เปิดโลกลี้ลับ! "ริว จิตสัมผัส" ผู้บรรเทาความทุกข์ดวงวิญญาณ #1
“ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียนรู้เพื่อที่จะช่วยคน การให้ช่วยคนไม่ได้ให้ช่วยแบบอภินิหาร แต่ให้ช่วยด้วยการให้สติและปัญญา และเป็นแบบอย่างให้คนตระหนักถึงบาปบุญคุณ"
จุดเริ่มของจิตสัมผัสที่ "ริว ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์" หรือที่รู้จักกันว่า "ริว จิตสัมผัส" เล่าจุดเริ่มต้นความพิเศษที่ใครเรียกว่า "จิตสัมผัส" ว่ามีมาตั้งแต่เกิด แต่มารู้ครั้งแรกตอน ป.3 เมื่อคืนหนึ่งองค์เทพกวนอูมาเข้าฝันพร้อมกับบอกว่ามีภารกิจร่วมกัน
"คือช่วง ป.3 ผมก็ที่มีชีวิตเหมือนเด็กปกติทั่วไป จนมีวันหนึ่งไปช่วยงานศาลเจ้า กลับมาก็ฝันว่ามีผู้ชายคนหนึ่งหน้าแดงๆ ร่างใหญ่ๆ เข้ามาแล้วบอกว่า “อีกไม่นานเรามีหน้าที่ ที่จะต้องทำร่วมกัน” ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจ จนไปงานศาลเจ้าอีกครั้งก็ไปเห็นรูปปั้น เหมือนที่เคยเห็นในฝันก็เลยได้รู้ว่าท่านเป็นใครท่านก็แจ้งพระนามว่าเรามีนามว่ากวนอู"
"จนผ่านไป ป.6 ริวเริ่มมีอาการกินเนื้อสัตว์ไม่ได้ เห็นทุกอย่างเป็นเลือด ในช่วงเวลานั้นก็เริ่มถูกคนที่บ้านต่อว่าพ่อแม่ก็ไม่มีแล้วยังทำตัวให้มีปัญหา ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกินข้าวกับผลไม้ เช่น กินเงาะกับข้าว ทุเรียนกับข้าว กินเหมือนคนโบราณและหลังจากนั้นมาก็กินเนื้อสัตว์ไม่ได้เลย"
เรียนรู้ความหมายคำว่า "คน นรก สวรรค์"
ในเดือนแรกริวบอกว่าได้ไปเรียนรู้ของคำว่าคนว่าคนเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร แล้วทำไมคนบางคนเกิดมาถึงต้องนอนอยู่ข้างถนน ทำไมต้องทุกข์ แม้กระทั่งตัวเองทำไมถึงเกิดมาไม่มีพ่อแม่ ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ได้เรียนรู้ถึงความทุกข์ของคน ได้ไปเห็นชีวิตคนมากมาย หลังจากนั้นก็ได้เรียนรู้เรื่องของของ "นรก" นรกที่หลายคนเคยกล่าวอ้างไปเห็นมาแล้ว "ท่านกวนอู" ก็ให้เห็นนรกที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
"ถ้าจะบอกว่านรกขุมเจาะปากต้องดูก่อนว่าคนนี้ตอนมีชีวิตอยู่เขาทำกรรมอะไรไว้ เช่น เกิดมาแล้วใช้ปากพูดแต่เรื่องไม่ได้ พูดใส่ร้ายป้ายสีทำให้คนอื่นเดือนร้อนแตกแยกคนพวกนี้ก่อนตายชีวิตเขาหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องราวเหล่านี้ ถ้าเกิดเคยได้เห็นคนใกล้ตายที่เขาเพ้อถึงอดีตที่เขาฝังใจ นั่นแหละคือตัวกำหนดที่เขาจะต้องไปชดใช้ว่าจะต้องไปเกิดเป็นอะไรนรกจึงบังเกิด ณ เวลานั้น เขาอาจจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเพื่อชดใช้กรรม หรืออาจจะเกิดมาเป็นใบ้ นี่คือสิ่งที่ท่านให้เห็นว่าคือนรก"
