
เช็กก่อนกิน “คีโตเจนิค” เหมาะกับใคร ใครควรกิน-ไม่ควรกิน
คีโตเจนิค อาจเหมาะกับผู้ที่อยากลดน้ำหนัก และผู้ป่วยเบาหวาน เพราะสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงควบคู่กันไปด้วย
การกินอาหารแบบ “คีโตเจนิค” มีความเกี่ยวพันธุ์กับระดับน้ำตาลในเลือด เพราะการกินคีโตเจนิคคือการกินอาหารโดยหลีกเลี่ยงแป้ง และน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) โดยกินไขมันทดแทน เพื่อให้ร่างกายรู้สึกว่าอดอาหาร จึงไปสลายไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย โดยไขมันที่ถูกสลายไป เรียกว่า “คีโตน”
คีโตเจนิค คืออะไร
คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic diet) เป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่เน้นการบริโภคไขมันชนิดดีเป็นหลัก ลดคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลง และรักษาปริมาณโปรตีนในระดับปานกลาง เป้าหมายคือทำให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญไขมันแทนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ส่งผลให้ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คีโตเจนิค กินอะไรได้บ้าง
อาหารที่สามารถทานได้ในคีโตเจนิค ไดเอทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
กลุ่มไขมัน (70%): เน้นการทานไขมันดีจากธรรมชาติ เช่น อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันรำข้าว, เนย, ชีส และปลาทะเล
กลุ่มโปรตีน (25%): ทานโปรตีนจากทั้งเนื้อสัตว์และพืช เช่น เนื้อหมู, เนื้อไก่, เนื้อปลา, ไข่ไก่, ถั่วเหลือง, เต้าหู้ และเมล็ดฟักทอง
กลุ่มคาร์โบไฮเดรต (5%): ควรจำกัดให้ได้มากที่สุด โดยเลือกจากผัก, ผลไม้ไม่หวาน, นมมะพร้าว, และนมอัลมอนด์
ประโยชน์ของ คีโตเจนิค
รศ. พญ. ธนินี สหกิจรุ่งเรือง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า คุณสมบัติของอาหารคีโต มีดังนี้
ผู้ที่สามารถกินคีโตเจนิคได้
ผู้ที่ไม่สมควรกินคีโตเจนิค
จะเห็นได้ว่า แม้ว่าคีโตเจนิคจะเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่ก็ไม่เสมอไป ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนพิจารณากินคีโต เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง