เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงคนสุดท้าย เรื่องราวชีวิตสนุกกว่าในหนัง
หนังชุดฮ่องกงเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ตัวละครไม่มีอยู่จริง แต่อ้างอิงเรื่องราวบางส่วนจากชีวิตจริงของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงคนสุดท้าย มาสร้างเป็นตัวละครในหนัง
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยดู หรือเคยได้ยินชื่อหนังเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ พร้อมกับอินโทรเพลงเปิดของหนังที่คุ้นหู และยังหยิบมาใช้กันเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
เนื้อเรื่องย่อของหนังเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เล่าถึงตัวละคร สวี่เหวินเฉียง (แสดงโดย โจวเหวินฟะ) ที่เคยเป็นผู้นำนักศึกษาจากปักกิ่ง ถูกจับขังคุก 3 ปีเพราะเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลแมนจู เมื่อออกมาจากคุกก็เลิกล้มอุดมการณ์ แล้วมุ่งหน้าสู้ใต้ดิน เริ่มต้นเส้นทางในการเป็นเจ้าพ่อ ไปเจอกับคู่หู ติงลี่ (แสดงโดย หลี่เหลียงเหว่ย) เด็กข้างถนนที่รับจ้างขายผลไม้ ทั้งคู่สาบานเป็นพี่น้องกัน และด้วยความเฉลียวฉลาดของสวี่เหวินเฉียง บวกกับความห้าวบ้าบิ่นของติงลี่ ทำให้ทั้งคู่สร้างอิทธิพลให้กับตัวเอง จนไปต่อกรกับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้อย่าง ฟ่งจิ้งเหยา แต่สุดท้ายสวี่เหวินเฉียงก็ไปรักกับ ฟ่งชิงชิง (แสดงโดย เจ้าหย่าจือ) ลูกสาวของฟ่งจิ้งเหยา จึงเกิดเรื่องหลังจากนั้นขึ้นมากมาย
แม้ว่าตัวละครเอก สวี่เหวินเฉียง จะไม่มีอยู่จริง แต่ผู้เขียนบทอาจหยิบยืมบางอย่างจาก เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงคนสุดท้าย ออกมาเป็นตัวละคร ติงลี่ (ช่วงวัยรุ่น) และ ฟ่งจิ้งเหยา (ช่วงที่เป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แล้ว)
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงคนสุดท้าย เรื่องราวชีวิตสนุกกว่าในหนัง
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงคนสุดท้าย มีชื่อว่า ตู้เย่ว์เซิง เกิดในเขตปูตง แถวๆ สนามบินเซี่ยงไฮ้ ก่อนที่เซี่ยงไฮ้จะได้รับความเจริญจากการขยายเมือง และการสร้างตึกสไตล์ยุโรป (The Bund) ตู้เย่ว์เซิง เป็นเด็กกำพร้าตอนอายุ 9 ขวบเพราะเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกัน มียายคอยเลี้ยงดู
เมื่อโตเป็นวัยรุ่น เขาย้ายจากปูตงเข้าไปในเมืองเซี่ยงไฮ้ เริ่มทำงานสุจริตอย่างการขายผลไม้ แต่สักพักก็ถูกไล่ออก เพราะดันไปขโมยผลไม้มาขายต่อ หลังจากนั้นเขาก็หันหลังให้กับอาชีพสุจริต แล้วเข้าสู่วงการนักเลงเต็มตัว โดยเริ่มจากการทำงานเป็นคนคุมซ่องโสเภณีให้กับแก๊งนักเลงชื่อดังอย่าง ชิงปัง ด้วยความสามารถของเขา ทำให้เขาไต่เต้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น และได้ไปเจอและสนิทชิดเชื้อจนสาบานเป็นพี่น้องกับ หวางจินหลง และ จางเส้าหลิน นักเลงรุ่นพี่ จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุค 3 เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
3 เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
หวานจิงหลง หัวหน้าแก๊งชิงปัง แก๊งนักเลงที่ใหญ่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ มีบทบาทสำคัญในการสร้างอำนาจให้แก๊ง เพราะเป็นตำรวจรับจ้างของฝรั่งเศส ใช้อำนาจของตำรวจคอยช่วยให้ชาวแก๊งทำธุรกิจใต้ดินได้ทุกรูปแบบ ทั้งเปิดซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน จนไปถึง ขายยาเสพติด (ฝิ่น) รวมถึงแอบยักยอกประโยชน์ต่างๆ เข้าหาตัวเองได้ตลอดเวลา แถมยังจัดฉากทำคดี จับโจร เอาใจนายที่เป็นฝรั่งเศส และยังดูแลคนของรัฐบาลจีนกลางได้เป็นอย่างดี มีอำนาจบารมีและเป็นที่วางใจให้กับทั้งรัฐบาลจีนและตำรวจฝรั่งเศสไปอีกนานจนถึงช่วงที่เสียชีวิต
