ประวัติ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ นักมวยหน้าหยกอดีตแชมป์โลกชาวไทย
ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ หรือ ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลกคนที่ 23 ของประเทศไทย โดยเป็นแชมป์โลกถึง 2 รุ่น เป็นคนที่ 2 ของประเทศ
ประวัติ โอ๋ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์
ศิริมงคล มีชื่อจริงว่า ศิริมงคล เอี่ยมท้วม มีชื่อเล่นว่า "โอ๋" เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2520 ที่ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นลูกคนชายคนกลางในจำนวนลูกๆทั้งหมด 3 คน ของ นายมานพ เอี่ยมท้วม เจ้าของค่ายมวยสิงห์มนัสศักดิ์ และ นางบัวเรียม เอี่ยมท้วม ผู้เป็นแม่
เมื่อยังเด็ก ศิริมงคล ชอบร้องรำลิเกมาก เพราะติดตามแม่ซึ่งชอบดูลิเก ศิริมงคล เดิมทีเป็นคนไม่ชอบมวยเลย ทางพ่อ นายมานพ จับให้ ศิริมงคล ชกมวย โดยเริ่มจากมวยไทยก่อน ด้วยการหลอกล่อให้ชกในงานวัดแถวบ้าน ได้ค่าตัวครั้งแรก 100 บาท ซึ่งทางครอบครัวเองก็มีลูกชายคนโต คือ มานพชัย สิงห์มนัสศักดิ์ เป็นอดีตแชมป์มวยไทยเวทีมวยช่อง 7 สี
สำหรับมวยสากลสมัครเล่น ศิริมงคล เองก็เคยชกมาก่อน ในนามของโรงเรียน สมัยศึกษาอยู่ระดับมัธยมศึกษา ได้แชมป์ในระดับนักเรียนมาจำนวนหนึ่ง
แชมป์โลก WBU และ WBC
ศิริมงคล ขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ชนะคะแนน ฤทธิชัย เกียรติประภัสร์ จากนั้นชกชนะรวด จนได้ครองแชมป์โลกสหภาพมวยโลก (WBU) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท และแบนตัมเวท ในปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะสละตำแหน่งไปเพื่อครองแชมป์โลกในสถาบันที่ใหญ่กว่า คือ สภามวยโลก (WBC) ซึ่งในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2539 ศิริมงคลเอาชนะน็อกยก 3 เขาใหญ่ มหาสารคาม หรือชื่อเดิมว่า ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ นักมวยรุ่นพี่ซึ่งเคยมีโอกาสขึ้นแชมป์โลกถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้งและเป็นรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 รุ่นแบนตัมเวท ในขณะนั้น ไปได้อย่างสวยงาม ซึ่งในการชกครั้งนี้ถือเป็นการชกมวยครั้งสุดท้ายของ ถนอมศักดิ์
ต่อมาในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน ที่จังหวัดพิษณุโลก ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ก็เอาชนะทีเคโอ โฆเซ ลุยส์ บูเอโน นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเคยเป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวทในสถาบันเดียวกันนี้ ในยกที่ 5 ไปได้อย่างงดงาม คว้าแชมป์เฉพาะกาลไปได้ ด้วยวัยเพียง 19 ปี และต่อมาในปี พ.ศ. 2540 สภามวยโลกก็ประกาศให้ ศิริมงคล เป็นแชมป์โลกตัวจริง
ศิริมงคล สามารถป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในปลายปี ศิริมงคล ได้เดินทางไปชกป้องกันตำแหน่งที่ประเทศญี่ปุ่น กับ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ รองแชมป์โลก WBC อันดับ 2 และอดีตแชมป์โลกรุ่นเดียวกันชาวญี่ปุ่น ศิริมงคล ต้องลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก ถึงวันชกร่างกายซูบซีด แก้มตอบ ตาลึกโบ๋ ถึงกับต้องเปลือยกายตอนชั่งน้ำหนัก แต่ก็ยังอดทนกัดฟันสู้กับ ทัตสึโยชิ ได้จนถึงยก 7 ก่อนที่กรรมการจะยุติการชกแพ้ทีเคโอไปอย่างบอบช้ำ
เลื่อนรุ่น
จากนั้นจึงเลื่อนรุ่นขึ้นไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า และอุ่นเครื่องอีกหลายครั้ง ก่อนจะขึ้นชิงแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวทสถาบันเดิมที่ว่างในฐานะรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 เอาชนะ เค็งโงะ นางาชิมะ นักมวยรองแชมป์โลก WBC อันดับ 2 ชาวญี่ปุ่น ไปได้เมื่อปี พ.ศ. 2545 และป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้หนึ่งครั้ง ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะแพ้คะแนนในการชกไฟท์บังคับต่อ เฆซุส ชาเบซ นักมวยรองแชมป์โลก WBC อันดับ 1 ชาวเม็กซิกัน ในปี พ.ศ. 2546 ที่สหรัฐอเมริกา
ตกอับและปัจจุบัน
