ปภ.สรุปสถานการณ์น้ำท่วม 12 จังหวัด ทั่วไทย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน 12 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี ลพบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และสุราษฎร์ธานี พร้อมบูรณาการหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยด่วน รวมถึงเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหาย ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง ประกอบกับมีปริมาณน้ำจากฝนตกสะสม ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และน้ำเอ่อล้นตลิ่งใน 12 จังหวัด รวม 33 อำเภอ 137 ตำบล 738 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคกลาง 7 จังหวัด 21 อำเภอ 114 ตำบล 540 หมู่บ้าน ได้แก่
สิงห์บุรี น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภออินทร์บุรี ประชาชนได้รับผลกระทบ 40 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,789 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
อ่างทอง น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าโมก อำเภอเมืองอ่างทอง และอำเภอวิเศษชัยชาญ ประชาชนได้รับผลกระทบ 566 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำระดับเพิ่มขึ้น
พระนครศรีอยุธยา น้ำจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไหลเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร และอำเภอบางปะอิน รวม 71 ตำบล 417 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,382 ครัวเรือน
อุทัยธานี น้ำในแม่น้ำตากแดดเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอบ้านไร่ และอำเภอทัพทัน รวม 8 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 565 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 10,081 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
ลพบุรี น้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี และอำเภอบ้านหมี่ รวม 8 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,040 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 5,000 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลาดยาว อำเภอไพศาลี อำเภอท่าตะโก อำเภอชุมแสง และอำเภอโกรกพระ พื้นที่การเกษตรเสียหาย รวม 420 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ชัยนาท น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในอำเภอสรรพยา รวม 7 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 850 ครัวเรือน 2,250 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 14,962 ไร่ ภาคเหนือ 4 จังหวัด 11 อำเภอ 17 ตำบล43 หมู่บ้าน
พิจิตร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอทับคล้อ ประชาชนได้รับผลกระทบ 20 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
พิษณุโลก น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรในอำเภอบางระกำ ประชาชนได้รับผลกระทบ 343 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,980 ไร่ บ่อปลา 11 บ่อ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
เพชรบูรณ์ น้ำจากแม่น้ำป่าสักเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อำเภอวิเชียรบุรี พื้นที่การเกษตรเสียหาย 130 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
สุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอกงไกรลาศ และอำเภอบ้านด่านลานหอย ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,618 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 40,703 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตรในอำเภอกงไกรลาศ
ภาคใต้ รวม 1 จังหวัด 1 อำเภอ 6 ตำบล 20 หมู่บ้าน ได้แก่ สุราษฎร์ธานี น้ำจากคลองอิปันล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพระแสง รวม 6 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 259 ครัวเรือน 1,155 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับ หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว พร้อมประสานการระบายน้ำกับหน่วยชลประทานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ชุมชน เขตเศรษฐกิจ เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังไปยังพื้นที่รองรับน้ำ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่ประชาชน
รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบน อำนวยความสะดวกในการสัญจรและขนย้ายสิ่งของแก่ประชาชน ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมสาธารณูปโภค และสิ่งสาธารณะประโยชน์ให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย