สัมภาษณ์ 5 Seconds of Summer “ชื่อเสียง สาวในอุดมคติ และดนตรีพังค์”
เด็กฝรั่ง เด็กไทยจากโรงเรียนนานาชาติ และเด็กไทยหัวใจอินเตอร์ทั้งหลายในชุดเสื้อยืด คลุมด้วยเชิ้ตลายตารางสีแดง และสีผมสารพัดสี พูดคุยเม้าท์มอยเสียงใสอย่างอารมณ์ดีระหว่างนั่งต่อคิวเข้าฮอลคอนเสิร์ต ที่ยาวเหยียดไม่แพ้แถมต่อคิวรอศิลปินเกาหลี มองไม่เห็นหางแถวตั้งแต่ก่อนคอนเสิร์ตเริ่ม 3 ชั่วโมง
บรรยากาศหน้าคอนเสิร์ตวงดนตรีวัยรุ่นจากฝั่งออสเตรเลียครั้งแรกในประเทศไทย 5 Seconds of Summer Sounds Live Feels Live Tour in Bangkok 2016 เต็มไปด้วยพลังของวัยรุ่นอายุโดยเฉลี่ยไม่เกิน 18 ปี ครึกครื้น ร่าเริง และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้กระทั่ง official merchandise หน้างานก็น่ารักกรุบกริบ น่าซื้อกลับบ้านอยู่หลายชิ้น
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้เราจินตนาการภาพศิลปินวัยรุ่นทั้ง 4 คนที่เรากำลังจะไปเจอว่าจะต้องเป็นเด็ก alert พลังเยอะ อารมณ์ดี และเป็นกันเองกับทุกคนแน่นอน แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิดเสียด้วยสิ ถึงแม้จะเพิ่ง soundcheck กันอย่างเมามันส์ 4 หนุ่ม Calum Hood (เบส/ร้อง) , Ashton Irwin (กลอง/ร้อง), Luke Hemmings (กีต้าร์/ร้องนำ) และ Michael Clifford (กีต้าร์/ร้องนำ) ก็ยังมีพลังงานเหลือๆ มานั่งพูดคุยกับพี่ๆ นักข่าวอย่างอารมณ์ดี ทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเองสุดๆ
ทำไมถึงตั้งชื่อวงว่า 5 Seconds of Summer?
Luke : จริงๆ เรื่องตอนตั้งชื่อมันเจ๋งมากเลยนะ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะฮะ จริงๆ ไม่ได้เจ๋งอะไรเลย พวกเราแค่ต้องหาชื่อวง เพราะพวกเราอยากมีวงดนตรีของตัวเอง แค่นั้นเลย ชื่อนี้มันจู่ๆ ก็มาแบบไม่มีที่มาที่ไป ทุกคนเห็นว่ามันเจ๋งดีก็เลยเลือกชื่อนี้
แล้วทำไมไม่เป็น 4 Seconds of Summer ล่ะ ก็มี 4 คนนี่?
Michale : 4 Seconds มันแปลกๆ อ่ะ พอเป็น 5 Seconds of Summer เวลาออกเสียงมันฟังดูลื่นไหล เป็นธรรมชาติกว่า
Ashton : จริงๆ แล้วคนไม่ใช่วินาทีนี่ครับ (ยิ้ม)
Luke : เออ จริงของเขานะ (ยิ้ม)
ตอนที่วงพวกคุณดังใหม่ๆ พวกคุณรู้สึกยังไง?
Ashton : อืม เราไม่ได้คิดอะไรมากกับประเด็นเรื่องดังไม่ดังเท่าไรนะฮะ เราอยากให้ความสำคัญกับแฟนคลับ หรือคนอื่นที่ชื่นชอบในผลงานของพวกเรามากกว่า แล้วก็เรื่องของอนาคตของวง เพลงที่พวกเราแต่ง พวกเราคิดว่าพวกเราได้รับโอกาสดีๆ จากการที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้ผู้คนได้รับฟังกันมากกว่า
Luke : ใช่ๆ ผมว่าชื่อเสียงที่ได้มา มันมีค่าเพราะช่วยให้พวกเราทำอะไรได้มากขึ้นมากกว่า อย่างเช่นความคิดสร้างสรรค์ในการทำเพลงที่ทำได้หลากหลายมากขึ้น อะไรแบบนั้น
แฟนเพลงของพวกคุณเป็นวัยรุ่นเยอะมาก พวกคุณคิดอย่างไรเมื่อพวกเขามองคุณเป็น role model?