เมื่อเสียแชมป์โลกสมัยที่ 2 แล้ว การชกมวยของ ศิริมงคล เป็นไปอย่างลุ่มๆดอนๆ เนื่องจากเป็นมวยรุ่นใหญ่ หาผู้สนับสนุนยาก ศิริมงคล เป็นข่าวโด่งดังอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่าตำรวจได้ทลายจับแหล่งค้าสื่อลามกแหล่งใหญ่ย่านตลาดนัดสวนจตุจักร พบอัลบั้มนู้ดของอดีตแชมป์โลก ศิริมงคล อยู่ด้วย ซึ่งเจ้าตัวได้สารภาพว่า ถ่ายไปเพราะค่าตัวดี ประกอบกับขณะนั้นคิดจะแขวนนวม เนื่องจากขณะนั้น ศิริมงคล ได้เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการถ่ายแฟชั่นและแสดงละครโทรทัศน์เป็นตัวประกอบทางช่อง 7 เช่น เรื่อง เปรตวัดสุทัศน์ และได้แสดงมิวสิกวีดีโอของวงโมทีฟ โดยแสดงคู่กับ ดอม เหตระกูล หลังจากนั้น ศิริมงคล ก็ได้ออกหนังสือมาเล่มหนึ่งบอกเล่าเรื่องราวการตัดสินใจถ่ายรูปนู้ดครั้งนี้
ศิริมงคล กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 เมื่อจะเบนเข็มไปชกมวยเค-วัน ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากค่าตัวดี และสามารถชกได้ดี และในปีเดียวกันนี้ ศิริมงคล ได้ครองแชมป์ WBC เอเชียรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท ชนะคะแนน ทอง ป.โชคชัย และใน พ.ศ. 2551 ได้ครองแชมป์ PABA รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท แต่ต่อมาก็สละตำแหน่งไปทั้งหมด
ต่อมา ศิริมงคล กลับมาชกมวยสากลอีกครั้งที่สหรัฐอเมริกา ในรุ่นเวลเตอร์เวท โดยเปลี่ยนผู้จัดการมาเป็น นริส สิงหวังชา ที่ชื่นชมในตัวของ ศิริมงคล มาตั้งแต่ต้น แต่ต่อมาก็ตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อถูกจับในข้อหาค้ายาไอซ์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ที่พัทยา โดย ศิริมงคล ไม่ได้มีเจตนา แต่ว่าติดอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมค้ายา จึงทำให้ตกกระไดพลอยโจนไปด้วย ทำให้มีแนวโน้มว่าต้องเลิกชกมวยไปโดยปริยาย ในช่วงนี้ทางครอบครัวของ ศิริมงคล ทุกคนมีแต่ความโศกเศร้ารันทด เพราะ ศิริมงคล ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัว แต่ ศิริมงคล ก็ยังได้รับการปล่อยตัวให้ออกมาชกมวยเป็นระยะๆ จนกระทั่งได้แชมป์ WBC เอเชียคอนติเนนตัล ในรุ่นเวลเตอร์เวท
ขณะที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ศิริมงคล ถือเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี และเป็นครูสอนมวยให้แก่นักโทษคนอื่นในเรือนจำด้วย จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดหย่อนโทษ และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556 และยังคงชกมวยต่อมา จนได้ครองแชมป์ WBO เอเชียรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท อีกทั้งยังเป็นเทรนเนอร์ให้กับ ก้องพลากุลวงศ์ ก่อเกียรติยิม แชมป์ WBC Asia รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท ซึ่งเป็นนักมวยรุ่นน้องอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2558 ศิริมงคล มีกำหนดได้ขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท องค์กรมวยโลก (WBO) กับ แอนเดรียส อันดราเด แชมป์โลกชาวอเมริกัน ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน แต่ก่อนที่จะมีกำหนดชกไม่นาน ปรากฏว่าทาง WBO ได้ปลด อันดราเด ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้ชกป้องกันตำแหน่งมานานกว่า 13 เดือน จึงทำให้การชกครั้งนี้ต้องยุติไป จากนั้น ศิริมงคล ยังคงชกมวยต่อเนื่องมาจนทำสถิติชกมวยสากลอาชีพครบ 100 ครั้ง ในพ.ศ. 2561 และชกเคลื่อนไหวอีก 2 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายแพ้น็อก ถิรชัย อ.เอกรินทร์ ในการชกชิงแชมป์รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท WBA ASIA เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ณ โรงละครเดอะบาซาร์ เธียเตอร์ สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ก่อนจะแขวนนวมไป
ฉายา
ศิริมงคล ถือได้ว่าเป็นนักมวยหน้าตาดี มีหมัดแย็บที่แม่นยำ แฟนมวยชาวไทยจึงตั้งฉายาให้ด้วยการโหวตผ่านนิตยสารมวยโลกว่า เทพบุตรหน้าหยก โดยที่ ศิริมงคล เป็นผู้เลือกฉายานี้ด้วยตนเอง
ชื่อในการชกมวยชื่ออื่น
- ศิริมงคล นครทองปาร์ควิว
- ศิริมงคล นครหลวงโปรโมชั่น