
ทำไม “หมากรุก” ถึงถูกจัดว่าเป็นกีฬา ทั้งที่ไม่ได้ใช้แรงกายในการแข่งขัน?
แม้หมากรุกจะเป็นเกมกระดานที่ดูเหมือนใช้เพียงความคิด ไม่ต้องออกแรงหรือเคลื่อนไหวเหมือนกีฬาประเภทอื่น
แต่รู้หรือไม่ว่า “หมากรุก” ถูกยอมรับว่า "เป็นกีฬา" โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และยังมีการแข่งขันระดับโลกเหมือนฟุตบอลหรือเทนนิส
นั่นเพราะสิ่งที่หมากรุกต้องใช้ไม่ใช่พละกำลัง แต่คือสมอง กลยุทธ์ และความอึดทางจิตใจในระดับนักกีฬาอาชีพ
การแข่งขันจริงจัง มีกติกาชัดเจน
หมากรุกไม่ใช่เกมแห่งโชค แต่เป็นการวัดฝีมือระหว่างผู้เล่นที่ต้องใช้การวางแผนลึกซึ้งและตัดสินใจอย่างแม่นยำ
ทุกการเดินมีผลต่อผลลัพธ์ของเกม กติกาเป็นสากลและใช้เหมือนกันทั่วโลก ทำให้สามารถตัดสินแพ้–ชนะได้อย่างชัดเจน จึงเข้าข่าย “กีฬาแข่งขัน” อย่างเต็มรูปแบบ
มีระบบจัดอันดับและทัวร์นาเมนต์ทั่วโลก
หมากรุกมีโครงสร้างการแข่งขันระดับนานาชาติ ตั้งแต่ลีกอาชีพในแต่ละประเทศ ไปจนถึงรายการใหญ่อย่าง World Chess Championship และ Chess Olympiad พร้อมระบบคะแนนสะสม ELO Rating ที่ใช้วัดระดับฝีมือของนักหมากรุกทั่วโลก คล้ายกับการจัดอันดับนักเทนนิสหรือฟุตบอลโลก
ต้องใช้สมาธิและความอึดทางร่างกาย
แม้ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมาก แต่การนั่งแข่งขันหมากรุกระดับอาชีพอาจกินเวลานานหลายชั่วโมง ผู้เล่นต้องควบคุมร่างกายให้สงบ มีสมาธิสูงสุด และทนต่อความกดดันได้ดี
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าผู้เล่นหมากรุกระดับโลกใช้พลังงานมากพอๆ กับนักกีฬาบางประเภท เช่น กอล์ฟหรือยิงธนู เพราะสมองทำงานอย่างเข้มข้นตลอดเวลา
นับว่าเป็น "กีฬา"
ในปี 1999 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ประกาศให้หมากรุกเป็น กีฬาอย่างไม่เป็นทางการ (International Recognized Sport) หมายถึงเป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับจาก IOC แต่ยังไม่ถูกบรรจุในโอลิมปิก และนับแต่นั้นมา หมากรุกก็กลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีการจัดแข่งชิงเหรียญและถ้วยรางวัลในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง
บทสรุป
“หมากรุก” จึงไม่ใช่เพียงเกมกระดานธรรมดา แต่เป็นกีฬาที่วัดความแข็งแกร่งของสมอง ความนิ่งของจิตใจ และการวางกลยุทธ์อย่างมืออาชีพ เป็นสนามประลองของนักคิดที่ต้องมีทั้งไหวพริบ สมาธิ และความอึดไม่แพ้นักกีฬาประเภทใดในโลก