Ashton : จริงๆ แล้วพวกเราก็ได้ดี หรือเจ๋งอะไรขนาดจะเป็น role model ให้ใครหรอกนะครับ พวกเราแค่กล้าทำในสิ่งที่รักก็เท่านั้น แต่พอทราบว่าเราเริ่มเป็นที่จับตามองของแฟนๆ และใครหลายคน ก็เริ่มที่จะระมัดระวังการกระทำ หรือคำพูดต่างๆ เพื่อเป็น role model ที่ดีของคนอื่นๆ อยู่บ้างเหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด
Calum : ยิ่งแฟนๆ ที่เป็นเด็กๆ เรายิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นครับ
ทำไมพวกคุณถึงหลงรักดนตรีพังค์?
Ashton : ผมคิดว่าจริงๆ แล้วพวกเรามีแรงบันดาลใจจากการฟังดนตรีกันหลากหลายสไตล์ตั้งแต่ตอนเราเริ่มก่อตั้งวงใหม่ๆ นะฮะ แต่จะมีนตรีพังค์ ดนตรีร็อคพวกนี้ ที่เหมือนจะสามารถดึงดูด หล่อหลอมพวกเราเข้าด้วยกันได้อย่างดี มันเหมือนดนตรีทำให้เรามีสายสัมพันธ์ที่วิเศษต่อกันและกัน นอกจากนี้ทีมงานที่ทำงานเพลงกับพวกเราก็มีล้วนแต่มีประสบการณ์ในการทำเพลงแนวพังค์กันมาก่อนด้วยครับทั้ง Goldfinger, Good Charlotte และวงอื่นๆ
Michael : พวกเราทุกคน (รวมทั้งทีมงาน) ทำงานด้วยกันได้ดีมากๆ
Luke : อีกอย่างหนึ่งผมคิดว่าดนตรีพังค์มีเสน่ห์ตรงที่มันสามารถโชว์ถึงพรสวรรค์ทางดนตรีที่คนๆ นั้นมีได้จริงๆ เพราะได้แสดงฝีมือในการร้อง และเล่นดนตรีอย่างเต็มที่ พวกเราเลยชอบทำเพลงแนวนี้กัน
พวกคุณมีเพลงดังอย่าง “She Looks So Perfect” แล้วผู้หญิงแบบไหนที่เพอร์เฟ็คสำหรับพวกคุณแต่ละคน?
Ashton : เพลงนี้เป็นเพลงที่น่าสนใจมากๆ เพราะพวกเราแต่งเพลงนี้เอาไว้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว พูดถึงช่วงเวลาโรแมนติกที่เราได้ออกเดตกับคนที่เราชอบ แต่คำถามคืออะไรนะ? ผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คเป็นยังไงเหรอ? เอ่อ ไม่รู้สิ (หัวเราะ)
Michael : จริงๆ แล้วความเพอร์เฟ็คของผู้หญิงไม่ได้ดูแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกอ่ะครับ เหมือนที่พวกเราพยายามจะสื่อในมิวสิควิดีโอ สิ่งที่สำคัญกว่าคือตัวตนที่แท้จริงในตัวของคุณมากกว่า
Luke : ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ ถ้าเจอแล้วมันใช่ มันก็ใช่
Ashton : (หัวเราะ)
Luke : นี่พูดจริงนะ
Ashton : ผู้หญิงแต่ละคนก็มีเสน่ห์ในตัวเองแตกต่างกันไปครับ ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาแบบไหนก็ตาม
มาเมืองไทยครั้งแรก เป็นอย่างไรบ้าง? ประทับใจอะไรตรงไหนบ้างไหม?
Luke : ประทับใจแฟนเพลงครับ จริงๆ เราก็เห็นกันตาม social media กันมานาน ก็เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็คราวนี้ ได้เห็นแฟนๆ มารอที่สนามบิน ทุกคนที่นี่เป็นกันเอง น่ารักมากๆ ครับ
Ashton : ผมรู้สึกว่าวัฒนธรรมเอเชียให้ความรู้สึกน่าเคารพนับถือมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แล้วเราก็แฮปปี้ที่ได้มาที่เมืองไทยมากๆ ครับ
พวกคุณประสบความสำเร็จกันตั้งแต่อายุยังน้อย พวกคุณปรับตัวให้เข้ากับชื่อเสีง เงินทอง และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆอย่างไรบ้าง?
