“โตโน่ ภาคิน” ชีวิตหลัง “คลื่นลม” สงบ (ซะที)
“ โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” หนุ่มต่างจังหวัดที่เดินตามความฝันสู้เพื่อครอบครัวโดยไม่เคยน้อยใจต่อชะตาชีวิตแม้คุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักด่วนจากไป จนเขาต้องชกมวยเพื่อหาเลี้ยงชีพ ก่อนจะเข้าประกวดร้องเพลงเวทีเดอะสตาร์ปีที่ 6 ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 แม้กระนั้นก็ยังโดนกระแสการได้มาซึ่งตำแหน่งเพราะเสียงร้องของเขาไม่น่าจะทำให้ได้รางวัล เมื่อเข้าวงการก็ยังไม่พ้นถูกจับตาเรื่องความรัก ที่ต้องบอกว่าเดินไม่ถึงฝั่งฝัน
" คลิกชมคลิปสัมภาษณ์ โตโน่ ภาคิน "
ดูเหมือนว่าลำเรือแห่งชีวิตที่ผ่านมาโดนพายุถาโถมเข้าใส่แบบไม่หยุดหย่อน จนวันนี้เมื่อพายุสงบลง ลูกผู้ชายสไตล์ตรงๆ ซื่อๆ อย่างเขาได้มีโอกาสเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวชีวิตและบทเรียนหลังเจอมรสุมชีวิต กับ Sanook! Music อะไรที่ช่วยเยียวยารักษาสภาพจิตใจให้กับร็อกเกอร์พูดตรงอย่าง “โตโน่”
ถ้าชีวิตคุณเปรียบเป็นเรือที่ล่องอยู่ในทะเล เรือแห่งชีวิตของคุณเหมือนโดนพายุบ่อยครั้ง ตอนนี้สภาพเรือเป็นอย่างไรบ้าง
ผมเป็นเรือทหาร เป็นเรือเหล็ก ไม่เคยมีคำพูดไหนที่พูดใส่หน้าผม แล้วจะทำให้ผมล้มลงไปกองได้เลยครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นแค่คำพูดของคนที่ยังไม่รู้จักเรา ถ้าต้องใช้ชีวิตปรับตามคำพูดให้ทุกคนถูกใจ เราจะเอาเวลาไหนไปพัฒนาตัวเราเอง เราจะเอาเวลาไหนไปทำเพื่อแม่เพื่อน้อง คนนี้อยากได้ยินแบบนี้พูดแบบนี้ ผมคิดว่าถ้าเรามีความจริงใจ ทุกคำตอบทุกการกระทำมันจะชัดเจนเอง ผมไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวไปกับคลื่นลมที่เข้ามา เลยรู้สึกว่ามันทำอะไรผมไม่ได้
คนภายนอกสัมผัสได้ว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมา ชัดเจน นี่คือตัวตนจริงๆ ของคุณหรือเปล่า
เป็นนะครับ บางทีผมก็เลือกตรง บางอย่างถ้ามันเลือกตรงแล้วกระทบกับคนอื่น ผมก็ไม่เลือกไปแตะไปยุ่ง ไม่พูด คือจะคิดก่อนว่าถ้าสิ่งที่พูดไปกระทบกับตัวเราไม่เป็นไรไม่สนใจ แต่ถ้ามีเรื่องบุคคลที่ 3 จะไม่ค่อยพูด จะคิดเยอะๆ เลือกดูว่าใครที่เราสามารถพูดตรงด้วยได้ ถ้าไม่สนิทไปพูดตรงๆ เดี๋ยวจะไม่ชอบหน้ากัน
เท่าที่ทราบประวัติ ชีวิตคุณต้องสู้มาตลอด คุณเคยน้อยอกน้อยใจในชะตาชีวิตของตัวเองบ้างไหม
น้อยอกน้อยใจไม่เคย แต่เคยไม่พอใจ เคยโกรธฟ้าโกรธดินว่าทำไมต้องให้พ่อผมตาย พ่อเราก็ไม่ได้กินเหล้า สูบบุหรี่ อยู่ดีดๆ เส้นเลือดใหญ่แตกที่แกนสมองตายครับ แต่ก็ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องความยากจนของชีวิต อันนี้ไม่เคย ผมมีความสุขกับทุกๆ ช่วงชีวิตของผม
ที่ผ่านมาคุณโดนกระแสหลายอย่างทั้งเรื่องคุณภาพเสียง ความรัก หรือเรื่องต่างๆ ที่เคยมีข่าวคุณมีวิธีการรับมือกับปัญหาที่เข้ามาอย่างไร
