สะเทือนขวัญ! ย้อนดู 5 คดีพ่อเลี้ยงโหดทำร้ายลูกเลี้ยงเสียชีวิต
เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยเมื่อการทำร้ายร่างกายเด็กในยุคปัจจุบันกลายเป็นข่าวไม่เว้นแม้แต่ละวัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเด็กตัวน้อยๆ เหมือนผ้าขาวที่ไม่มีทางสู้จะถูกผู้ใหญ่ใจยักษ์ทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิต และเหตุอาชญากรรมทำร้ายเด็กส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยส่วนมากผู้ที่กระทำมักจะเป็นพ่อที่ไม่ใช้พ่อแท้ๆ เพราะถ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆของตนเองคงไม่แสดงพฤติกรรมอันป่าเถื่อนเช่นนี้
ดังเช่นกรณีล่าสุดเมื่อพ่อเลี้ยง กับแม่แท้ๆ ฆ่าน้องรุ้งวัยเพียง 10 ปี และนำศพถ่วงน้ำคลองสำโรงเพื่ออำพรางคดี ก่อนถูกตำรวจรวบตัวได้ในที่สุด ซึ่งนายวจะรัน พ่อเลี้ยง และ น.ส.สุภาพร มารดา รับสารภาพว่าหลังจากรับน้องรุ้งมาอยู่ได้ 3 เดือน ก็เริ่มทุบตีน้องรุ้งตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.60 ที่ผ่านมา
ซึ่งหาเหตุที่ตีน้องทั้งคู้อ้างว่าเพราะน้องดื้อและชอบโกหก และเวลาไปทำงานก็จะกักขังน้องรุ้งไว้ในห้อง พร้อมกับบุตรสาวอีกคนวัย 3 ขวบ จนกระทั่งคืนวันที่ 9 มิถุนายน 60 พ่อเลี้ยงได้กลับมาที่ห้องเช่า ก็พบว่าน้องรุ้งนอนเสียชีวิต จึงโทรศัพท์บอกภรรยา ก่อนที่ภรรยาจะตัดสินใจนำลูกสาวไปถ่วงน้ำเพื่ออำพรางคดีก่อนจะหลีบหนีไปและถูกจับในที่สุด
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่คดีแรกที่เกิดขึ้นที่ผ่านมายังมีคดีพ่อเลี้ยงสุดโหดทำร้ายลูกเลี้ยงเสียชีวิตที่น่าสะเทือนขวัญเช่นนี้ ย้อนดู 5 คดีพ่อเลี้ยงโหดทำร้ายลูกเลี้ยงเสียชีวิต
พ่อเลี้ยงตีนโหดอ้างเมาขาดสติกระทืบลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบดับอนาถ
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2558 หลังจากโลกออนไลน์ได้แชร์ภาพจากวงจรปิดที่ปรากฏภาพการชายคนหนึ่งทำร้ายร่างกายเด็กอย่างทารุณ ทั้งเตะทั้งต่อยรวมทั้งจับเด็กทุ่มลงพื้นทั้งตัวจนสลบแน่นิ่งไป หลังจากเกิดเรื่องทางพ่อเลี้ยงได้อ้างกับแม่เด็กว่าน้องฟานตกบันไดได้รับบาดเจ็บไม่ต้องพาไปหมอ
สุดท้ายป้ารีบพาหลานส่งโรงพยาบาลพบว่าน้องฟานสมองบวม ตามร่างกายมีแผลฟกช้ำหลายแห่ง มีเลือดคั่งในสมอง ปอดฉีกและซี่โครงหัก อยู่ในห้องไอซียูเพียง 2 วัน ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมพ่อเลี้ยงตีนโหดผู้ต้องหาคือนายอานนท์ หรือแจ๊ค อายุ 29 ปี ซึ่งให้การรับสารภาพว่า
“วันเกิดเหตุนั่งดื่มสุรากับเพื่อนที่ชั้น 2 จนมีอาการมึนเมา ขณะนั้นน้องฟานได้วิ่งร้องไห้เสียงดังลงมาหา จึงโมโหจนขาดสติและเข้าทุบตีทำร้ายร่างกายน้องฟาน ส่วนแม่น้องฟานพักผ่อนนอนหลับอยู่ที่ขึ้น 4 จึงไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นได้พาน้องฟานไปหานางสุภานนท์พร้อมทั้งออกอุบายว่าเด็กตกบันไดจนนอนแน่นิ่งกระทั่งมาเสียชีวิตในเวลาต่อมา”
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัตินายอานนท์ย้อนหลัง พบว่าไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และยังเคยพัวพันกับคดียาเสพติดอีกด้วย
พ่อเลี้ยงหัวร้อนฟาดลูกเลี้ยงวัยขวบเศษตายคามือบังคับแม่ให้อุ้มลูกไปโยนทิ้งที่ป่าริมเขา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัว นายเอกพันธ์ อายุ 29 ปี มาสอบสวนข้อเท็จจริง หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย ก่อเหตุฆาตกรรมลูกเลี้ยงวัยขวบเศษ
ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า “ช่วงเกิดเหตุอาศัยอยู่กับลูกเลี้ยงเพียงลำพัง แต่ปรากฏว่าเด็กส่งเสียงร้องไห้งอแงไม่หยุด พยายามสั่งให้หยุดร้องไห้แต่ก็ไม่เป็นผล จึงได้คว้าไม้ขนไก่มาฟาดตีใส่ที่ใบหน้าเด็กอย่างแรง กระทั่งเด็กล้มนอนแน่นิ่งไป”
ทั้งนี้ยังมีอีกข้อมูลที่น่าตกใจเมื่อแม่เด็กคือ น.ส.สุดารัตน์ เปิดเผยว่าได้รู้จักกับ นายเอกพันธ์ ผ่านทางเฟซบุ๊กประมาณ 1 เดือนเศษ ก่อนจะออกมาอยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมามักเห็น นายเอกพันธ์ ทำร้ายลูกสาวบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่กล้าห้ามเพราะกลัวจะถูกทำร้ายไปด้วย
ในวันเกิดเหตุตนออกไปซื้อนมให้ลูก แต่เมื่อกลับมาก็พบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ด้วยความกลัวจึงโทรศัพท์กลับไปบอกแม่ก่อนจะถูกยึดโทรศัพท์ไว้ และถูกบังคับให้เอาศพลูกไปโยนทิ้งที่ป่าริมเขาดังกล่าว
นับว่าเป็นอีกคดีที่น่าสะเทือนใจเป็นย่างยิ่งเด็กวัยเพียงขวบเศษต้องมาจบชีวิตเพราะน้ำมือพ่อเลี้ยงขี้โมโห และเหตุการณ์นี้คงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจได้อย่างดีว่าก่อนจะคบใครต้องศึกษานิสัยใจคอเขาให้ดีเสียก่อน
พ่อเลี้ยงหื่นวิปริตข่มขืนเด็กขวบเศษ แม่แท้ๆกรอกน้ำร้อนลูกอาการปางตาย
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาหลังจากที่ รพ.แหลมฉบัง แจ้งว่าได้รับการรักษาอาการ เด็กหญิง อายุ 1 ปี 5 เดือน ในสภาพมีร่องรอยบาดแผลที่อวัยวะเพศ แขนขาหัก ผิวหนังบวมพอง และบริเวณปากถูกน้ำร้อนลวก อาการสาหัส
จนนำไปสู่การจับกุมพ่อเลี้ยงคือ นายปิยะ อายุ 21 ปี ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกาย และนางนิด อายุ 21 ปี สัญชาติกัมพูชาในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ซึ่งพ่อเลี้ยงรับสารภาพว่า “ได้ลงมือข่มขืนลูกเลี้ยงและทำร้ายร่างกายเพราะอารมณ์ชั่ววูบไม่ได้เมาหรือเสพยาบ้าแต่อย่างใด ส่วนบาดแผลบวมพองตามใบหน้าและร่างกาย เกิดจากผู้เป็นแม่โมโหที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด จึงใช้น้ำร้อนราดที่ใบหน้าและลำตัว”
ด้านนางนิดแม่ของเด็กอ้างว่า “วันที่ 21 กรกฎาคม ขณะกลับจากไปซื้ออาหารกลางวัน พอกลับมาที่แคมป์ก่อสร้างที่ทำงาน ก็พบว่านายปิยะนอนอยู่ห้อง และพบว่าลูกสาวมีเลือดออกที่อวัยวะเพศต่อมาวันที่ 24 นายปิยะได้ทำร้ายลูกสาว
ตนจึงเข้าห้าม จนนายปิยะกระชากแขนเด็กอย่างแรง แต่ตนพยายามต่อสู้ จนคว้าลูกกลับมาได้โดยไม่รู้ว่าลูกแขนขาหัก ขณะลูกสาวร้องไห้ ตนได้ต้มน้ำร้อนแล้วกรอกปากให้กินโดยไม่รู้ว่าน้ำร้อน จนลูกสาวแน่นิ่งไป”
ซึ่งคดีนี้สร้างความสลดใจให้กับสังคมยิ่งนักไม่น่าเชื่อว่าพ่อเลี้ยงจิตวิปริตรายนี้จะสามารถกระทำกับเด็กวัยขวบเศษได้ลงคอ และที่สำคัญผู้เป็นแม่น่าจะตรวจเช็คอุปกรณ์ให้ดีกว่านี้เพราะน้ำในมือตอนถือไม่รู้ว่าร้อนหรืออย่างไร
ความรักบังตาแม่แท้ๆพาพ่อเลี้ยงโหดหนีหลังทำร้ายลูกเลี้ยงดับ
คดีโหดสะท้อนสังคมเมื่อความรักสำคัญกว่าลูกในไส้ วันที่ 11 พฤษภาคม 2560 จากกรณีที่พ่อแท้ๆของน้องวัย 2 ขวบ 7 เดือนได้เข้าไปอายัดศพและเข้าแจ้งความถึงการเสียชีวิตของลูกชายหลังจากที่แม่แท้ๆ กำลังเผาศพลูกชายอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากการผ่าพิสูจน์ร่างของเด็กชายพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเพราะตับแตก และจากการตรวจร่างกายพบรอยฟกช้ำหลายแห่งคล้ายการถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของพ่อเลี้ยง
