแนะนำว่าใครอยากไปเยี่ยมเสนห์ของตลาดแห่งนี้, มีอะไรที่โดดเด่น และ เรื่องควรรู้หากเห็นราคาของขายแพงเกินจริงเราต้องทำอย่างไร
"ตลาดน้ำดำเนินสะดวก" มีอะไรเด็ด?
ถึงจะมีข่าวลบ แต่เสน่ห์ดั้งเดิมของที่นี่ก็ยังคงอยู่ครับ ถ้าไปถูกที่ ถูกเวลา คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านี้
การเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก อยู่ที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี (แต่อยู่ใกล้สมุทรสงคราม) ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 100 กม. โดยสามารถเดินทางที่สะดวกสุดคือ รถยนต์ส่วนตัวเพราะใช้เวลา 1.5 - 2 ชั่วโมง โดยใช้ถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ผ่านนครปฐม แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) มุ่งหน้าไปราชบุรี หรือจะวิ่งเส้นพระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร, สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวขวาเข้า อ.ดำเนินสะดวก ก็ได้
ปัญหาเริ่มที่ตรงนี้คือ! เมื่อใกล้ถึงตลาด จะมี "ท่าเรือเอกชน" จำนวนมากตั้งอยู่ริมถนน และมักมีคนมาโบกรถคุณให้เข้าไปจอด... ซึ่งท่าเรือเหล่านี้มักจะเป็นที่มาของ "ค่าเรือราคาแพง" (เดี๋ยวจะอธิบายต่อ) ให้ปัก GPS ไปที่ "ท่าเรือเทศบาลตำบลดำเนินสะดวก" หรือ "ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (จุดจอดรถทางการ)" เพื่อไปจอดในพื้นที่ส่วนกลางก่อน
รถสาธารณะ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี โดยคุณสามารถ ขึ้นรถตู้หรือรถบัสสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (ถนนบรมราชชนนี) หรือคิวรถตู้แถวอนุสาวรีย์ชัยฯ แม้จะสะดวกสบาย แต่ต้องวางแผนเรื่องเวลากลับ และอาจจะต้องต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าไปยังจุดลงเรือ
ราคาแพง, โดนปรับ, และการเอาตัวรอด
จากที่มีการบอกเล่าจากอินฟูฯ ดังเรื่องของในตลาดแห่งนี้ว่า "ทำไมดำเนินสะดวกถึงชื่อเสียงไม่ดีเรื่องราคา?" ซึ่งมีการรวมค่าต่างๆ ดังนี้
- ค่าเรือ: 1,600 บาท
- กาแฟ: 100 บาท
- ก๋วยเตี๋ยว: 120 บาท
- ไส้กรอก: 100 บาท
- ส้มโอ (1 แพ็ค): 100 บาท
- เสื้อ-กางเกง: 900 บาท
- ค่าพายเรือ: 100 บาท
- มะพร้าว: 120 บาท
- กระเป๋าผ้า: 200 บาท
เรียกว่าราคาโหดเพราะรวมกันถึง 3,300 บาท จนทำให้เรียกว่าเกิดกระแสด้านลบจริงๆ
วิธ๊เอาตัวรอดจากของแพงนั้นอาจจะยาก แต่พอเป็นตลาดแบบนี้ลองต่อลองกับคนขายก็ดีเหมือนกันแต่ถ้าเริ่มรู้สึกถูกเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมสามารถติดต่อเจ้าหน้าได้ได้ดังนี้
อย่าลืม! หากเกิดเรื่อง ให้พยายาม "ถ่ายรูป" ป้ายชื่อท่าเรือ, ราคาที่ติดไว้ (ถ้ามี), หรือจดชื่อเรือไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการร้องเรียนจะดีที่สุด
แต่ภาพรวมของตลาดน้ำแห่งนี้ก็ยังถือว่าเป็น "ต้นตำรับ" ตลาดน้ำของไทย เสน่ห์และบรรยากาศของที่นี่ยังคงคลาสสิกและยากจะหาที่ใดเหมือน แค่คุณรู้ทัน, ปฏิเสธท่าเรือที่มาดักโบก, และตรงไปที่ท่าเรือส่วนกลาง... คุณก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผล ก็จะทำให้ตลาดแห่งนี้น่าเที่ยวและสะดวกสมชื่อนั่นเอง