ก็ดูว่าสิ่งที่เค้าพิมพ์มา สิ่งที่เค้าบอกมามันเป็นความจริงไหม อย่างเสียงผมร้องห่วย ผมก็ต้องโดนด่า ถ้าผมร้องดีขึ้นก็อาจจะมีคนชมมากขึ้น เป็นเรื่องที่เราต้องปรับปรุงตัว พอดีผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วไง ผมไม่ได้เรียนร้องเพลงมา ผมไม่ได้มาแข่งเพื่อชนะใคร ผมใช้ชีวิตในแต่ละวันเพื่อชนะตัวผมเอง ให้ผมเก่งขึ้นกว่าเมื่อวาน ให้วันนี้มันดีกว่าเมื่อวาน พยายามพัฒนาทุกด้านไปเพื่อคนที่ผมรัก เพื่อคนดู เพื่อแฟนเพลงของผม ส่วนเรื่องความรักมันเป็นเรื่องที่สังคมไทยให้ความสำคัญ พอคนสนใจ นักข่าวก็ต้องทำข่าวเป็นเรื่องธรรมดา ผมค่อนข้างจะเข้าใจมากกว่า ไม่ได้เครียด แต่มีเบื่อบ้างมายุ่งกับเรื่องความรักของเรา ต้องมาคอยเล่าให้ใครฟัง แต่ถ้ามันมาจากเจตนาดีบางครั้งความคิดดีๆ ที่เรามี หรือว่าความผิดพลาด ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีบางทีมันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจหรือว่าเป็นแบบอย่างให้ใครบ้างก็ได้ ในวันที่เค้าล้ม เค้าอาจจะดูว่าผมก็ล้ม ผมก็เจ็บ ผมก็เป็นคน ผมก็เสียใจ แต่ว่าผมก็ยังอยู่ อาจจะเป็นกำลังใจให้กันได้ครับ
เรื่องที่คนให้ความสนใจมากที่สุดคือเรื่องความรัก ชีวิตคู่ เมื่อชีวิตคู่ของคุณไม่ประสบความสำเร็จ ความรักสอนหรือให้บทเรียนอะไรกับคุณบ้าง
ไม่รู้นะครับ ผมเลือกจำแต่เรื่องดีๆ ครับ ถ้าย้อนเวลาได้ผมก็จะรักครับ ผมมีแฟนมาหลายคนมันก็ไม่แปลกถ้าคนเรามันรักแล้ววันนึงมันจะเลิกกัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจะเลือกจำแต่เรื่องแย่ๆ ของเค้า ตอนเริ่มรัก ตอนที่ได้คิดถึง ตอนที่ได้รักกัน ตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนที่เหนื่อยแล้วได้หนุนตักเค้า เอาไปจำตรงนั้นดีกว่า ยังดีกว่าคนที่ไม่เคยได้ลอง ยังดีกว่าคนที่กลัวแล้วก็เอาประสบการณ์แย่ๆ มาเป็นตัวตั้งที่เราจะไม่ตอนรับคนใหม่ๆ เข้ามา ไม่รู้นะผมก็เป็นแบบนี้แหล่ะ “ เจ็บก็เจ็บดิ แต่อย่างน้อยก็ได้รักแล้ว ”
โตโน่คนที่โสดอยู่ตอนนี้ กับโตโน่คนที่โสดก่อนการผ่านชีวิตคู่ เป็นโตโน่คนเดิมหรือเปล่า
ผมก็ยังเหมือนเดิมเพียงแค่ว่าที่เปลี่ยนไปคือเวลานี้ผมอยากอยู่เฉยๆ ยังไม่อยากให้ใครมาเป็นแฟนผม เมื่อก่อนผมอยากมีแฟน ผมรู้สึกดีเวลาที่เรารักใครแล้วเค้าก็รักเรา มีคนให้คิดถึง มีคนให้งอน ให้ง้อ มีคนไปดูหนัง กินข้าว มันก็มีความสุขกว่าอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้มันแปลกไปคือผมมีความรู้สึกว่างานผมหนัก แล้วคนที่จะเข้ามาในชีวิตผมจริงๆ เขาต้องใช้ความอดทนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าว การใช้ชีวิตแบบปกติ คือมันไม่ปกติไปเดินห้างตัวเค้าเองจะอึดอัด เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราพักบ้าง พักหัวใจแล้วก็ใช้เวลาดูดีๆว่าใครคือคนที่รักเราจริงๆ
บางคนมองว่าสิ่งที่คุณพูดหรือแสดงออกกับผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณมันคือการโชว์ความแมนที่อาจจะไม่ได้ออกมาจากตัวตนของคุณจริงๆ สำหรับคุณๆ คิดอย่างไร