ในปี 1920 ตู้เย่ว์เซิง แนะนำให้แก๊งชิงปังเปลี่ยนรูปแบบจากแก๊งอันธพาลดั้งเดิม มาสู่การเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขายฝิ่น เปิดโรงน้ำชา และซ่องนางโลมอย่างถูกกฎหมาย แต่ยังมีกองกำลังอันธพาลไว้จัดการกับทุกคนที่เข้ามาต่อกรกับแก๊ง เมื่อ หวานจิงหลง อายุมากขึ้น ตู้เย่ว์เซิง จึงได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งแทน
ตู้เย่ว์เซิง มีความสามารในการเจรจา สามารถประสานงานร่วมมือกับแก๊งมาเฟียแก๊งอื่นได้ แต่ก็พยายามดันแก๊งของตัวเองให้มีอำนาจมากขึ้น ด้วยการเข้าไปเจรจากับ จอมพลเจียงไคเช็ค ยื่นข้อเสนอช่วยให้ศัตรูทางการเมืองของพรรคก๊กมินตั่งหายตัวไปจากโลกนี้ โดยแลกกับการเปิดทางสะดวกให้แก๊งซิงปังของเขาทำธุรกิจใต้ดินได้อย่างสบายๆ
นับจากนั้น ตู้เย่ว์เซิง จึงได้รับความไว้วางใจจากจอมพลเจียงไคเช็ค และกลายเป็นผู้ช่วยอย่างลับๆ ของเจียงไคเช็คไปโดยปริยาย เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ทอ. (สำรอง) ในปี 1927 และในอีก 2 ปีต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสก็ให้เขาเป็นประธานสำนักงานกิจการทั่วไปของกงสุล ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงที่สุดเท่าที่คนจีนจะเป็นได้
ตู้เย่ว์เซิง ก้าวเข้าสู่วงการการเมืองเต็มตัว นอกจากจะเข้ากับนักการเมืองคนอื่นได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังซื้อในประชาชนได้ด้วยการแจกจ่ายยารักษาโรคให้กับชาวบ้านฟรีๆ และออกหน้าช่วยบริจาคเงินบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ จึงทำให้ตู้เย่ว์เซิงเปลี่ยนภาพลักษณ์จากเจ้าพ่อนักเลง สู่การเป็นนักการเมืองสวมสูทผูกเนคไท พูดจานุ่มนวล สะสมงานศิลป์ คบหานักปราชญ์ ดารา และนักการเมืองนับจากนั้นเป็นต้นมา
จุดพลิกชีวิต จุดจบของตู้เย่ว์เซิง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย
ชีวิตของตู้เย่ว์เซิงพลิกผันในช่วงปี 1937 กองทัพญี่ปุ่นเกิดบุกโจมตีประเทศจีน แม้ว่าตู้เย่ว์เซิงจะได้รับตำแหน่งให้เป็นผู้แทนกองทัพที่แปดของก๊กมินตั่ง ทำหน้าที่จัดหายุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ แต่เขากลับตัดสินใจพลาดที่หนีไปอยู่ฮ่องกงในตอนเมืองเซี่ยงไฮ้แตกลง ระหว่างอยู่ที่ฮ่องกงนั้น เขายังคงช่วยเจียงไคเช็คในทุกเรื่องราวเหมือนเดิม เพียงแต่สายสัมพันธ์ดูเหมือนจะไม่สนิทใจเท่าเก่า ช่วงตอนสงครามนี่เองพี่ใหญ่ หวางจินหลง เสียชีวิตเพราะอายุมากแล้ว ส่วนพี่รอง จางเส้าหลิน โดนองครักษ์คนสนิทหักหลังแอบแทงด้วยมีดจนตายไปอีกคน
ตู้เย่ว์เซิง จึงย้ายกลับมาอยู่เซี่ยงไฮ้ กลายเป็น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้าย ที่อำนาจในมือน้อยลง เพราะเจียงไคเช็คก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไป และก๊กหมินตั่งเข้ามาควบคุมธุรกิจทุกๆอย่างของเซี่ยงไฮ้แบบเบ็ดเสร็จ
ปี 1948 เจียงไคเช็คต้องการจะแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงิน เลยส่งคนสนิทมาปฏิรูปตลาดหุ้นของเซี่ยงไฮ้ ด้วยการออกกฎหมายรับรองเงินหยวนให้สามารถไปผูกกับราคาทองได้ ตู้เว่ยพิง ลูกชายของตู้เย่ว์เซิง ออกมาต่อต้านมาตรการนี้ แต่ถูกรัฐบาลก๊กมินตั่งจับไปขังคุก 6 เดือน ตู้เย่ว์เซิงพยายามติดต่อขอเข้าพบเจียงไคเช็คเพื่อช่วยเจรจาเรื่องลูก แต่เจียงไคเช็คไม่ยอมแม้แต่จะให้พบหน้า ตู้เย่ว์เซิงที่รู้ตัวว่าเริ่มหมดอำนาจแล้วจริงๆ จึงอพยพกลับไปอยู่ที่ฮ่องกงกับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของตู้เย่ว์เซิงหลังจากนั้นกลับดีขึ้น เพราะเพียงแค่ปีเดียว กองทัพประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ไล่ตีพวกก๊กมินตั่งของเจียงไคเช็คจนตกทะเลหนีไปเกาะไต้หวัน แต่น่าเสียดายที่ตู้เย่ว์เซิงอยู่ฮ่องกงได้แค่ 3 ปีก็เสียชีวิต
ศพของตู้เย่ว์เซิงถูกย้ายไปถูกย้ายไปฝังที่กรุงไทเป เพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่เคยช่วยเหลือพรรคก๊กหมินตั่งของเจียงไคเช็กมาตลอด และเป็นการปิดตำนาน เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนสุดท้ายตัวจริง