ยูโร 2016 : เรื่องเก่าเล่าใหม่ (โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)
หนึ่งเดือนเต็มๆนะครับ ที่ฟุตบอลยูโร 2016 อยู่กับพวกเราและให้ความสุขกับคนทั่วโลก แชมป์ตกเป็นของทีมชาติ โปรตุเกส เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“ยูโร” เที่ยวนี้คือปรากฏการณ์ทำให้เราได้เห็น เรื่องเก่าที่ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อยู่หลายอย่าง แรกเลยคือเรื่อง “แทคติก” การเล่น
ระบบที่ว่าตายไปแล้วอย่าง 3-5-2 ถูกทีมอย่าง เวลส์ และ อิตาลีปัดฝุ่นใช้งานอย่างได้ผล เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 ตัวของเวลส์อย่าง เจมส์ เชสเตอร์-แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์-เบน เดวิส เล่นกันได้อย่างเหนียวแน่นเฉกเช่นเดียวกับ อังเดร บาซายี่-ลีโอนาร์โด โบนุชชี่-จอร์โจ้ เคียลลินี่ ของทีมอัซซูรี่
แม้แต่เยอรมนีเอง ก็ยังแอบนำมาใช้ระบบนี้อยู่ 1 นัดเหมือนกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เลิฟ ให้ เบเนดิกต์ โฮเวเดส-เจโรม บัวเต็ง-มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ เล่นเป็น 3 ประสานในแนวหลัง
ฝรั่งเศส เองก็ประสบความสำเร็จพอควร ได้เข้าชิงกับระบบที่เขาว่ากันว่าล้าสมัยไปแล้วเช่นกันอย่าง 4-4-2
ประเด็นการเพิ่มทีมจาก 16 เป็น 24 ซึ่งเอารูปแบบการจัดของฟุตบอลโลกปี 1982 มาใช้ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่าง โยอาคิม เลิฟ นายใหญ่ “อินทรีเหล็ก” ออกมาค้าน เพราะมองว่าทำให้นักเตะกรอบ และทำให้แต่ละนัดลดคุณค่าลงไป
เธียร์รี่ อองรี ก็ออกมาค่อนขอดระบบการแข่งขัน ที่ปล่อยให้ โปรตุเกส ซึ่งเป็นแค่ที่ 3 ในรอบแรก โดยไม่ชนะใครเลย ขึ้นมาเป็นแชมป์ยูโรอย่างหน้าตาเฉย
แต่อีกมุมหนึ่ง การเพิ่มโควตาในรอบสุดท้ายเท่ากับเปิดเวทีให้ทีมอย่าง เวลส์, โปแลนด์, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์เหนือ ฯลฯ มีโอกาสมาอวดฝีเท้าก็กับคนทั่วโลกได้เห็น ถ้าโชว์ฟอร์มดีก็จะทำให้ตลาดซื้อขายนักเตะคึกคัก เพิ่มทางเลือกให้กุนซือจากสโมสรต่างๆด้วย
สุดท้ายคือเรื่องตำนานการพลิกล็อคทุก 12 ปี จากเดนมาร์คเมื่อปี 1992 มาจนถึง กรีซ 2004 หนนี้ 2016 โปรตุเกส ทีมที่น้อยคนนักคิดว่าจะได้แชมป์ โดยเฉพาะต้องชิงกับเจ้าภาพอย่าง ฝรั่งเศส แต่สุดท้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็พาเพื่อนๆหักปากกาเซียนสำเร็จ สร้างตำนานแห่งการพลิกล็อคได้อีกหน
ฟุตบอลรายการนี้จะกลับมาพบกับพวกเราในรูปแบบใหม่สดซิงจริงๆ คือครั้งต่อไปยูโร 2020 ฉลองครบ 60 ปีที่จะกระจายจัดแข่งไปทั่วยุโรปตามหัวเมืองใหญ่ 13 ประเทศ และชิงกันที่เวมบลีย์ อังกฤษ อดใจรออีก 4 ปีข้างหน้าครับ