ที่คนเค้าบอกว่าผมต้องโชว์แมนใช่ไหม?! แล้วจะให้ผมโชว์อะไรอ่ะ! ให้ผมเป็นตุ๊ดหรอ? ถ้าผมไม่ปกป้องคนที่เค้าเป็นข่าวกับผม ให้ผมทำยังไง ไม่รู้สิครับ ผมคิดว่าถ้ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ผู้ชายควรทำ ผมก็ทำตามสัญชาติญาณของผม ผมไม่ได้มาคิดหรอกครับว่าอะไรคือแมน อะไรคือไม่แมน เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กพ่อสอนว่าผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง เราก็ให้เกียรติไม่ว่าเค้าจะทำงานอะไรไม่ว่าเค้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเค้าจะใช้คำพูดไหนกับเรา ก็พยายามให้เกียรติเค้าเท่าที่เราจะทำได้ในส่วนของเราครับ
การที่คุณถูกเพ่งเล็งเสมอเพราะคุณเป็นดารา คุณคิดว่าความเป็นดารา ศิลปินสร้างผลกระทบในทางไม่ดีให้กับตัวคุณบ้างไหม
ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติครับ เพราะว่าเราทำงานตรงนี้มันเป็นที่แจ้งมันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะต้องแบกรับความกดดันให้ได้ แต่ถ้าเราลองนึกว่าการที่เราสูญเสียความเป็นส่วนตัว เช่น เราเดินออกมาจากบ้าน ออกไปเดินห้าง เราต้องถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา เราต้องเซลฟี่ แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งนึงนะที่เราจะทำให้เค้ามีความสุขได้ บางทีการที่เราเหนื่อย การที่เราสูญเสียความเป็นส่วนตัว แต่สิ่งที่เราเหนื่อยมันทำให้อีกคนยิ้ม ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่นักแสดง สิ่งที่ดาราควรจะทำไหม แล้วเรามาทำงานตรงนี้ทำไม ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ให้อะไรกับใครเลย ดาราอาจจะกดดันกว่าอาชีพอื่นแต่ว่าเรื่องที่กดดันมากกว่านี้ก็มีครับ ในชีวิตของผมที่ผ่านมา เรื่องนี้เรื่องเล็กครับ
อะไรคือภูมิคุ้มที่คุณใช้เยี่ยวยารักษาสภาพจิตใจของคุณเมื่อต้องเจอปัญหา
ผมมองสิ่งดีๆ ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความรู้สึก ผมมีความรู้สึก เวลาที่ผมเจอกับคำพูดที่มันเจ็บๆ ผมก็เจ็บ แต่เวลาที่ผมนึกถึงสิ่งดีๆ นึกถึงคนที่เค้ารักผม สิ่งพวกนี้เราผ่านไปได้ครับ ไม่รู้ว่าจะมองลบทำไมเนอะ เอาง่ายๆ ถ้าผมจะมาท้อกับคำพูดคน ผมเอาเวลาที่ผมท้อไปนึกถึงแฟนคลับที่เค้าเป็นมะเร็งตอนนี้ดีกว่า ที่เค้ารักผม ที่ผมไปเยี่ยมเค้า วันนี้เค้าได้ยิ้ม ได้หัวเราะกับเค้า ที่เค้าดีใจมีความสุข ผมนึกถึงยังงั้นดีกว่าครับที่ผมจะมาท้อ เรื่องแรงๆ คำพูดคนเราก็เจอมาตลอดชีวิตแล้วล่ะ ไม่มีใครไม่เจอหรอกอยู่ที่ว่าเราจะตอบสนองหรือตอบโต้กับมันยังไงครับ
คุณเคยเป็นนักมวย ทักษะหรือแนวคิดของอาชีพนี้คุณนำมาใช้ปรับกับชีวิตหรือแก้ปัญหากับชีวิตในเรื่องใดบ้างไหม
มีครับ ช่วยได้เยอะเลย ก่อนเราจะเรียนมวยมันต้องมีการไหว้ครู พ่อสอนว่าการที่เราเป็นนักมวยไทย เราต้องเป็นคนยังไงเราต้องเคารพครูบาอาจารย์ เราต้องกตัญญูกับพ่อแม่ แผ่นดิน เราต้องไม่รังแกคนอ่อนแอกว่า ผมก็เอามาปรับใช้ในชีวิตจริง ในเมื่อถ้าเรายังเข้มแข็ง ยังมีแรงอยู่เราปกป้องใครได้ ดูแลใครได้ ให้เกียรติใครได้เราก็ทำ ส่วนในเรื่องของทักษะการต่อสู้เราก็มาใช้ในเรื่องของการแสดงครับ