"สุดท้ายก็ให้เรียนรู้คำว่าสวรรค์ที่คนเรามักจะกล่าวถึงในแต่ละแบบแต่ละศาสนา แต่จริงๆ แล้วท่านก็ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเหมือนกัน เพียงแต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเกิดของแต่ละบุคคลที่คุ้นเคยกับสิ่งนั้น เมื่อเขาเสียชีวิตไปมันก็จะเป็นไปแบบที่เขาเห็นและคุ้นเคย แต่จริงๆ แล้วสวรรค์ก็คือเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ถ้าทำดี ใจเป็นก็สุข ในวันที่เสียชีวิตคนเหล่านี้เมื่อตายจากไปใจจิตเขาสะอาด เขาก็ไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่สะอาดก็จะเป็นสวรรค์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ให้เราไปเรียนรู้ คน นรก สวรรค์"
"ทั้งสามอย่างนี้ท่านให้เรียนรู้ เพื่อให้เรามายืนยันบาปบุญคุณโทษมีจริงเวรกรรมที่เรียกว่าการกระทำมีจริง เพราะฉะนั้นใครที่ดูรายการคนอวดผีหรือว่าเลขอวดกรรม 5-6 ปีที่ผ่านมาผมยังเน้นแต่คำสอนมีแต่คำพูดเพื่อให้คนกลัวบาปบุญคุณโทษเพราะมันคือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา เพราะฉะนั้นจึงยังคงความเป็นริวจนถึงทุกวันนี้ในการที่จะช่วยคนให้เขามีสติมากกว่าเพิ่งพาอภินิหาร"
ผู้ทำหน้าที่บรรเทาทุกข์ "คน-วิญญาณ" ต้องเป็นริว
"ริว จิตสัมผัส" บอกให้ทีมข่าวทราบว่า ท่านกวนอูไม่เคยบอกว่าเพราะอะไร แต่มีครั้งหนึ่งที่จำได้ตอนที่เริ่มมีอาการสมัยเรียนมหาลัยนั่งเรียนหนังสืออยู่ก็มีอาการได้ยินเสียงร้องโหยหวน จนเป็นไมเกรนเหมือนเป็นคนบ้า อยู่ตรงไหนก็ได้ยิน จึงเริ่มเดินสายนี้โดยการขอแม่บุญธรรมเปิดร้านอาหารเจที่สุไหงโกลก แต่เมื่อเขาเปิดร้านก็เริ่มมีอาการหาว ปัสสาวะหรือถ่ายจะออกมาเป็นเลือด ไม่มีแรงขายของไม่ได้
"อาการเหล่านี้ผมได้รู้ว่าเกิดจากเจ้าที่บอกเขาว่าหน้าที่ของเด็กคนนี้ไม่ใช่มาหาเงินแบบนี้ จึงไม่ยอมให้เรามาทำมาค้าขาย แล้วหลังจากนั้นพอผมฟื้นขึ้นมาผมก็เล่าให้ทุกคนฟังว่าท่านกวนอูพาผมไปที่หนึ่ง ก็ไปเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งใส่จีวรสีดำๆ และก็นั่งสมาธิมีแผ่นศิลา และในเสียงนั้นถามผมว่าเธอรู้ไหมว่าพระรูปนี้ท่านเป็นใคร ผมก็บอกผมไม่รู้ เขาก็บอกว่านั่นแหละคือเธอ แต่ผลกรรมที่เธอทำไว้ทำให้เธอไม่สามารถหลุดพ้นได้"
"ในชาตินี้เธอถึงจะต้องเกิดมาเพื่อที่จะสานต่อในสิ่งที่ตัวเองต้องทำผมรู้อยู่แค่นั้น จนวันหนึ่งผมมีโอกาสไปวัดเล่งนี่หยี่ จะเห็นว่ามีการวางรูปปั้นพระอยู่สองพระองค์หน้ารูปปั้นพระพุทธเจ้า ก็คือมีท่านกวนอูกับองค์อุ้ยท้อผ่อสัก ผมก็เลยไปถามพระว่าทำไมถึงต้องวางรูปปั้นท่านกวนอูไว้อยู่ข้างหน้า ท่านก็บอกว่าในยุคนี้ท่านกวนอูได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิทักษ์พระศาสนา ผมก็เลยมาคิดว่าหน้าจะเป็นเพราะมีหน้าที่ๆ ตรงกันก็เลยถึงให้ได้มาทำตรงนี้"
