เจาะเบื้องลึกสุดขุมนรกใน Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา หนังไทยคุณภาพผงาดติดอันดับโลก
หลังพาผู้ชมทั่วโลกขึ้นรถพยาบาลไปเดือดกับเส้นทางชีวิตนรกบนดินของ “วันชัย” มนุษย์หัวใจเทวดาที่ถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากวิกฤตที่ชานมไข่มุกลิขิต ในภาพยนตร์แอ็คชั่นเต็มรูปแบบ Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา ที่ครองอันดับ 2 บนชาร์ต Netflix Global Top 10 หมวดภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ (Non-English) ที่มีผู้ชมสูงสุดทั่วโล
เท่านั้นยังยังไม่พอ Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา ยังติดอันดับ Netflix Top 10 ใน 32 ประเทศทั่วโลก อาทิ บราซิล ชิลี เม็กซิโก อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยจำนวนยอดรับชมกว่า 5 ล้านวิว (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 23-29 ตุลาคม 2567) สานต่อความสำเร็จในฐานะคอนเทนต์ไทยบนเวทีโลก
ส่องเบื้องหลัง Bangkok Breaking ฝ่านรกเมืองเทวดา ฉากบู๊สุดระห่ำ
ใครจะรู้ว่าภายใต้ความมันส์แสนทรหดนั้น จะอัดแน่นไปด้วยแนวคิดสุดแหวกจากผู้กำกับหนังบู๊ที่เชื่อมือได้เสมออย่าง โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ และนี่คือเรื่องราวเบื้องลึกของขุมนรกในเมืองสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ที่รู้แล้วอาจอยากดูซ้ำ!
ไอเดียเด็ดเบื้องหลังคาแรกเตอร์เซอร์ไพรส์คนดู
ความลับเบื้องหลังตัวละครสุดแหวกที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากกว่าความแอ็คชั่นคือ ทุกตัวละครต้องผ่านการดีไซน์ให้สามารถเล่าเรื่องราวของตัวเองได้ แม้ผู้ชมจะเห็นเพิ่งชั่วขณะเดียว โดย ก้องเกียรติ เล่าถึงแนวคิดที่มาของแต่ละตัวละครว่า “ตัวละคร ดาร์ลี่ ของ เดย์ ไทยเทเนี่ยม เป็นเหมือนราชาหนู (Rat King) มีความบิดเบี้ยวตั้งแต่รูปโฉมภายนอกอยู่แล้ว มีความเป็นปีศาจอยู่ในตัว เราก็คิดว่าต้องทำอย่างไรให้คนดูไม่จำภาพพี่เดย์ที่เป็นแร็ปเปอร์ จนเราไปเจอคุณเดอร์ ทีมเบื้องหลัง (Production Design) ที่เสนอว่าให้ดาร์ลี่เป็นคนด่างและเป็นคนน่ากลัวที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางทีก็เหมือนคนไม่เต็ม ซึ่งถ้าอำนาจตกไปอยู่ในมือคนแบบนี้มันน่ากลัว พอยิ่งคิดยิ่งสนุก ดาร์ลี่คือกษัตริย์ที่เพี้ยนสุดๆ แห่งกองขยะนี้ เขาสักคำว่า สวัสดี บนหน้าผาก เพราะเป็นคำที่คนต่างชาติต้องรู้จักเป็นคำแรก ชอบกินทุเรียน ถ้าใครทำให้ไม่พอใจก็เอาเปลือกทุเรียนตบ ลูกน้องกินขนุน เราชอบทำอะไรแบบนี้ในหนัง ให้มีกลิ่นอายความเป็นไทย
นอกจากนี้ ยังมีตัวละคร แบงค์ ของ ฟลุค-ธีรภัทร โลหนันทน์ ที่ในเรื่องจะบอกว่าทำไมถึงพูดไม่ชัด แบงค์พยายามจะเป็นนักเลงที่แสนโหด พยายามจะคุมบ่อนและฆ่าคน อยากจะโชว์ออฟให้ได้ แต่ความจริงตัวตนลึกๆ เป็นคนเปราะบางที่ข้างในอ่อนแอมาก แต่ภายนอกพยายามจะแข็งแกร่ง ก้าวร้าว แต่ทำไม่ได้ เป็นตัวละครที่มีความย้อนแย้งมาก
