9 ดาราจีนเข้าวงการตั้งแต่เด็ก สู่พระเอกนางเอกตัวท็อป เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ
9 ดาราจีนเข้าวงการตั้งแต่เด็ก สู่พระเอกนางเอกแถวหน้า นักแสดงเด็กที่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ
วงการบันเทิงจีนมีดาราจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นอาชีพตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งนักแสดงเหล่านี้ได้สั่งสมประสบการณ์และพัฒนาฝีมือจนก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าที่มีอิทธิพลในปัจจุบัน
1. หยางมี่ (Yang Mi)
หยางมี่ เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ โดยรับบทเจ้าหญิงเซี่ยหนิง (วัยเด็ก) ในละครเรื่อง Tang Ming Huang (1993) ก่อนจะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชื่อดัง King of Beggars (ยาจกซู ไม้เท้าประกาศิต) ในบทลูกสาวของโจว ซิงฉือ และในอีกสองปีต่อมา เธอก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากผลงานละครเรื่อง Hou Wa จนตัดสินใจมุ่งสู่เส้นทางนักแสดงอย่างจริงจัง และเข้าศึกษาต่อในสถาบันภาพยนตร์ชื่อดังของจีน
.jpg)
หลังจากพักงานช่วงหนึ่ง หยางมี่กลับมาทำงานในปี ค.ศ. 2001 ด้วยการรับงานถ่ายแบบและโฆษณา ก่อนจะเซ็นสัญญากับค่าย Rosat Entertainment ในปีต่อมา จากนั้นเธอก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในละครโทรทัศน์เรื่อง The Story of a Noble Family (บ้านตระกูลจิน) ซึ่งถือเป็นผลงานสร้างชื่อให้เธอกลับคืนสู่วงการอย่างเต็มตัว
หยางมี่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากบท “ก๊วยเซียง” ในละครกำลังภายในเรื่อง The Return of the Condor Heroes (มังกรหยก ตอน ศึกเทพอินทรี) และได้รับคำชมจากแฟน ๆ ทั่วประเทศ ต่อมาเธอก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญจากบทนางเอกในละครแฟนตาซีชื่อดัง Chinese Paladin 3 (เซียนกระบี่พิชิตมาร) ที่ส่งให้ชื่อของเธอกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการบันเทิงจีน

ปี ค.ศ. 2011 ถือเป็นปีทองของหยางมี่ เมื่อเธอรับบทนำในละครย้อนยุคเรื่อง Palace (宫锁心玉) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายทั่วเอเชีย ผลงานนี้ไม่เพียงส่งให้เธอขึ้นแท่น “นางเอกแถวหน้าของจีน” แต่ยังทำให้เธอติดอันดับ 100 คนดังที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีน จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes China โดยเธอติดอันดับที่ 92 และในปีต่อ ๆ มา อันดับของเธอก็ไต่ขึ้นสู่ Top 10 อย่างต่อเนื่อง
ตลอดเส้นทางกว่า 30 ปีในวงการ หยางมี่ผ่านทั้งผลงานภาพยนตร์ ละคร และงานพากย์เสียง รวมถึงการเป็นโปรดิวเซอร์ในหลายโปรเจกต์ เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีอิทธิพลที่สุดของจีน ด้วยบุคลิกมั่นใจ ทัศนคติมืออาชีพ และความสามารถรอบด้าน ทำให้เธอยังคงเป็นขวัญใจแฟน ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
2. หยางจื่อ (Yang Zi)
หยางจื่อ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ จากละครเรื่อง Ru Ci Chu Shan และภาพยนตร์ Girls Diary ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงเด็กยอดเยี่ยม ต่อมาโด่งดังอย่างมากจากซีรีส์คอมเมดี้ครอบครัว Home With Kids (2005–2006) ที่คว้ารางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยม

หลังจากนั้นเธอยังคงมีผลงานต่อเนื่อง ทั้งใน Not Easy to Grow Up (2006), Girl Rushes Forward (2009) และ Boy’s Diary (2010) โดยในปีเดียวกันเธอสอบติดสาขาการแสดงที่ Beijing Film Academy ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการแสดงชั้นนำของจีน
หยางจื่อเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงสาวเต็มตัวจากซีรีส์เรื่อง Love Comes Knocking on the Door (2011), ดอกไม้ในม่านหมอก (Flowers in Fog, 2013) และ ฉางซา รักระหว่างรบ (Battle of Changsha, 2014)

