มิตร มิตรชัย โชว์หลักฐาน-เป็นจำเลยสังคม ถูกบังคับรับหนี้ 35 ล้าน
ประเด็นอื้อฉาวที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับพระเอกลิเก มิตร มิตรชัย หรือ นายคีรีรัก สมณะบารมี ที่เกิดปัญหาเรื่องหนี้สินกว่า 35 ล้านบาท และเกี่ยวข้องพัวพันกับความสัมพันธ์ระหว่าง "คุณปุ้ย" หญิงสาวที่อายุมากกว่า ที่เคยคบหาเป็นคนรักกัน
ล่าสุด มิตร มิตรชัย พร้อมกับ นายทวิชา หวังโภคา ทนายความ ได้จัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีทั้งหมด หลังจากที่เมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) ได้เข้าขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับยืนยันว่า ถูกบังคับให้เซ็นสัญญารับสภาพหนี้ 35 ล้านบาท และตกเป็นจำเลยของสังคม
"ผมจะชี้แจงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่เขา เมื่อปีที่แล้ว พี่เขาเป็นแฟนคลับรายการหนึ่งและได้แลกแชทกัน ผมพักอยู่หอกับเพื่อน เขาก็ซื้อของให้ พาไปทานข้าว ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้มาก่อน ก็รู้สึกอบอุ่นดี เราเริ่มผูกความสัมพันธ์จนกลายเป็นแฟน พี่เขาพูดจาน่ารัก เป็นใครก็ต้องรัก"
"แต่พอเราเลิกกัน พี่เขาก็พูดเหมือนอยากจะขอเอาทุกอย่างคืน แต่การขอคืนมันแปลกๆ ตรงที่พี่เขากล่าวหาว่าผมฉ้อโกง แต่ที่ผ่านมาเขาเต็มใจให้ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยขอ ถ้าคนรักกันจริง ให้เงินใช้ก็ไม่ผิด แต่เขามองว่าผมเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย"
"ที่ผ่านมาผมรู้สึกดีๆ กับพี่เขานะครับ นอกจากแม่ พี่สาว ก็มีพี่เขานี่แหละ เขาออกจ่ายใช้จ่ายให้ผมตลอด แต่วันนี้เขาออกมาพูดว่า เขายืมคนอื่นมาให้ผม อันนี้ผมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย"
ทางด้าน นายทวิชา ทนายความฯ ได้เปิดเผยว่า "จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวบัญชีของมิตร เป็นค่าใช้จ่ายปกติราวๆ 5-10 ล้านบาท ไม่เคยมีถึง 35 ล้านบาท แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายหญิงต้องการเข้ามาดูแล แต่ มิตร อยากมีรถใช้ คุณแม่จุงได้โอนที่ดินให้ 1 แปลง มิตรจึงปรึกษาฝ่ายหญิงว่าจะขายที่ดินแปลงนี้เพื่อซื้อรถ"
"แต่การขายที่ดินแบบนี้ อาจจะเป็นข่าวไม่ดีในวงการบันเทิงได้ จึงปรึกษาให้โอนกรรมสิทธิ์ไปให้ฝ่ายหญิง เพื่อช่วยขายต่อ หากขายได้จะได้เงินมาซื้อรถได้ 1 คัน หลังจากที่โอนเรียบร้อยก็ปกติ ต่างคนต่างรักกันแต่ไม่ได้เปิดเผย แต่ด้วยการที่ท่านดูแลอยู่ตลอดเวลา หากไม่ได้ไปด้วยกัน เขาก็จะออกค่าใช้จ่ายให้"
"จนกระทั่งนำมาสู่ รถเบนซ์หนึ่ง คันที่ฝ่ายหญิงใช้อยู่แล้ว และนำเอามาให้มิตรใช้ เพราะที่ดินยังขายไม่ได้ ตลอดระยะเวลาก็ยังส่งเงินให้ใช้ตลอด มีหลักฐานเป็นบันทึกรายรับรายจ่าย หลังจากได้นำรถเบนซ์มาให้ใช้แล้ว มิตรก็รบเร้าว่าทำไมที่ดินยังขายไม่ได้ เขาเลยให้รถตู้มาใช้แทน"
"ทุกอย่างเป็นปกติ ช่วงที่มิตรไปเกาหลี ทั้งสองคนได้เกิดความหวาดระแวงว่าจะมีบุคคลที่สาม พอเดินทางกลับมากทม. ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้อาสาไปรับ แต่มิตรปฏิเสธที่จะขึ้นรถมาด้วย แต่สุดท้ายก็กลับมารักกันปกติ จนเวลาผ่านมา มิตรก็ถามทำไมยังขายที่ดินไม่ได้อีก เขาเลยพาไปซื้อรถใหม่ โดยใช้เงินดาวน์ 400,000 บาทที่ฝ่ายหญิงออกให้ แต่รถตู้ยังจอดไว้ที่บ้าน