Ashton : เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันนะฮะ ผมว่า...
Luke : เป็นคำถามที่ยากนะ
Michale : ผมว่าพวกเราได้เรียนรู้ที่อยู่กับสิ่งเหล่านี้ทีละเล็กทีละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไป เรายังคงพูดคุยกับเพื่อนเก่าๆ คนรู้จักเก่าๆ กลุ่มเก่าๆ อยู่เรื่อยๆ เลยทำให้พวกเรายังคงเป็นพวกเราอยู่อย่างนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันสำคัญมากเหมือนกัน นอกจากนี้ต้องยอมรับตัวเองว่าเมื่อไรที่เราทำได้ดี และเมื่อไรที่เราทำผิดพลาดจริงๆ คนเหล่านี้ก็ช่วยพวกเราได้เยอะครับ
ก้าวต่อไปของ 5 Seconds of Summer จะเป็นอย่างไร?
Ashton : ก้าวต่อไปเหรอ
Luke : ก็ยังทัวร์กันต่อไป… (หัวเราะ)
Ashton : … อีก 9 เดือน (หัวเราะ) หลังทัวร์จบพวกเราก็จะแต่งเพลงกันสำหรับอัลบั้มถัดไป ซึ่งพวกเราก็ยังไม่รู้เลยว่าจะวางขายเมื่อไร
Luke : อาจจะพรุ่งนี้ก็ได้ (ยิ้ม)
Ashton : แล้วก็ อีกเป้าหมายหนึ่งของพวกเราในปีนี้คือ อยากจะพัฒนาฝีมือในการเล่นดนตรี เพื่อการแสดงสดให้ดียิ่งขึ้น แล้วพวกคุณก็จะได้เห็นโชว์ดีๆ จากพวกเรากันมากขึ้น
ช่วงเวลาที่พวกคุณประทับใจที่สุด คือ?
Ashton : ระหว่างทัวร์เหรอครับ? จริงๆ แล้วสิ่งที่พวกเราฝันเอาไว้ก็คือได้มาทัวร์เอเชียกับวงแบบนี้นี่แหละครับ ได้มาเจอแฟนๆ ชาวเอเชีย แล้วพวกเราก็อยากจะกลับมาอีก เป็นสิ่งที่พวกเราจะตั้งตารอคอยกันเลยล่ะ
Luke : แฟนๆ ที่นี่ก็เยี่ยมมากจริงๆ ผมประหลาดใจมากที่พวกเราไม่ได้มาโปรโมตที่นี่จริงจัง อยู่แตที่อเมริกา แต่ผู้คนที่นี่ก็ร้องเพลงพวกเราได้ ทั้งๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ พวกเราประทับใจมากๆ
ได้ยินมาว่าพวกคุณต้องแปรงฟันด้วยกันก่อนขึ้นคอนเสิร์ต จริงหรือเปล่า?
Ashton : ใช่ครับ พวกเราต้องแปรงฟันด้วยกันก่อนขึ้นคอนเสิร์ต เป็นเรื่องสำคัญนะที่ต้องขึ้นไปแสดงบนเวทีด้วยลมหายใจหอมสดชื่น (หัวเราะ)
Michale : พวกเรากลัวจะมีอะไรติดฟันระหว่างโชว์อ่ะครับ แต่ก็โชคดีที่ยังไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น (ยิ้ม)
Ashton : จริงๆ แล้วการแปรงฟันด้วยกัน เหมือนเรามีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกัน เหมือนเป็นช่วงเวลาที่พวกเราต้องรวมกัน ตั้งสติ ไม่มีใครรบกวน ก่อนจะขึ้นโชว์ด้วยกันอ่ะครับ
อะไรคือสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดที่แฟนเพลงเคยทำให้พวกคุณ?
