ย้อนวันเก่าๆ ออย ธนา กับชีวิตดูโอ้ (เคย) ฮอต
จากท่าเต้นติดตาเนื้อหาเพลงติดหู เพราะมีท่อนฮุคให้จดจำเช่นเพลงสร้างชื่อ "รมณ์บ่จอย" และทันทีที่เปิดตัวอัลบั้มแรกเมื่อราวๆ 20 ปีก่อน ชื่อของนักร้องดูโอ "ออย ธนา สุทธิกมล" และ "ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ" ก็เข้าไปนั่งอยู่ในใจแฟนเพลงยุค 90 ทันทีทันใด ซึ่งนอกจากตัวของบทเพลงจะได้รับความนิยมแล้วนั้น เอกลักษณ์การแต่งตัวด้วยชุดรัดรูปเอวลอยและเสื้อลายขวางสีสันฉูดฉาดยังสร้างกระแสแฟชั่นในยุคนั้น
แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนผันผ่านไปจาก "ลิฟต์ออย" ดูโอ้สุดฮอตก็กลายเป็นเพียงความทรงจำในใจแฟนเพลงที่โตมาด้วยกัน และบ่อยครั้งกระแสความคิดถึงดูโอ้คู่นี้ก็ยังมีอยู่เสมอ Exclusive Talk คนบันเทิง จึงขอพาแฟนๆ นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปพร้อมกับหนุ่ม "ออย ธนา สุทธิกมล" กับช่วงเวลานั้นเขามีเรื่องราวความทรงจำอะไรบ้างที่สวยงามในการเป็นคู่หูดูโอ้ "ลิฟต์ออย" บ้างนั้นไม่แน่ว่าหากได้ฟังหนุ่มออยเล่าแล้ว แฟนๆ อาจจะต้องกลับไปหาเพลงเก่าๆ ของพวกเขากลับมาฟังอีกครั้งก็เป็นได้
รมณ์บ่จอย & ดูมั้ยดู ซิงเกิ้ลแจ้งเกิด
ลิฟท์กับออย เป็นกลุ่มนักร้องดูโอของบริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น จำกัด และโดยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากในยุค 90's ของบริษัท ซึ่งมีเอกลักษณ์เด่นๆ คือท่าเต้นที่จดจำง่ายบวกกับเนื้อเพลงที่ติดหู
"เพลงรมณ์บ่จอยนี่เป็นชุดแรกส่วนตัวผมรู้สึกว่ายังไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่ ส่วนเพลงดูมั้ยเป็นชุดที่สอง เพลงอัลบั้มหนึ่งกับเพลงอัลบั้มสองคนละอารมณ์เลย คืออัลบั้มหนึ่งนั้นค่อนข้างเด็ก พอมาเพลงดูมั้ยดูก็คืออัลบั้มซูห้า ก็รู้สึกว่าผ่านมาหลายปีแล้วก็เริ่มความประหม่าน้อยลงแต่ ถ้ารู้สึกว่าดังจริงๆ ในส่วนตัวผมว่าอัลบั้มที่สองคือซูห้ามากกว่าครับ และผมก็ชอบเพลงเพลงมันดูน่ารักชอบคอนเซ็ปต์ รวมถึงชอบตัวเองด้วยแล้วก็เริ่มมีความชำนาญมากขึ้นกับการทำงานตรงนี้ครับ"
ลิฟต์ออยดูโอ้ดังระดับประเทศ
เมื่อพูดถึงความโด่งดังนั้นหนุ่มออยมองว่านอกจากความตั้งใจทำงานเพื่อให้แฟนเพลงผิดหวังน้อยที่สุด ก็ยังรวมไปถึงความแปลกใหม่ของการเป็นดูโอ้ที่แม้จะมีคู่อื่นด้วยเช่นกันในตอนนั้น แต่ลิฟต์ออยกับเข้าไปอยู่ในใจแฟนเพลง
"โอ้โห้ ผมเรียกว่าประสบความสำเร็จในแนวนี้ดีกว่า เพราะยุคนั้นก็มีคู่อื่นก็ประสบความสำเร็จเหมือนกันครับแต่สไตล์จะต่างกันไป ในตอนนั้นก็รู้สึกว่าโอเคก็ดีใจที่เราได้มีงานทำงานมีกระแสตอบรับที่ดี เราก็ตอบแทนโดยที่เราตั้งใจทำงาน เราก็ทำตรงนั้นตรงที่คนชื่นชอบงานเราให้เขาผิดหวังน้อยที่สุด แต่ก็ต้องมีบ้างเพราะเราก็ไม่ใช่คนแบบมืออาชีพมาเลยทีเดียว เราก็เกิดจากเด็กที่เริ่มร้องเพลงมาร้องเพลงงานด้วยคอนเซ็ปต์ แต่ก็ทำเต็มที่ให้คนดูได้มีความสุขที่สุดนะถ่ายทอดเพลงเต้นโชว์อะไรต่างๆ เราก็ตั้งใจทำมันเต็มที่ แต่พักหลังๆ เลยอัลบั้มซูห้าไปแล้วก็เริ่มค่อยๆ ดิ่งลงเหว (หัวเราะ) เริ่มลงน้ำเหมือนลงคูเราก็เริ่มจะจมลงไปเรื่อยๆ แล้วมันรู้สึกว่าช่วงเวลาและจังหวะกลุ่มคนฟังและเทคโนโลยีและเทปผีซีดีเถื่อน มันก็เริ่มเข้ามาลุกล้ำเริ่มมีศิลปินเยอะขึ้นด้วยเรารู้สึกว่าคงอาจไม่ใช่เวลาของเราแล้วก็เริ่มเปลี่ยนแนวไปทำงานการแสดง"