"ต่อมา มิตรได้ขอค่าที่ดินคืนและเกิดการหวาดระแวง ทั้งคู่ได้ตกลงแยกกันอยู่ แต่ก่อนแยกทั้งคู่ได้ตกลงซื้อบ้านด้วยกัน แต่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่ได้เข้าไปอยู่ พอถามค่าที่ดิน ก็ได้รับค่าที่ดิน เมื่อเดือนมิถุนายน จำนวน 2 ล้านกว่าบาท เดือนกรกฎาคม 3 ล้านกว่าบาท แต่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เมื่อได้ชำระค่าที่ดินก็ตกลงกันว่าควรจะยุติ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกันแล้ว"
"ในที่สุดทั้งสองจึงแยกกัน ในวันรุ่งขึ้นมีนายตำรวจท่านหนึ่งโทรศัพท์ไปหาแม่มิตร พูดจาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทีมงานและผู้จัดการโดนไปด้วย มิตรจึงรู้สึกอึดอัด ไม่อยากให้เป็นปัญหา จึงไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเลยจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ นัดกันพูดคุย
"กลายมาเป็นสัญญาเงินกู้ 1 ฉบับ มีพันตำรวจเอกเป็นเจ้าหนี้ ในนั้นเขียนว่ามิตรเป็นหนี้ 35.5 ล้านบาท ให้รับเงินวันนั้น ต้องชำระคืนใน 7 วัน ดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี"
"ต่อมายังไม่ถึงกำหนด 7 วัน มิตรไปขอร้องผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้ช่วย ท่านเลยนัดไปอีกครั้งหนึ่ง และได้พบกับคู่กรณีและเพิ่มเจ้าหนี้เพิ่มอีกราย แต่มิตรก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ จำเป็นต้องเซ็นแต่เป็นสัญญาใหม่ บอกเป็นค่าโปรเจค เพื่อใช้โฆษณา 35.5 ล้าน ต้องแบ่งจ่าย 3 งวด วันที่ 30 สิงหาคม จำนวน 5 ล้านบาท วันที่ 30 กันยายน จำนวน 5 ล้านบาท และ วันที่ 30 ตุลาคม ชำระทั้งหมดที่เหลือ โดยที่ไม่ได้รับเงินสักบาท ตอนนี้สัญญาฉบับนี้ จึงเป็นเหตุที่อีกฝ่ายเอามาบอกว่าถูกฉ้อโกง"
"ตอนนั้ได้แจ้งบอกไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วว่าไม่ได้เป็นหนี้ เราตรวจสอบนายตำรวจท่านนี้เป็นข้าราชการ ระหว่างจะจ่ายงวดแรกที่ต้องชำระ 5 ล้านบาท ปรากฏว่าวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา รถตู้ที่นำมาให้ใช้ ถูกตำรวจสกัดจับ เพื่อให้เป็นข่าวว่า มิตร มิตรชัย และ แอน มิตรชัยใช้รถหนีภาษี"
"แต่เมื่อได้เอกสารที่ขายรถคันนี้แล้ว ฝ่ายหญิงจึงให้ข่าวว่าแยกกันอยู่ แล้วทำไมไม่คืนรถตู้ คืนแค่รถเบนซ์ ฝ่ายหญิงพูดไม่หมด ช่วงเกิดเหตุอยู่ในช่วงที่กำลังเจรจากัน แต่รถตู้ถูกจับก่อน เมื่อเป็นแบบนี้เห็นชัดว่า มิตร มิตรชัย ถูกรังแก มีผู้พิทักษ์สันติราษร์คอยช่วยเหลือ จึงได้ไปขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
มิตร มิตรชัย ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับนายตำรวจท่านนี้ ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยเกี่ยวข้อง รู้สึกประหลาดใจที่อยู่ๆ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของตนได้เช่นไร ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้รับผ่านมา หนุ่มมิตร บอกว่า...
"ผมได้มาจริงๆ ที่เขาจ่ายให้ รวมค่าที่ดินด้วย คือ 20 ล้านบาท แต่เป็นเงินที่ทยอยส่งมาให้ ผมจะเอาไปใช้เขายังไง เพราะกลายเป็นรูปแบบอื่นไปแล้ว พี่เขาก็รับรู้ ตัวเลขเงิน 35.5 ล้านบาท ก็ไม่ทราบว่าเอาตัวเลขมาจากไหน ซึ่งหลังเกิดเรื่อง มีทนายไกล่เกลี่ยให้ อีกฝ่ายก็ไม่มีติดต่อมาพูดคุยแต่อย่างใด ผมขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน ที่บ้านผมต้องมาเกี่ยวข้อง เรื่องเกิดจากคนสองคน ผมอยากให้จบลงโดยเร็วครับ"