เนื้อหาในหมวด บ้าน

สุดต๊าช! จุดพักสายตรวจจากขยะพลาสติก แลนด์มาร์คเมืองพัทยา ฝีมือเด็กสถาปัตย์ ลาดกระบัง

สุดต๊าช! จุดพักสายตรวจจากขยะพลาสติก แลนด์มาร์คเมืองพัทยา ฝีมือเด็กสถาปัตย์ ลาดกระบัง

จากเวทีประกวดออกแบบ Landmark ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แก่ชุมชนบ้านอำเภอ พัทยา จังหวัดชลบุรี ทำให้เราได้เห็นแนวความคิดของ น้องต้าหรือนายพงศ์สุริยะ สกลภูวรักษ์ ที่สามารถถ่ายทอดหลักคิด
สู่งานดีไซน์แลนด์มาร์คจนคว้ารางวัลชนะเลิศซึ่งก็คือ

“การนำขยะพลาสติกมารีไซเคิล (Recycle) เพื่อใช้ในงานสถาปัตยกรรม หรือ Up-Cycling Design ถือเป็นการรีไซเคิลที่มีความยั่งยืน เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยโลกลดปริมาณขยะแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้สถาปัตยกรรมการก่อสร้าง มีอายุการใช้งานที่ยาวนานนับสิบปี เมื่อเทียบกับการนำมารีไซเคิลด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน จะมีความต้องการวัสดุจำนวนมากในการสร้าง” 

นายพงศ์สุริยะ สกลภูวรักษ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขา ภูมิสถาปัตยกรรม ภาควิชา สถาปัตยกรรมและการวางแผน คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เล่าว่า ด้วยโจทย์ที่ได้รับจากผู้นำชุมชนที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่ของอาคารพักสายตรวจสถานีบริการประชาชนขนาดเล็กภายในชุมชนบ้านอำเภอ ที่ปัจจุบันมีความชำรุดทรุดโทรมจากการใช้งานมานานหลายปี ด้วยข้อจำกัดด้านจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่เพียงพอ และการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน จึงเกิดเป็นไอเดียในการออกแบบให้อาคารแห่งนี้ กลายเป็น Landmark ใหม่ของชุมชน ที่นอกจากการเป็นจุดพักสายตรวจแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ทุกคนในชุมชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด

โดยวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างสถาปัตยกรรมครั้งนี้ ได้ผ่านการศึกษาแหล่งอ้างอิงถึงความเป็นไปได้ในการใช้งานจริงเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย

• ขยะพลาสติก สู่บล็อกปูพื้นที่ทนต่อแรงสั่นสะเทือน เนื่องจากมีรายงานระบุว่า ถุงพลาสติกมากกว่า 2 ล้านตัน ถูกพบว่ายังคงตกค้างในสิ่งแวดล้อมถึง 79% อีกทั้งยังพบผลสำเร็จของการชุบชีวิตขยะพลาสติกชนิดอ่อน เช่น แก้ว ถุง หลอด ของ ผศ. ดร.เวชสวรรค์ หล้ากาศ ที่ได้นำมาหลอมเหลวเพื่อขึ้นรูปใหม่ จนได้บล็อกปูพื้นมาใช้ทดแทนยางมะตอย ที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรง อีกทั้งยังสามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี

• ขวดพลาสติก สู่อิฐที่เบากว่าทั่วไปถึง 2 เท่า หนึ่งในขยะพลาสติกที่ก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลเช่นกัน โดยเฉพาะขวดที่บรรจุเครื่องดื่ม ที่บางส่วนถูกนำไปรีไซเคิลอย่างเหมาะสม ขณะที่บางส่วนจะถูกปล่อยทิ้งฝังกลบหรือหลุดลงทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว จึงได้ต่อยอดไอเดียจากองค์กร Ecoinclusion ประเทศอาร์เจนติน่า ที่นำขยะขวดพลาสติกมาบดละเอียดแล้วนำไปผสมกับคอนกรีต จนได้เป็นอิฐมวลเบา ที่มีส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 1 กิโลกรัมต่อก้อน น้ำหนักเบากว่าอิฐทั่วไปถึง 2 เท่า อีกทั้งยังมีความทนทานและเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐทั่วไปอีกด้วย

สำหรับแลนด์มาร์คแห่งนี้โดดเด่นด้วยใบเรือขนาดใหญ่ที่ทำมาจากผ้าใบสีขาว ยืนตระหง่านบริเวณดาดฟ้าของตัวอาคาร เพื่อสื่อสารถึงชุมชนวิถีที่มีความใกล้ชิดกับท้องทะเลและมีอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการประมง เรียกได้ว่าถ้านึกถึงชลบุรีก็ต้องนึกถึงทะเลหรือเรือใบ นอกจากนี้ เท่าที่ตนทำหารศึกษาข้อมูลแลนด์มาร์คในที่ต่างๆ ยังไม่พบการนำเอาใบเรือมาองค์ประกอบของงานดีไซน์ โดยใบเรือขนาดใหญ่นี้ จะสร้างสีสันและให้อรรถรสที่แตกต่างกันในสองช่วงเวลา คือ ช่วงเวลากลางวัน จะคงสีขาวเด่นเป็นเอกลักษณ์ตัดกับท้องทะเลสีฟ้าคราม ขณะที่ช่วงกลางคืนจะมีการทำ Project Mapping ด้วยการฉายแสงโปรเจคเตอร์ ไปยังผ้าใบ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมแสงสี พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศสุดชิคยามค่ำคืน

ทั้งนี้ ตนได้ทำการออกแบบตัวอาคารให้มีพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์การใช้งานของทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่ ชุมชน ตลอดจนนักท่องเที่ยว ในลักษณะอาคาร 2 ชั้น บนพื้นที่ขนาด 640 ตารางเมตร ดังนี้
 
• ชั้นล่าง พื้นที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่แบ่งออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย Commu(nity) Service โซนให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าต่างด้านข้างอาคาร Complain โซนรับเรื่องร้องทุกข์หรือแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Car Park โซนจอดรถของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้พร้อมต่อการออกปฏิบัติหน้าที่จำนวน 3 คัน Take a rest โซนพักผ่อนของเจ้าหน้าที่เพื่อพักผ่อนก่อนการกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบห้องน้ำตามหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) หนึ่งในรายวิชาที่เรียนที่คณะ ซึ่งเน้นสร้างความเท่าเทียมในการใช้บริการของผู้สูงอายุและผู้พิการรวม 4 ห้อง

• ชั้นบน ลานใบเรือขนาดใหญ่ พื้นที่สำหรับทุกคนในครอบครัว ด้วยการจัดสรรพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการวิ่งเล่นหรือปลดปล่อยจินตนาการของเด็กๆ ได้อย่างเต็มที่ มีม้านั่งสำหรับนั่งเล่นพักผ่อน หรือเลือกมาถ่ายรูปเล่นเก๋ๆ โดยมีวิวด้านหลังเป็นผืนทะเล นอกจากนี้ระหว่างทางขึ้นที่เชื่อมจากชั้นล่างไปยังชั้นบน มีการตกแต่งพื้นที่ด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด เพื่อสร้างบรรยากาศความร่มรื่นให้กับพื้นที่ พร้อมดูดซับมลพิษ

สำหรับการเข้าร่วมประกวดงานออกแบบในโครงการดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จหรือได้รับรางวัลชนะเลิศได้ หากไม่ได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากรายวิชาต่างๆ จากคณะ และการให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่มต้นไอเดียไปถึงวันส่งผลงานเข้าประกวดจากอาจารย์เป็นที่ปรึกษา ผศ.ธีรชัย ลี้สุรพลานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชา สถาปัตยกรรมและการวางแผน ซึ่งนั่นทำให้ตนรู้สึกขอบคุณและภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก ทั้งยังอยากยลโฉมแลนด์มาร์คใหม่ใจกลางชุมชนบ้านอำเภอ ที่ทางผู้นำชุมชนเตรียมวางแผนดำเนินการจัดสร้างให้แล้วเสร็จเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นพื้นที่ส่วนกลางแก่คนในชุมชนให้สามารถออกไปใช้ชีวิตหรือเลือกพักผ่อนหย่อนใจได้ตามอัธยาศัย นายพงศ์สุริยะ กล่าวทิ้งท้าย 


 
ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมและผลงานนักศึกษาจากรั้วสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ที่ https://www.facebook.com/kmitlofficial