และพ่อเลี้ยงคือนายพิพิธธน อายุ 22 ปีได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงแต่อย่างใดเพียงแต่เกิดจากอุบัติเหตุที่น้องลื่นล้มในห้องน้ำเท่านั้นเอง แต่หลังจากที่ตำรวจสอบเค้าอย่างหนักจึงให้การยอมรับสารภาพว่า
“ที่ทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงเพราะโมโหที่มาอุจจาระเลอะใส่ที่นอนตอนเช้ามืด ทำให้มือของตัวเองไปโดนอุจจาจะลูกเลี้ยง จึงจับลูกเลี้ยงเหวี่ยงกระแทกในห้องน้ำและเข้าไปทุบตีซ้ำ ขณะที่แม่เด็กไม่ติดใจเอาความใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายพิพิธธนเคยทำร้ายร่างกายพ่อตาของตัวเองอีกด้วย ซ้ำร้ายแม่ของเด็กยังเชียร์ให้สามีทำร้ายพ่อตัวเองและทั้งคู่ยังหนีไปด้วยกันหลังจากได้ประกันตัวจากศาล
เหตุการณ์นี้ต้องยอมรับว่าความรักบังตาจริงๆ ที่ทำให้แม่ยอมสามีใหม่ได้ทุกเรื่องแม้กระทั่งทำร้ายลูกตัวเองถึงเสียชีวิตที่สำคัญยังพากันหลบหนีไปอย่างลอยนวล
พ่อเลี้ยงรักเหมือนลูกแต่รำคาญเสียงร้องตบที่ท้อง 3 ทีลูกเลี้ยงเสียชีวิต
คดีนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ของทาสอารมณ์และลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบต้องตกเป็นเหยื่อของพ่อเลี้ยงขี้รำคาญ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 60 นายจิรันตน์ อายุ 24 ปี พ่อเลี้ยง ได้นำเด็กมาส่งโรงพยาบาลโดยอ้างว่าเด็กจมน้ำ ก่อนให้คนขับรถจักรยานยนต์มารับหลบหนีไป
ซึ่งแพทย์ได้ตรวจพิสูจน์พบว่าเด็กมีอาการตับอ่อนแตก เลือดไหลในช่องท้องและมีเลือดคั่งในสมอง คาดว่าอาจถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุม นายจิรันตน์ พ่อเลี้ยง ซึ่งให้การรับสารภาพว่า
“เป็นคนลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกเลี้ยงจริง โดยในวันเกิดเหตุ อยู่กับลูกเลี้ยงเพียงลำพัง 2 คน และ ด.ช.ระพีภัทร ร้องไห้ไม่หยุด จนตนเองรำคาญและโมโห จึงใช้มือเหวี่ยงไปโดนที่ท้องอย่างรุนแรง 3 ครั้ง เพื่อให้หยุดร้อง หลังจากนั้นเด็กก็เงียบ แต่ก็ยังไม่หมดสติตนเห็นท่าไม่ดี จึงนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังก่อเหตุกลัวความผิดจึงหลบหนีไป แต่ยืนยันว่ารักเด็กเหมือนลูก ไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชีวิต ที่ทำลงไปเพราะคืนก่อนเกิดเหตุ ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนกลับมาแล้วง่วงนอนจึงทำให้โมโหรำคาญง่ายและก่อเหตุในที่สุด ตนได้จุดธูปขอขมาที่ทำให้เสียชีวิต และจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศล”
คดีนี้ต้นเหตุมากจากพิษสุราและความโมโหร้ายทำให้พลั้งมือทำร้ายเด็กจนเสียชีวิตเพราะรำคาญเสียงร้องสุดท้ายเด็กก็ต้องกลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของคนขาดสติที่ขึ้นชื่อว่าพ่อเลี้ยง
คดีการทำร้ายร่างกายเด็กนับวันยิ่งจะทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งคงมาความใจร้อนและขี้โมโหของผู้ต้องหา ยิ่งมีเหล้าหรือยาเสพติดมาเกี่ยวข้องด้วยแล้วความยับยั้งช่างใจยิ่งลดน้อยถอยลงไป
หากย้อนเวลากลับไปได้ผู้ต้องหาทั้งหลายก็เคยช่วงชีวิตวัยเด็กมาแล้วทั้งสิน หากโดนกระทำโดยที่ไม่สามารถโต้ตอบได้แบบที่ลูกเลี้ยงโดนบ้าง บรรดาเหล่าพ่อเลี้ยงใจโฉดโหดเหี้ยมทั้งหลายคงจะไม่กล้าแม้จะคิดรังแกเลยสักนิดเดียว