อีกตัวละครคือ สุเมธ ของ พิง ลำพระเพลิง (ภูพิงค์ พังสอาด) คนอาจจะคุ้นเคยว่าเขาเป็นผู้กำกับอารมณ์ดี แต่ในบทซีเรียสๆ หรือบทของผู้นำม็อบ เรายังไม่เคยเห็น สำหรับผมที่รู้จักเป็นการส่วนตัว จะรู้ว่าพี่พิงเป็นคนตัวเล็กๆ ที่แข็งแรง ทำให้เรารู้สึกว่าพี่พิงทำได้ดีแหละ พี่ห้ามตลก เราจะไม่ให้ทำตลก มันเซอร์ไพรส์ถ้าไปดูในเรื่อง
ส่วน แจ็ค ตัวละครทีมกู้ภัยอีกทีมนึงแสดงโดย มะเหมี่ยว-สุทธิภัทร สุทธิวาณิช ผมรู้สึกว่าน้องมีเสน่ห์ ไม่ต้องทำอะไรเยอะ นิ่งๆ อย่างนี้ก็มีพาวเวอร์ มีอะไรบางอย่างอยู่ในตัว พอนักแสดงทุกคนมาประกอบร่างกันก็เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ เพราะทุกคนไม่เคยอยู่ในบริบทนี้ครับ”
ความหมายหลากมิติของชื่อ สายสิญจน์
สายสิญจน์ ชื่อดีที่เป็นมงคล แต่ในเรื่องตัวละครตัวนี้จะถูกเรียกว่า สิน คล้ายกับ ศีล ซึ่งเป็นชื่อที่สื่อถึงข้อกำหนดที่ไม่ควรละเมิด เรื่องที่ไม่ควรกระทำ มีศีลเป็นตัวบังคับ แต่ตอนที่ทีมเบื้องหลังเขียนชื่อนี้เป็นภาษาอังกฤษกลับกลายเป็น Sin คือบาป ทำให้ตัวละครนี้มีทั้งสองด้านที่แข็งแรงทั้งคู่ เมื่อแก่แล้วเขาจึงเข้าใจว่าความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงิน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณภาคภูมิใจในสิ่งที่กระทำไปในชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดหรือเปล่า ซึ่งสถานการณ์ในเรื่องจะเป็นสิ่งที่มาทดสอบสิน ว่าระหว่างคนดีกับคนชั่วเขาจะเลือกเส้นทางไหนให้กับชีวิตมากกว่ากัน ซึ่ง ก้องเกียรติ เผยเหตุผลที่เขาเชื่อว่า ดู๋-สัญญา คุณากร จะถ่ายทอดบทนี้ได้อย่างน่าทึ่งว่า “ผมรู้สึกว่าถ้าเราเอาคนที่ดูแกร่งมาเล่นเป็นคนที่แกร่งมันไม่เซอร์ไพรส์ ก็เลยกลายเป็นโจทย์ว่าผมอยากมอบความเซอร์ไพรส์บางอย่างให้กับคนดู โดยเลือกคนที่การแสดงดีอยู่แล้ว คาแรกเตอร์คือคุณสัญญาในฐานะพิธีกรที่ทุกคนยังมีภาพจำแบบนั้น แต่พอเป็นเรื่องนี้ผมตั้งใจให้คนสงสัยว่า นั่นคือคุณสัญญาเหรอ ซึ่งสำหรับเราก็เซอร์ไพรส์ พี่ดู๋เองก็ชอบมาก เพราะเขาไม่เคยได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเขา เรื่องนี้เหมือนเขาได้มาทำสิ่งที่ไม่เคยได้ทำ ไม่มีใครในกองถ่ายจำเขาได้ แม้กระทั่งวันถ่าย ช่างแต่งหน้ายังจำเขาไม่ได้เลย ทุกคนเดินผ่านไปผ่านมาก็ไหนพี่ดู๋ เพราะว่าเป็นการแปลงร่างอย่างแท้จริง เราก็เชื่อว่าสำหรับคนดูมันคือรสชาติใหม่ครับ”
ด้าน มายด์ 4EVE (รับบท เมจิ) เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังการทำงานว่า “เวลาเจอพี่ดู๋ หนูจะกลัว เพราะในเรื่องนี้พี่ดู๋ถูกเปลี่ยนแปลงมากในเชิงภาพลักษณ์ คือเวลาปกติพี่ดู๋เขาดูใจดีมาก แต่ว่าในเรื่องนี้ตอนเห็นครั้งแรก นี่คือพี่ดู๋เหรอ แล้วในเรื่องเขาเล่นเป็นคนน่ากลัว ซึ่งพี่ดู๋ก็เล่นได้น่ากลัวจริงๆ พอเข้าฉากก็เป็นคนน่ากลัวเลย แต่พอสั่งคัท พี่ดู๋ก็น่ารักเป็นคุณพ่อที่น่ารักมาก อยากให้ได้ดูพี่ดู๋ในเรื่องกันค่ะ”
แฟลตเคหะ พื้นที่รกร้างกลางเมืองที่เซตออกมาเรียลจนนักแสดงคิดว่ามีอยู่จริง