ช่วงปี 2016–2020 ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุดของเธอ ซีรีส์ทุกเรื่องที่แสดงมียอดวิวถล่มทลายและประสบความสำเร็จอย่างสูง ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ ได้แก่ Ode to Joy (2016–2017), จูเซียน กระบี่เทพสังหาร (The Legend of Chusen 2016), ลิขิตรักนางพญางูขาว (The Destiny of White Snake 2018), มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (Ashes of Love, 2018) และ นายเย็นชากับยัยปลาหมึก (Go Go Squid 2019)
ในปี 2022 เธอสร้างความประทับใจอีกครั้งกับซีรีส์โรแมนติก คุณคือคำปฏิญาณแห่งรัก (The Oath of Love) ในปีเดียวกันยังมี อวลกลิ่นละอองรัก (Immortal Samsara) ปีถัดมามีผลงานซีรีส์ ห้วงคำนึงดวงใจนิรันดร์ (Lost You Forever) ภาค 1 จากนั้นในปี 2024 มีผลงานซีรีส์ สุดท้ายคือเธอ (Story of Joy) และ รักไม่เคยจางไปจากใจ (Love Endures)
ล่าสุด ปี 2025 ผลงานซีรีส์ฟอร์มยักษ์ งามบุปผาสกุณา (Flourished Peony) ที่ได้มาประกบคู่กับคู่ขวัญ หลี่เซี่ยน อีกครั้งในรอบหลายปี ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในจีน ซึ่งผลงานเหล่านี้ได้ตอกย้ำถึงความสามารถและอิทธิพลของหยางจื่อในฐานะนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการบันเทิงจีน ไม่ว่าเรื่องไหนก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามเสมอ
3. อู๋เหล่ย (Leo Wu)
อู๋เหล่ย ได้รับฉายา "น้องชายแห่งชาติจีน" เพราะเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ จากการถ่ายโฆษณา ก่อนจะเริ่มรับบทบาทการแสดงอย่างจริงจังในวัยเด็ก โดยผลงานที่โดดเด่นในฐานะนักแสดงเด็ก ได้แก่
-
ปี 2006: ได้รับบทแสดงในละครโทรทัศน์เรื่องแรกคือ The Young Warriors ในบทบาท "หยางลิ่วหลาง" วัยเด็ก
-
ปี 2007: ได้รับบทบาทสำคัญอย่าง "นาจา" วัยเด็ก ในซีรีส์ ศึกเทพสวรรค์ บัลลังก์มังกร (The Legend and the Hero)
-
ปี 2014-2015: เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการรับบทบาทสำคัญในซีรีส์ดังหลายเรื่อง เช่น บทบาท "เอี้ยก้วย" วัยเด็กใน มังกรหยก 2 (The Romance of the Condor Heroes) และบท "เฟยหลิว" ในซีรีส์ย้อนยุคเรื่อง มหาบุรุษพลิกแผ่นดิน (Nirvana In Fire)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อู๋เหล่ยได้ก้าวขึ้นมามารับบทนำอย่างเต็มตัว และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ซีรีส์ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่การเป็นพระเอกตัวท็อป ได้แก่
-
สัประยุทธ์ทะลุฟ้า (Fights Break Sphere, 2018)
-
ตำนานจอมโจรแห่งสุสานทะเลทราย (Tomb of the Sea, 2018)
-
สตรีหาญ ฉางเกอ (The Long Ballad, 2021) แสดงคู่กับ ตี๋ลี่เร่อปา
-
ดาราจักรรักลำนำใจ (Love Like the Galaxy, 2022) แสดงคู่กับ จ้าวลู่ซือ
-
สู่ก้าวใหม่วัยฝัน (Nothing But You, 2023)
-
ลมหนาวและสองเรา (Amidst a Snowstorm of Love, 2024) ประกบคู่กับ จ้าว จินม่าย ซึ่งเป็นซีรีส์รักโรแมนติกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

4. กวนเสี่ยวถง (Guan Xiaotong)
กวนเสี่ยวถงได้รับฉายาว่า "ลูกสาวแห่งชาติจีน" เนื่องจากเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ โดยปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ Yan Hai Chen Fu (2001) ที่กำกับโดยเฉินข่ายเกอ และเริ่มเป็นที่รู้จักจากการรับบทเด็กหญิงในภาพยนตร์ Nuan (2003) ซึ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Tokyo Film Festival

หลังจากนั้น เธอมีผลงานต่อเนื่องทั้งในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เช่น
-
To Be a Better Man (2016) ซีรีส์ที่ทำให้เธอได้รับรางวัล Best Supporting Actress จากงาน Hengdian Film and TV Festival of China
-
สูตรรักโลกมายา Love of Aurora (2016)
- วิหคนครา Novoland: The Castle in the Sky (2016)
- สังเวียนรักยอดนักสู้ Sweet Combat (2018)
-
หงส์ขังรัก (Untouchable Lovers, 2018)
- 20 วัยว้าวุ่น Twenty Your Life On (2020)
-
ข้าก็เป็นสตรีเช่นนี้ A Girl Like Me / I'm just kind of girl (2021)
-
วัยฝันวัยเติบโต Onceand Forever (2023)