"ริว จิตสัมผัส" คนเห็นดวงวิญญาณ
ริวเล่าว่าตัวเองนั้นเห็นดวงวิญญาณตั้งแต่เด็กแต่แค่ไม่รู้ว่าหน้าที่ต้องทำอะไร เพราะยังเด็กในการที่จะแยกแยะตัวเองระหว่างความจริงกับสิ่งที่เห็นอย่างเช่นตอนเด็กๆ ที่ตนนั้นปากเสียเวลาไปโรงพยาบาลแล้วเห็นหน้าผากใครมีคำว่าตายขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะบอกคนนี้อีกกี่วันจะตายและที่ผ่านมาในชีวิตมีจำนวน 11 คนที่ริวได้เคยบอกและก็ตายทั้งหมด
"จนวันหนึ่งผมจึงโดนเตือนอะไรก็ตามที่คนเราไม่ควรยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง เพราะหน้าที่ของการเป็นคนก็คือการทำความดีไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของใคร หลังจากนั้นมาริวพยายามที่จะห่างและก็ไม่ทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ควรได้ทำ ส่วนลักษณะวิญญาณที่เห็นก็แล้วแต่บุคคลอย่างถ้าเขาตายด้วยอุบัติเหตุและเราไม่เคยรู้จักเขาเลย เขาก็จะมาในสภาพแบบนั้นให้เราเห็น เพราะนั้นคือภาพจดจำสุดท้ายที่สามารถยืนยันกับคนในครอบครัวเขาได้ บางดวงก็มีมาแค่เสียงมาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองเพราะเขาอาจมีความรู้สึกผิดต่อคนในครอบครัวหรือคนที่เขารักผูกพันจากประสบการณ์ที่ผ่านมา"
ความทุกข์ที่ "ดวงวิญญาณ" มักร้องขอให้ช่วย
ในส่วนของความทุกข์ที่วิญญาณมาร้องขอให้ช่วยนั้น "ริว จิตสัมผัส" บอกว่า "ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคนในครอบครัวที่พื้นฐานครอบครัวในปัจจุบันอ่อนแอ พ่อแม่หลายคนอยู่บนสังคมการดิ้นรนมากขึ้น การทำมาหากินเป็นตัวบีบบังคับให้ไม่มีเวลาให้กับลูกและคนในครอบครัว เวลาที่หลายคนจากไปอย่างกะทันหัน อย่างเช่น พ่อประสบอุบัติเหตุหรือลูกถูกฆ่าตายมันเลยกลายเป็นดวงวิญญาณ"
"ส่วนใหญ่รู้สึกเสียใจกับการที่เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่เขาไม่มีโอกาสทำอะไรให้กับคนที่เขารัก มันจึงกลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้มนุษย์เรารู้ว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ควรทำอะไรให้แก่กัน และถ้าสังเกตในรายการที่ผ่านมามักจะเป็นเรื่องราวของพ่อแม่และลูกที่เคยทำผิดต่อกันและก็มาเพื่อบอกกล่าว"
"ริว จิตสัมผัส" ทำไมต้องคุยกับหัวไหล่ตัวเอง
ในส่วนของประเด็นนี้ริวเสริมขึ้นว่าคนที่ตายจากไปส่วนใหญ่เป็นวิญญาณทุกข์ทรมานเพราะที่มาในรายการคนอวดผี ไม่มีคนไหนหรือดวงวิญญาณไหนที่มาแล้วหัวเราะมีความสุขกับการตาย ดวงวิญญาณเหล่านั้นมีความทุกข์ เวลาที่เขาตายอย่างทรมานการที่เขาจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ยาก ก็เหมือนเวลาที่เราทุกข์มากๆ ไปเล่าเรื่องให้ใครฟังเราก็จะร้องไห้ฟูมฟายเล่าไปร้องไห้ไปจึงต้องใช้สติในการฟัง