นอกจากบทบาทของการเป็นคนในวงการบันเทิงแล้ว คุณยังเป็นลูกชายของคุณแม่ของคุณ และเป็นพี่ชายของน้องสาวคุณ สำหรับคนสองคนนี้ หน้าที่ๆ คุณปฏิบัติต่อเขาคืออะไรบ้าง
ทุกอย่างครับ อะไรที่เค้าต้องการก็หาให้ ถ้าเกินตัวก็หาไม่ได้ ถ้าให้ได้ก็ให้ เพราะว่าตัวผมเองผมไม่ได้อยากได้อะไรครับ ของที่ผมอยากได้ผมได้มอเตอร์ไซค์แล้ว นอกนั้นก็ไม่ได้อยากได้อะไร ผมก็กินข้าวกล่อง กินทั่วไปก็อิ่มแล้ว สิ่งที่มีความสุขจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราได้ มันเป็นสิ่งที่เราให้ เมื่อก่อนเราคิดแค่ว่าเราทำยังไงก็ได้ให้แม่กับน้องเรามีความสุข วันนี้มันไม่ใช่แค่แม่กับน้อง วันนี้มีอีกหลายคนที่มีความสุขไปกับผม ผมก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งเป็นพลังด้านบวกให้กับผม เวลาที่เราเจออะไรที่มันกระทบกระเทือนจิตใจเราก็พยายามคิดถึงพวกเค้า คิดถึงวันที่เราเดินมาตั้งแต่เป็นกุ๊ยข้างถนนจนมาถึงเราวันนี้ได้ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ
อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของผู้ชายที่ชื่อโตโน่ และตอนนี้คุณเดินไปถึงจุดไหนแล้ว
ใช้หนี้ให้แม่ให้น้องแล้ว มันเลยจุดที่คิดเอาไว้แล้ว แต่พอมันเดินมาแล้วมันก็ต้องเดินต่อ เรายังมีคอนเสิร์ตที่ต้องเล่นที่เราต้องพัฒนา เราต้องตอบแทนคนดู ให้คนดูมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงานเพลง หรือว่างานละคร ตรงนี้ผมหยุดไม่ได้ครับ ผมต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ไม่มีคนฟังเราร้อง ไม่มีคนมาดูเราเล่นคอนเสิร์ต ไม่มีคนจ้าง มันก็หมดเวลาของพวกเรา ปลายทางมันเกินมาเยอะแล้วครับ ไม่เคยคิดว่าจะมีชื่อเสียง ไม่เคยคิดว่าจะมีคนรัก ไม่เคยตั้งอะไรไว้ แค่เป็นตัวเอง และจริงใจกับสิ่งที่ทำแค่นั้นเองครับ
คุณเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่หลายๆ คนคุณอยากจะฝากอะไรถึงพวกเขาบ้าง
คนที่เราจะต้องเอาชนะมีแค่คนเดียวคือตัวเรา ต่อให้เราเอาชนะเพื่อนเรา เราดังกว่าเพื่อนเรา เรารวยกว่าเพื่อนเรา เราชนะคู่แข่ง แต่เดียวมันก็ต้องมีคู่แข่งใหม่ๆ ขึ้นมา เราจะไม่มีวันมีความสุขเลย และเราจะไม่ได้เก่งจริง แต่ถ้าเกิดเราเอาชนะตัวเองได้ในทุกๆ วันเราจะเป็นคนที่ดีขึ้นครับ ผมว่าโลกนี้มันแก่งแย่งชิงดีกันเยอะแล้ว ลองใช้ชีวิตให้มีความสุขกับคนที่เรารัก กับคนรอบข้าง น้องๆ ที่กำลังตามหาความฝันของตัวเองอยู่ ช่วงเวลาที่เราได้สู้กับตัวเองนี่ละครับมันสนุก จะสมหวังหรือไม่สมหวังเป็นอีกเรื่องนึง แต่อย่างน้อยๆ เราได้สู้แล้วต้องลองครับ
ไม่ว่าใครชีวิตย่อมเคยประสบพบเจอคลื่นลม พายุโหมกระหน่ำเข้าใส่ด้วยกันทั้งนั้น แต่ผู้ที่จะพาตัวเองกลับมาสู่จุดที่ตนเองพึงพอใจได้นั่น เขาอาจไม่ใช่คนเก่ง แต่เขาน่าจะเป็นคนที่ยอมรับ ทำความเข้าใจและเรียนรู้ไปกับเรื่องราวเหล่านั้นเช่นเดียวกับโตโน่ ภาคิน