"แฟนบอลหนุ่มใหญ่อังกฤษ" ผูกคอลาโลก หลังถูกสังคมประณาม ทำท่าเหยียดใส่นักเตะผิวดำ

สื่ออังกฤษรายงานเหตุการณ์สะเทือนใจในวงการฟุตบอล เมื่อ แอนดรูว์ พอล ฮิววิตต์ วัย 52 ปี แฟนบอลของสโมสร เชสเตอร์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง หลังเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงจากสังคม กรณีแสดงพฤติกรรมเหยียดผิวต่อนักเตะผิวดำ ระหว่างเกมการแข่งขันฟุตบอลท้องถิ่น

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ระหว่างการแข่งขันระหว่าง วอร์ริงตัน ทาวน์ กับ เชสเตอร์ เอฟซี ซึ่งในจังหวะที่ โบฮาน ดิกสัน นักเตะผิวดำของ วอร์ริงตัน ทำประตูและกำลังฉลอง แฟนบอลคนหนึ่งถูกจับภาพได้ว่าแสดงท่าทางล้อเลียนในลักษณะคล้ายลิง ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง

หลังจบเกม สโมสร เชสเตอร์ ออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมส่งคลิปวิดีโอให้ตำรวจเชสเชียร์สอบสวนทางกฎหมาย ด้านโซเชียลมีเดียก็มีการแชร์ภาพและวิจารณ์การกระทำของชายคนดังกล่าวอย่างดุเดือด
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกิดกระแสดังกล่าว ฮิววิตต์ ซึ่งเป็นพ่อของลูกชาย 1 คน ได้กลับไปที่บ้านพักในเมืองฟลินต์ ก่อนจะผูกคอเสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 01:35 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม โดยพบจดหมายลาตายที่ระบุเพียงว่า "ผมทำพลาดไป ขอโทษ"

อลัน ฮิววิตต์ พี่ชายของผู้เสียชีวิต กล่าวต่อศาลชันสูตรศพในเมืองรัธอินว่า แอนดรูว์ ไม่ได้มีพฤติกรรมเหยียดผิวโดยนิสัย เชื่อว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นผลจากอารมณ์ชั่ววูบ

"เขาคงกลัวว่าจะถูกแบน หรืออาจต้องโทษจำคุก" พี่ชายระบุ

ด้านแฟนสาวของ แอนดรูว์ ที่ชื่อว่า เฮย์ลีย์ วิลเลียมส์ เผยว่าในวันเกิดเหตุ เธอพาลูกชายไปพักค้างคืนที่บ้านแม่ ปล่อยให้ แอนดรูว์ อยู่คนเดียว กระทั่งกลับมาพบว่าเขาเสียชีวิต
ภายหลังเหตุการณ์เศร้า สโมสร เชสเตอร์ เอฟซี ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันจุดยืนต่อต้านการเหยียดผิวในกีฬาอย่างเคร่งครัด

ตำรวจเชสเชียร์เผยว่า แอนดรูว์ ถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเหยียดเชื้อชาติ และอยู่ระหว่างเตรียมเรียกตัวสอบสวน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ทั้งนี้ ไม่พบข้อสงสัยหรือเงื่อนงำใดๆในการเสียชีวิต

คดีนี้กลายเป็นที่ถกเถียงในอังกฤษอย่างกว้างขวาง สะท้อนทั้งประเด็นการต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติในวงการกีฬา และการตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตในสังคมยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่แห่งการตัดสินผู้คนอย่างรวดเร็วและรุนแรง

หน่วยงานด้านสุขภาพจิตได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ที่กำลังเผชิญความเครียดได้รับการช่วยเหลือ พร้อมเตือนสังคมให้แสดงความเห็นอย่างระมัดระวังในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้