"สังเกตเก้าอี้พิธีกรที่เรียงอยู่ซ้ายมือผมพิธีกรจะนั่งเรียงต่อๆ กัน ฉะนั้นที่ว่างอยู่เขาจึงมานั่งคุกเข่าเพื่อที่จะเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟัง ตนจึงต้องเอนตัวไปตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาจะบอก เพราะการนำเสนอตนทราบว่ามันคือดาบสองคม การออกอากาศแล้วพูดอะไรไปตามอำเภอใจ ซึ่งผู้ชมก็ไม่ได้เห็น จริง ฉะนั้นการที่เราทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างพิธีกรหรือทุกข์ของชาวบ้านที่นั่งอยู่ข้างหน้า และดวงวิญญาณที่คุกเข่ารายงานถึงเรื่องราวของเขาจึงต้องใจฟังอย่างละเอียด"
"ถ้าใครสังเกตในรายการพิธีกรถามอะไรก็ตามจะถามคำผมจะตอบคำ จะไม่กล้าตอบอะไรไปกว่าที่เราได้ยิน ฉะนั้นดวงวิญญาณที่เขาทุกข์เสียงโหยหวนและความทรมานของเขาตรงนั้นมันจะเป็นเสียงที่เล็กมาก เราจึงต้องตั้งใจฟังความทุกข์ของเขาและประมวลคำพูดให้เหมาะสมเพื่อถ่ายทอดเพราะบางดวงวิญญาณที่มาด้วยความแค้นมันมีทั้งคำสาปแช่งมีทั้งกูมึงซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันออกอากาศถ่ายทอดไม่ได้"
อย่าเอาความ "ยุติธรรม" ผูกติดกับ "ความเชื่อ"
ริวบอกกับทีมข่าวว่าอะไรที่เกี่ยวกับคดีความเราไม่มีสิทธิแตะต้อง หลายคนบอกว่าทำได้ขนาดนี้ทำไมไม่เป็นตำรวจเลย ก็เพราะว่ามนุษย์เรามีกฎแห่งกรรมซึ่งกันและกัน ตัวผมเองถึงจะรับรู้อะไรได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไปยุ่งสิ่งเหล่านั้นได้ อันนี้ในหลักความเชื่อ แต่ในหลักความเป็นจริงผมยังคงต้องดำรงความศักดิสิทธิ์ของกฎหมาย อย่าให้เครื่องหมายของตำรวจที่คงความยุติธรรมต้องกลายเป็นเรื่องราวที่ผูกพันอยู่กับความเชื่อ
“ผมมีกฎชัดเจนว่าผมบรรเทาทุกข์เฉพาะเรื่องที่คนที่ตายจากไป ยังติดค้างกับคนในครอบครัว ส่วนเรื่องของคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่จองคนในครอบครัวพึ่งกฎหมายไม่ใช่มาพึ่งเรา ถ้าต่อไปคนแบบริวอยู่เหนือกฎหมายประเทศนี้โลกนี้ก็คงต้องไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องมีกฎหมาย นั่นหมายความว่าคนอย่างริวจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม มันไม่ถูกต้องเราคงต้องเคารพให้ความสำคัญกับกฎหมายและเจ้าหน้าที่ตำรวจ"
"ทองแท้ทำไมต้องกลัวไฟ" ตลอดเวลาที่ผ่านมา 5-6 ของการเป็น "ริว จิตสัมผัส" ในรายการคนอวดผี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าริวนั้นมักเจอกระแสโจมตีในเรื่องการมีจิตสัมผัสด้านลบจนถึงขั้นโดนกล่าวหาว่าเอาความเชื่อเรื่องวิญญาณมาหากิน
