ศัลยกรรมทำพิษ! เปิดใจสาวก้นเน่าเกือบตายเพราะฉีดฟิลเลอร์
เหตุการณ์ผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้วที่เธอต้องนอนรักษาตัวกับอาการก้นเน่า หลังจากไปทำศัลกรรมฉีดฟิลเลอร์ที่ก้นในคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งผลจากการศัลยกรรมครั้งนี้ทำให้เธอติดเชื้อในกระแสเลือดจนก้นเน่าเกิดเป็นเนื้อตายต้องอดทนนั่งดมกลิ่นเนื้อเน่าของตัวเองที่เหมือนกับกลิ่นศพมานานหลายปี
จนต้องตัดเนื้อที่ก้นทิ้งเกือบทั้งหมดกลายเป็นโรคซึมเศร้าเกือบฆ่าตัวตาย ซ้ำร้ายเงินที่เก็บหอมรอมริบมาตลอดทั้งชีวิตต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลและยังเป็นหนี้โรงพยาบาลอีกกว่า 500,000 บาท
ซึ่งเธอได้เปิดใจกับรายการ "เรียงข่าวเล่าเรื่อง" ทางช่อง Sanook.com ออกอากาศในแอพลิเคชั่น VOOV ถึงเรื่องราวทั้งหมด พร้อมเผยสาเหตุทำไมที่เธอไมได้รับการดูแลเท่าที่ควร
คุณพัทเล่าว่า “เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาได้ตัดสินใจไปทำศัลยกรรมที่ก้นเพราะอยากมีก้นที่งอนสวยงาม คุณหมอจึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าที่ก้นเพราะใช้ของดีมีคุณภาพไม่มีผลข้างเคียงไม่มีปัญหาใดๆ แต่พอหลังจากที่ฉีดเข้าไปแล้วก็เกิดอาการแพ้เริ่มจากเป็นผื่นแดงก่อนจะกลายเป็นจุดดำๆ เกิดขึ้นที่ก้นทำให้เนื้อตาย โดยอาการจะเริ่มจากเป็นฝี
คือช่วงแรกๆ ก้นบวมไม่สามารถนั่งได้จึงเข้าไปปรึกษาคุณหมอและคุณหมอให้เข้าไปหาที่คลินิกเพื่อจะฉีดยาแก้อักเสบให้และให้ยาแก้อักเสบมารับประทานที่บ้าน หลังจากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น แต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ก็กลับมาเป็นอีกซึ่งอาการหนักกว่าเก่าความดันเหลือแค่ 30 คุณหมอก็ยังไม่ส่งโรงพยาบาลแต่ทำการผ่าตัดเอง
ซึ่งหมอรับผิดชอบด้วยการรักษาเองจากในภาพจะเห็นว่าก้อนเนื้อที่เว้าเข้าไปคือฝีมือของหมอที่ผ่าตัดมากว่า 3 ปี จนแผลไม่สามารถเย็บปิดได้ เหมือนยิ่งทำก็ยิ่งแย่ลงต้องมานั่งบีบหนองออกจาก้นมากว่า 3 ปีกว่า ชีวิตได้รับความลำบากมากต้องใส่แพมเพิร์สตลอด อาบน้ำก็ไม่ได้
เวลาไปไหนมาไหนก็ต้องเสริมผ้าก็อตหนาๆเพราะหนองมันไหลออกมาตลอดเวลาและมีกลิ่นรบกวนคนอื่น ซึ่งกลิ่นมันเหม็นคล้ายซากเน่าหรือกลิ่นศพ จนทำให้คนรอบข้างไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพื่อนก็หนีหายไปหมดเพราะคิดเราเป็นโรคร้าย ซึ่งเราก็ไม่สามารถบอกความจริงได้กลัวเพื่อนรังเกียจ
ด้านการดูแลคลินิกได้ตกปากรับคำว่าจะดูแลอย่างดีไปตลอดชีวิตเพราะกลัวเราฟ้องเรื่องลูกก็จะดูแล ซึ่งหลักฐานเราเก็บไว้หมด และระยะที่ผ่านมากว่า 5 ปีแล้วทางคลินิกไม่ได้ดูแลเราอย่างที่รับปากไว้เลย มีแค่ค่ารักษาเพียงเล็กน้อย ส่วนค่าดำรงชีวิตค่าเสียโอกาสไม่ได้ดูแลเราเลย
เราจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลข้างนอกซึ่งตอนนั้นติดเชื้อในกระแสเลือดอยู่ในห้องไอซียู 4 วันไม่ได้สติ หมอโรงพยาบาลก็ไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากว่าความดันต่ำเกินไปและคุณหมอไม่ยอมให้เราหลับเพราะกลัวเราเสียชีวิต
ซึ่งรักษาที่โรงพยาบาลข้างนอกแผลก็เริ่มดีขึ้น แต่ก้นยังเป็นรอยเย็บและปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถนั่งเหมือนคนปกติทั่วไปได้ เงินที่เก็บรักษมาตลอดชีวิตต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ปัจจุบันก็ไม่สามารถทำงานได้และยังเป็นหนี้โรงพยาบาลอีกกว่า 500,000 บาท หลังจากรักษาที่โรงพยาบาลนี้กว่าครึ่งปี
"สุดท้ายนี้อยากให้เคสของตัวเองเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่มีความคิดกำลังจะศัลยกรรมให้พิจารณาดีๆ"
"ส่วนเรื่องคดีก็ไม่มีความคืบหน้าเท่าไหร่ไปได้ร้องเรียนไปหลายสื่อแล้วแต่เรื่องก็เงียบ การสู้คดีกับคนที่มีเงินรู้สึกว่าลำบากมาก” คุณพัทกล่าวทิ้งท้าย