ก้องเกียรติ ตั้งใจให้ “แฟลตเคหะรวมใจ” เป็นพื้นที่ที่ยิ่งกว่าสลัม ไม่มีใครกล้าเข้าไปในนั้น เพราะไม่ว่าคนในนั้นทำอะไร คนภายนอกก็ไม่รู้เรื่องราวในนั้น แฟลตนี้จึงเป็นแหล่งรวมอาชญากรรมมากมาย มีหลากหลายแก๊ง เต็มไปด้วยคนไม่มีจะกิน ที่เซตออกมาเหมือนจริงจน ดู๋-สัญญา คุณากร (รับบท สิน) ถึงกับเข้าใจผิดว่านี่คือสถานที่จริง “ผมเดินเข้ามาในเซตตึกร้างวันแรกพูดเลยว่าน่าสงสารที่นี่ เราเข้าใจว่ามีมรสุมทางเศรษฐกิจ ที่นี่น่าจะเป็นอนุสรณ์สถานของเหตุการณ์เหล่านี้ ผมเดินไปแล้วพูดเลยว่ามันมีที่อย่างนี้ด้วยเหรอในเมืองไทย ทำไมเขาไม่จัดการขยะเลย มันดูน่ากลัวมาก แต่ทีมอาร์ตบอกว่าไม่ใช่พี่ ทั้งหมดนี่คือของกองถ่ายเราทำไว้ มันเป็นแค่เปลือกอาคารคอนกรีตในหนองน้ำท่วมขัง สรุปว่าความสกปรกความน่ากลัวทั้งหมดที่เห็นคือการสร้างขึ้นมาโดยทีมอาร์ต มันเหลือเชื่อมาก เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งเลย วันแรกที่ถ่ายมีนักแสดงประมาณ 50 คนทำเป็นคนเร่ร่อน ปกติเรามักจะเห็นนักแสดงสมทบแต่งแบบนิดหน่อยเพราะอยู่ไกลๆ ถ่ายไม่เห็น แต่เรื่องนี้คือแต่งเต็ม ยังดีที่ถ่ายในสถานที่ปิด ไม่มีคนนอกเลย ผมว่าเป็นทีมที่พิถีพิถันมาก ตั้งใจทำทุกรายละเอียดให้รู้สึกได้จริง สมมติฉากที่รถเราเข้ามาในตึกนี้แล้วในบทคือคนอื่นๆ จะต้องกลัวมาก เพราะมีคนมาล้อมไว้หมด พอถ่ายจริงไม่ต้องแสดงเลย เพราะน่ากลัวจริงๆ มีคนมาเขย่ารถ ปีนรถ รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่คุณไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัน หรือฉากคลังยาของตัวร้ายในเรื่องก็ดูจริง คิดภาพว่าถ้ามีคนเอาคุณมาปล่อย จะรู้สึกเลยว่าฉันจะรอดไปจากที่นี่ไหม”
หนังที่ฉายให้เห็นการเอาตัวรอดของคนในแต่ละเจเนอเรชั่น
ก้องเกียรติ ที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังด้วย อยากสื่อสารกับคนดูว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะจัดสรรเรื่องเลวร้ายอะไรเข้ามาในชีวิตเรา การพยายามที่จะเอาตัวรอดมีเทคนิคอยู่แค่อย่าหยุดหายใจ เพราะมันเป็นสิทธิ์เดียวของชีวิต เป็นเอกสิทธิ์เดียวที่ทุกคนเป็นเจ้าของมัน จงรักษามันไว้ ซึ่ง เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ (รับบท วันชัย) เผยว่า “หนังเรื่องนี้รวบรวมคนหลายเจเนอเรชั่นมาก ทั้ง ดวงกมล เมจิ สิน แบงค์ และ วันชัย ทุกคนล้วนสะท้อนในเรื่องของเจเนอเรชั่น แนวคิดต่างๆ ของแต่ละคน อาชีพแต่ละอาชีพ วัยที่ไม่เหมือนกันแต่ต้องมาหนีตายด้วยกัน ทำให้แต่ละคนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน สำหรับตัววันชัยก็เป็นคนที่มาจากต่างจังหวัดแล้วก็มาเรียนรู้กับคนอื่นนี่แหละ เขาเป็นคนที่พร้อมจะช่วยคน แต่ เมจิ สิน แบงค์ หรือ ดวงกมล เขาก็จะมีแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน อย่างเมจิเขาจะคิดอีกแบบ เขาสู้ชีวิต ส่วนเด็กที่อยู่ในบ้านรวยก็จะคิดอีกแบบ ทำให้เราเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะได้เห็นมุมมองของแต่ละคนว่า ถ้าเรามาเจออะไรแบบนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเราจะเป็นอะไร จะยอมรับฟังคนอื่น หรือจะไปในทิศทางไหน คุณจะตายหรือคุณจะรอดก็ขึ้นอยู่ที่คุณตัดสิน ผมคิดว่า คนดูน่าจะได้อะไรตรงนี้ไปครับ”
ถ้าคุณพร้อมแล้วขอเชิญมาสัมผัสความบู๊ระห่ำเบรกแตกไปกับภาพยนตร์แอ็คชั่นเต็มรูปแบบ ‘Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา’ ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix เท่านั้น!