"ท่านกวนอูบอกว่าถ้าทองแท้ทำไมต้องกลัวไฟ ถ้าเราไม่ได้ทำผิดเราก็ไม่ต้องโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น สังคมในทุกวันนี้เพราะทุกคนต่างพูด ต่างแสดงความคิดเห็นแต่ก็ไม่ได้ยอมรับในสิ่งที่พูดมันก็เลยเกิดความวุ่นวายในสังคม ถ้าเกิดเราเตี๊ยมสักวันหนึ่งคนที่เขามาออกรายการเขาก็คงมาเขียนด่าเราเอง เราจะไปแคร์อะไรกับคนที่เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ริวจึงไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น"
"ทุกวันนี้เข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว โปรดิวซ์เซอร์รายการก็ยังทดสอบริวจนถึงทุกวันนี้ กระแสต่างๆ วิจารณ์อะไรมาผมจึงไม่โต้ตอบเถียงอะไรเพราะผมถือว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดเป็นธรรมดา เพราะถ้าริวเป็นคนที่ดูรายการริวก็คงคิดเหมือนกันรายการมีการเตรี๊ยมหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วผมก็อยากให้คนดูๆ ที่บริบทของเนื้อหาด้วยว่ารายการมันสอนอะไรมากกว่า เพราะจริงๆ ริวไม่ได้ทำมาหากินเอาเรื่องพวกนี้ไปดูดวงหรือไปรับเงินใคร"
ดูดวงตรวจดวงชะตา "ริวจะไม่ยุ่ง"
"ผมไม่ยุ่งกับเรื่องของคนที่ชอบเสพติดการดูดวง ฉะนั้นเวลาหลายคนที่เจอริวข้างนอกจะรู้สึกทำไมริวดุจังหรือริวแทบจะไม่ให้โอกาสได้คุยเลย เพราะเรารู้ว่าคุณเขามาแค่ต้องการแค่เรื่องดูดวง ผมจึงพยายามทำให้เห็นว่าผมไม่สนับสนุนการดูดวงเพราะถ้าผมสนับสนุนผมคงเปิดสำนักรับดูดวงแล้วคุณไม่ต้องมาหาหรอก"
"เราคงไม่ต้องรอให้คุณต้องมานั่งขอร้องเพราะเราอยากได้เงินของคุณ ถึงเป็นริวก็ไม่ได้ความว่าดูดวงตัวเองแล้วจะประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่การกระทำของตัวเองด้วยจึงเป็นที่มาของคำว่าริวจะไม่ยุ่งที่กลายเป็นวลีฮิตซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าฮิตตอนไหน"
แต่ถ้าผมเห็นขนาดนั้นผมคงแต่งตั้งตัวเองเป็นสถาบันริวแห่งชาติตำรวจคงไม่ต้องทำงาน มีอะไรก็ริวทำอยู่คนเดียว ผมไม่ใช่ผู้ที่ลิขิตชีวิตใคร เพียงแต่ผมมีหน้าที่ทำให้ระหว่างคนที่จากไปและมีสิ่งที่เขาทุกข์หรือตอนมีชีวิตอยู่เขาทำบาปกรรมอะไรไว้และได้รับโอกาสมาบอก ก็แค่ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้รู้ว่าเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ คนเราควรรักกันและให้อภัยกัน เมื่อมีชีวิตอยู่คนเราควรทำความดีเพราะเมื่อคุณจากไปแล้วคุณอยากทำอะไรคุณก็ไม่สามารถทำได้"
และนี่เป็นทั้งหมดของการการเปิดใจ "ริว จิตสัมผัส" ในบทบาทผู้บรรเทาความทุกข์ดวงวิญญาณ สำหรับสัปดาห์ทีมข่าว Sanook News จะพาไปพูดคุยกับ "ริว จิตสัมผัส" เรื่องการทำแท้ง กรรมจากทำแท้งบาปจริงหรือไม่ และเรื่องนี้ริวจะกลับมาเคลียร์ทุกข้อสงสัยฉะนั้นโปรดติดตาม……