
คำถามโลกแตก! "เซปักตะกร้อ" ไทย หรือ มาเลเซีย กันแน่ที่เป็นชาติต้นกำเนิด?
เซปักตะกร้อ เป็นกีฬาที่โดดเด่นด้วยการใช้เท้า ศีรษะ และร่างกายส่วนอื่นๆแทนมือ ในการส่งลูกบอลข้ามตาข่าย มีความผสมผสานระหว่างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และทักษะเฉพาะตัวอย่างสูง จนกลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่เมื่อพูดถึง "ต้นกำเนิด" ของเซปักตะกร้อ ก็เกิดข้อถกเถียงขึ้นว่าแท้จริงแล้ว กีฬานี้เริ่มต้นจากชาติใดกันแน่?
ต้นกำเนิดที่มีหลายมุมมอง
ฝั่งมาเลเซีย : เซปักรากา
หลักฐานจากมาเลเซียระบุว่า ในสมัยอาณาจักรมะละกาประมาณศตวรรษที่ 15 มีการละเล่นที่เรียกว่า "เซปักรากา" (Sepak Raga) โดยใช้ลูกบอลหวาย ส่งต่อกันไปมาด้วยการเตะ เน้นทักษะความคล่องแคล่วของผู้เล่น คำว่า "เซปัก" หมายถึงการเตะในภาษามลายู ส่วน "รากา" หมายถึงลูกบอล
ฝั่งไทย : ตะกร้อวง
ขณะที่ในประเทศไทย มีบันทึกตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ว่าคนไทยนิยมเล่น "ตะกร้อวง" ซึ่งใช้เท้า ศีรษะ และร่างกายส่วนอื่นๆ เตะลูกบอลหวายส่งต่อกันในวงกลม เพื่อฝึกสมาธิและความแข็งแรงทางกาย การละเล่นแบบนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้านมายาวนาน
จุดเปลี่ยน: กีฬาสากล เซปักตะกร้อ
ในปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ประเทศมาเลเซียได้ริเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการละเล่นจาก "เซปักรากา" มาเป็นการแข่งขันข้ามตาข่ายแบบวอลเลย์บอล พร้อมตั้งชื่อว่า "เซปักตะกร้อ" เพื่อให้สอดคล้องกับกีฬาสากลมากขึ้น และเริ่มกำหนดกติกาแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ต่อมา ประเทศไทยได้ร่วมมือกับมาเลเซียและประเทศอื่นๆในภูมิภาคในการพัฒนากฎกติกาให้ได้มาตรฐานสากล จนในที่สุด เซปักตะกร้อก็กลายเป็นกีฬาประจำภูมิภาค และได้รับบรรจุในรายการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น ซีเกมส์ และ เอเชียนเกมส์
สรุป : ต้นกำเนิดร่วม พัฒนาไปด้วยกัน
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเซปักตะกร้อมีต้นกำเนิดที่แท้จริงจากชาติใด เพราะทั้งไทยและมาเลเซียต่างมีประวัติการเล่นกีฬาลักษณะคล้ายกันมานานหลายร้อยปี แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ทั้งสองประเทศมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเซปักตะกร้อให้กลายเป็นกีฬาสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกในปัจจุบัน
เกร็ดน่ารู้
- คำว่า "ตะกร้อ" ในภาษาไทย หมายถึง "ลูกบอลหวาย"
- ในปัจจุบัน เซปักตะกร้อเป็นหนึ่งในกีฬาที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จระดับโลก โดยคว้าแชมป์รายการนานาชาติมากที่สุดของวงการ