ลิฟต์ออย ผู้นำเทรนด์แฟชั่นเอวลอย
นอกจากตัวของเพลงที่ดังติดหูฮิตติดปากแล้วนั้น แน่นอนว่าเรื่องของแฟชั่นคงจะไม่พูดถึงก็ไม่ได้กับเสื้อผ้าลายขวางเอวลอยที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองที่หนุ่มออยบอกว่ามีที่มาที่ไปจากท่าเต้นนั้นเอง
"จริงๆ แล้วคอนเซ็ปต์มันไม่ใช่เอวลอยนะมันเป็นเสื้อพอดี แต่ผมเป็นวัยรุ่นขี้ก้าง ตัวผอม สูง หุ่นตรงๆ ใส่เสื้อแบบพอดีกับร่างกายของผู้ชายไม่ได้ซักยี่ห้อเลย จะไซด์เล็กก็ไม่ได้พี่ทีมงานเขาก็เลยซื้อเสื้อผ้าของผู้หญิงมาให้ใส่และเสื้อผู้หญิงมันก็ยาว แล้วพอยาวเขาก็กลัวเราถ่ายรูปออกมาไม่สวยถ่ายแล้วมันดูมันยาวแบบตัวเล็ก เขาก็เลยตัดให้มันแบบโพสต์ท่าถ่ายรูปให้มันพอดีกับกางเกง แล้วเขาก็หั่นกางเกงลงไปดึงเสื้อขึ้นมาแต่เรายื่นถ่ายรูปมันไม่เป็นอะไร ไม่ตั้งใจให้มันเอวลอยหรอก แต่ว่ามีท่าเต้นอยู่ท่าหนึ่งท่าเพลงอารมณ์บ่จอยเรายกมือขึ้นมาก็เลยลอยขึ้นมากลายเป็นเสื้อเอวลอยแบบที่ทุกคนเข้าใจครับ"
20 กว่าปีความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน
และไม่ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานกี่ปีภาพความจำของการเป็นดูโอ้สุดฮอตยุค 90 นอกจากจะอยู่ในใจแฟนๆ แล้วนั้น ในส่วนของศิลปินก็มีเรื่องราวความทรงจำต่างๆ ไม่ต่างกันด้วยเช่นกัน
"สำหรับความทรงจำของผมคือการแสดงโชว์คอนเสิร์ตในตอนนั้นก็ต่างกับในตอนนี้นะตอนนั้นเรียกได้ว่าถ้าทัวร์คอนเสิร์ตมันยังไม่มีอินเตอร์เน็ตมันยังไม่ค่อยมีในช่วงโปรโมทมากนักก็อย่างมากเราก็ได้แค่ไปเยี่ยมค่ายคลื่นวิทยุ และการแห่รอบเมือง (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่บอกว่าเรามาจริงนะมาโชว์คืนนี้ ตอนเย็นต้องนั่งรถกระบะ (หัวเราะ) หรือหกล้ออะไรก็แล้วแต่ เหมือนไปหาเสียงเป็นทุกศิลปิน แต่เชื่อว่านักร้องหลายคนชอบเพราะว่าเราได้การตอบรับที่ดีเดี๋ยวนั้นพอเราตะโกนกลับไปเขาตะโกนกลับมาเราร้องอะไรไปเขาร้องตามได้ ความสุขตรงนั้นมันต่างจากอาชีพอื่น
และที่เป็นความทรงจำอีกอย่างคือเป็นเสียงกรี๊ดของคนนับหมื่น ที่ MBK ฮอลล์ แต่ก่อนมันเป็นอัฒจันทร์ไม้แล้วคนดูเขากระทืบไม้กัน ตึง ตึง ตึง พลังมันส่งมาทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นจนเราไม่รู้จะร้องผิดหรือเปล่าอีกอย่างคืออัฒจันทร์มันจะพังมั้ยเพราะว่ามันเป็นโครงสร้างไม้แต่ผมว่านะศิลปินยุคของผมเจ๋งที่สุดละกับคอนเสิร์ตที่ MBKฮอลล์ในยุคนั้นครับและขอบคุณแฟนๆ ที่เวลานึกถึงดูโอ้ลิฟต์ออยก็เป็นสิ่งต้นๆ ที่ทุกคนนึกถึงกันครับ"