Ashton : ทำให้เลยอ่ะเหรอ? ตุ๊กตาวูดูฮะ น่ากลัวมาก
Michale : พวกเรามีเพลงที่ชื่อ “Voodoo Doll” ด้วยนะฮะ เขียนจากของที่พวกเราได้จากแฟนคลับนี่แหละ
Luke : มันน่ารักนะ เจ๋งมากๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็น่ากลัวด้วย (หัวเราะ)
Michale : นอกจากนี้ก็จะเป็นพวกภาพวาด หรือทำ coffee painting (=คิดว่าน่าจะคล้ายๆ latte art หรือการวาดภาพบนฟองนมบนกาแฟ) มีหน้าผมอยู่บนถ้วยกาแฟ ซึ่งมันเจ๋งมากๆ
เคล็ดลับความสำเร็จไปทั่วโลกของพวกคุณคืออะไร?
Ashton : อืม ไม่รู้เหมือนกันนะฮะ น่าจะเป็นในทำนองที่ว่า ตั้งใจทำในสิ่งที่คิดว่าดี พยายามทำในสิ่งที่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ให้มันเป็นให้ได้ ทั้งเรื่องเพลง เรื่องแสดงคอนเสิร์ต
Luke : ผมคิดว่ามันมีส่วนผสมทั้งจากโชค ความอุตสาหพยายาม การเสียสละ และมีกำลังใจที่ดี
(ระหว่างนั้น โทรศัพท์ที่ใช้อัดเสียงของนักข่าวคนหนึ่ง ก็มีคนโทรเข้ามา)
Michale : มีคนโทรเข้ามา (อ่านชื่อคนโทรเข้า แล้วเอื้มมือไปกดหน้าจอ) ฮัลโหล
Luke : ฮัลโหล
Michale : ฮัลโหล (เรียกชื่อคนโทรเข้าด้วย) (หัวเราะกันทั้งห้อง)
Luke : เฮ้ย ทำอย่างงั้นมันก็จะรีเซตใหม่น่ะสิ
Michale : อุ๊ย ขอโทษนะ
Luke : ลองโทรเช็คเพื่อนคุณดูหน่อยไหมฮะ (หัวเราะ)
เพลงอะไรที่พวกคุณชอบเล่นในคอนเสิร์ตมากที่สุด?
Ashton: โอ้ พวกเราชอบเล่นเพลง “She’s Kinda Hot” มากๆ แล้วมีเพลงไรอีกๆ
Calum : Castaway?
Ashton : ใช่ “Castaway” เพลงนี้ก็สนุกดี หรือจะเพลงในอัลบั้ม 2 ของพวกเราที่ชื่อ “End Up Here” ทุกครั้งที่พวกเราเล่นเพลงนี บรนยากาศในฮอลจะดีมาก
Michale : เพราะว่าในช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่พวกเราจะเมดเล่ย์สดๆ เล่นกับชื่อเมืองในแต่ละที่ที่พวกเราไป มันเลยเป็นช่วงที่ดีที่สุดของคอนเสิร์ตไปโดยปริยาย
ฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยหน่อย
Ashton : เฮ้ แฟนๆ ชาวไทย ขอบคุณสำหรับประเทศสวยๆ แฟนเพลงเจ๋งๆ และขอบคุณที่ให้พวกเรามาที่นี่ ขอให้มีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน มาดูคอนเสิร์ตด้วยกัน แล้วเราจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับอะไรใหม่ๆ มาฝากกันแน่นอน รักนะฮะ
Michale : จากพวกเรา 4 Seconds of Summer ครับ (หัวเราะกันทั้งห้อง) พวกเราจะเปลี่ยนชื่อกันอย่างเป็นทางการละ
Luke : (ชี้ไปที่มือถือเครื่องเดิมเมื่อกี้) (เรียกชื่อคนโทรเข้า) เขาส่ง voicemail มาฮะ
Michale : เขาส่ง message มาฮะ
ก็ทั้งน่ารัก เป็นกันเอง และตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ เหล่าแฟนคลับถึงได้ยอมอดทนรอเจอพวกเขากันได้ตั้งนาน ขอบอกเลยว่าวงนี้อนาคตไกลแน่ๆ ขี้เล่น น่ารัก แต่ก็ยังเอาจริงเอาจังกับเรื่องดนตรีไม่น้อยไปกว่าใคร จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วงดนตรีเล็กๆ จากออสเตรเลียจะครองใจแฟนเพลงชาวไทยไปได้หลายคนขนาดนี้ เพลงของพวกเขาจะมันส์กันขนาดไหน คลิกไปฟังกัน ที่นี่ ได้เลยค่ะ
ขอบคุณ Universal Music Thailand และ BEC-Tero Entertainment