5. ซ่งจู่เอ๋อร์ (Song Zu'er)
ซ่งจู่เอ๋อร์ เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มจากการถ่ายโฆษณาและแสดงละครโทรทัศน์ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ เธอโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วประเทศจากบท “นาจา” ในละครแฟนตาซีเรื่อง Prelude of Lotus Lantern (2009) ซึ่งทำให้เธอกลายเป็น “นักแสดงเด็กขวัญใจชาวจีน”

จากนั้นในปี 2017 เธอกลับมาสู่การแสดงอย่างเต็มตัวหลังเรียนจบมัธยมปลายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเข้าร่วมรายการวาไรตี้ Divas Hit the Road ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมมากขึ้น โดยในปี 2018 ซ่งจู่เอ๋อร์สอบเข้าศึกษาใน สถาบันภาพยนตร์ปักกิ่ง (Beijing Film Academy) ได้สำเร็จ ด้วยคะแนนอันดับที่ 3 ของประเทศ
ในปี 2019 นิตยสาร Forbes China ยังได้จัดให้เธออยู่ในรายชื่อ "30 Under 30 Asia" ในฐานะบุคคลที่ทรงอิทธิพลอายุต่ำกว่า 30 ปี
ผลงานเด่นๆ ของซ่งจู่เอ๋อร์ อาทิ แดนสนธยา ธงพญาอินทรี Novoland: Eagle Flag (2019), สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน To fly with you (2020), Cupid's kitchen (2022), รักใหม่ทั้งที ไม่เป็นบอสได้ไหม (Legally Romance 2022)
ช่วงต้นปี 2023 เซ่งจู่เอ๋อร์ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี ซึ่งหลังตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด แต่ก็ทำให้เธอหายเงียบไปนานถึง 2 ปี ก่อนที่ในปี 2025 จะกลับคืนสู่วงการอย่างสมศักดิ์ศรี กับซีรีส์ ล่าปีศาจพิฆาตรัก The Demon Hunter's Romance ที่แสดงร่วมกับ เหรินเจียหลุน และโด่งดังสุดขีดจากซีรีส์ ปรปักษ์จำนน The Prisoner of Beauty ที่แสดงคู่กับ หลิวอวี่หนิง นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ Created in China ที่ออกอากาศในปีนี้ด้วย

6. จ้าวจินม่าย (Zhao Jinmai)
จ้าวจินม่าย เริ่มต้นในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ โดยมีผลงานการแสดงครั้งแรกในซีรีส์ You Are My Sister (2012) และเริ่มเป็นที่รู้จักในละครครอบครัวและวัยรุ่นหลายเรื่อง
ปี 2014 แสดงนำในภาพยนตร์สำหรับเด็กเรื่อง Balala the Fairies: The Magic Trial และภาคต่อในปี 2015 ในบทบาท "หลิงเม่ยชี"

เมื่อก้าวสู่วัยรุ่นในปี 2019 จ้าวจินม่ายในวัย 17 ปี ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มคนดังที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี โดยนิตยสาร Forbes เนื่องจากมีผลงานโดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Wandering Earth (2019) ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์อวกาศเรื่องแรกของจีน และเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดทั่วโลกอันดับที่ 3 ของปีนั้น และยังมี Growing Pain (2019) ซีรีส์ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง รวมทั้งซีรีส์ที่สร้างจากภาพยนตร์ไทยชื่อดัง สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก (A Little Thing Called First Love 2019)
ในปี 2024 จ้าวจินม่าย ยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีกจากซีรีส์สุดโรแมนติก ลมหนาวและสองเรา (Amidst a Snowstorm of Love) ที่แสดงคู่กับ อู๋เหล่ย และซีรีส์แนวพีเรียด องค์หญิงใหญ่ (The Princess Royal) ที่แสดงคู่กับ จางหลิงเฮ่อ ทำให้เธอกลายมาเป็นนักแสดงดาวรุ่งแถวหน้าด้วยอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น

7. หลี่หลานตี๋ (Li Landi)
หลี่หลานตี๋เริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ปี โดยมีผลงานแรกในปี 2009 คือภาพยนตร์ Love Who You Lost To จากนั้นก็มีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งในบทบาทสมทบและบทนำในวัยเด็ก ต่อมาปี 2013 แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Silent Witness และ Switch คนคมล่าคม

เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ความนิยมของหลี่หลานตี๋ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการรับบทนักแสดงนำและมีผลงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ ซีรีส์ ความลับของใจคือเธอ All About Secrets (2017) ที่ประกบคู่พระเอกหน้าใหม่อย่าง เฉินเจ๋อหย่วน และในปีเดียวกันเธอยังมีผลงานอีก 2 เรื่องคือ อู๋ซิน จอมขมังเวท 2 และ วัยฝันวันเยาว์ My Huckleberry Friends
ผลงานโดดเด่นต่อมาของเธอคือ ฝันคืนสู่ต้าชิง (Dreaming Back to the Qing Dynasty) ซีรีส์แนวย้อนยุคโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ที่ทำให้เธอได้รับการชื่นชมด้านการแสดงอย่างมาก รวมทั้ง ดาวตกก่อเกิดรัก The Starry Love (2023) ซีรีส์แฟนตาซีเทพเซียนที่ได้รับความนิยมสูง
ในปีถัดมามีผลงานคือ ขอบคุณที่มีเธอ (Angels Fall Sometimes - 2024) แสดงคู่กับ หลินอี และ ธารธารารักนิรันดร์ (Love of Nirvana - 2024) แสดงร่วมกับ เหรินเจียหลุน
และล่าสุดในปีนี้ มีผลงานซีรีส์แนวโมเดิร์นแฟนตาซีเรื่อง ปาฏิหาริย์หัวใจกำไลสื่อรัก (Filter) แสดงคู่กับ ถานเจี้ยนซื่อ และซีรีส์แนวพีเรียดสืบสวนสอบสวน บันทึกหิมะแห่งรุ่งอรุณ (Coroner's Diary) แสดงคู่กับ อ๋าวรุ่ยเผิง ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจนถูกเรียกว่าเป็นซีรีส์ม้ามืดแห่งปี

8. เฉินเฟยอวี่ (Chen Feiyu)
เฉินเฟยอวี่เป็นลูกชายของผู้กำกับชื่อดังระดับเอเชีย เฉินข่ายเกอ และนักแสดงหญิงชื่อดัง เฉินหง เขาจึงเติบโตมาในครอบครัวศิลปินและคลุกคลีกับงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก
เฉินเฟยอวี่เริ่มเข้าวงการตั้งแต่ 10 ขวบ โดยปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง ดาบแค้น บัลลังก์เลือด Sacrifice (2010) ซึ่งกำกับโดยพ่อของเขาเอง และต่อมาในปี 2017 เขาได้รับบทนำเต็มตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ Secret Fruit (水果硬糖) จากนั้นชื่อของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

จุดเปลี่ยนสำคัญของเฉินเฟยอวี่คือบทบาทในซีรีส์แนวแฟนตาซีเรื่อง สยบฟ้าพิชิตปฐพี (Ever Night) ที่ออกอากาศในปี 2018 ด้วยการแสดงที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยพลัง ทำให้เขาได้รับคำชมจากผู้ชมและนักวิจารณ์จำนวนมาก และถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดของจีน
แม้หลายคนอาจจะมองว่ามีครอบครัวคอยปูทางให้ในวงการ แต่ผลงานของเฉินเฟยอวี่ก็เป็นที่ประจักษ์ถึงความสามารถของเขาอย่างแท้จริง ผลงานที่ทำให้หลายคนรู้จักเขาคือ ไฟแช็กกับชุดเจ้าหญิง Lighter & Princess (2022)
ผลงานล่าสุดในปีนี้อย่าง กิน วิ่ง และความรัก (Eat Run And Fall In Love) และ วาสนาของปลาเค็ม (When Destiny Brings The Demon) ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีทั้งในจีนและในไทย

9. เฉิน ซิงซวี่ (Chen Xingxu)
เฉิน ซิงซวี่ เข้าวงการตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะนักแสดงเด็กเมื่อปี 2001 กับละครเรื่อง A Passionate Life จากนั้นในปี 2005 ได้แสดงละครแนวสงครามเรื่อง The Door to the Wind หลังจากนั้นก็มีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่องในฐานะนักแสดงเด็กมาเรื่อยๆ

จนเมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ในปี 2017 เฉินซิงซวี่ ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากการรับบทเป็น เอี๊ยคัง ใน มังกรหยก (The Legend of the Condor Heroes)
ปี 2019 เฉินซิงซวี่โด่งดังอย่างมากจากละครโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ตงกง ตำนานรักตำหนักบูรพา Goodbye My Princess จากนั้นเขาได้รับบทในละครสมัยใหม่เรื่อง The Best of Times ต่อด้วยละครแนวทหารเรื่อง The Glory of Youth จากนั้นในปี 2020 แสดงนำในภาพยนตร์แนวโรแมนติกแฟนตาซีเรื่อง โปเยโปโลเย
ต่อมา 2023 เขาแสดงนำในละครแนวแฟนตาซีเรื่อง ดาวตกก่อเกิดรัก ร่วมกับ หลี่ หลานตี้ จากนั้นในปี 2024 มีผลงานซีรีส์แนวปัจจุบันเรื่อง วุ่นรักนักแปล (Our Interpreter) แสดงคู่กับ หลินซี และเรื่อง กับดักรัก บอสตัวร้าย แสดงคู่กับ จางรั่วหนาน

อ่านเพิ่มเติม: