เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

5 วิธี กินทุเรียน อย่างไร ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

5 วิธี กินทุเรียน อย่างไร ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

หน้าทุเรียนทีไร มีคนป่วยเพราะทุเรียนทุกที แล้วเราจะอิ่มอร่อยกับทุเรียนอย่างปลอดภัยต่อโรคภัยต่างๆ ได้อย่างไร

แพทย์จีนพรฟ้า อนันต์ไพศาล แพทย์แผนจีน ประจำศูนย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า ทุเรียนในเมืองไทยมีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น หมอนทอง ชะนี ก้านยาว ฯลฯ ในแต่ละสายพันธุ์จะให้คุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกันเล็กน้อย

USDA Nutrient Database บันทึกข้อมูลเอาไว้ว่า เนื้อทุเรียน 100 กรัม ประกอบด้วย พลังงาน 174 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 27.09 กรัม และยังมีเส้นใยอาหาร ไขมัน โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมาย

ทางแพทย์แผนจีน จัดให้ทุเรียนเป็นผลไม้รสหวาน เผ็ด มีฤทธิ์ร้อน ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น

  • ช่วยบำรุงม้าม
  • เพิ่มชี่ (ลมปราณ)
  • บำรุงไต
  • เพิ่มหยาง เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
  • มีเส้นในอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย
  • มีเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา
  • มีโฟเลต ที่ช่วยสร้างเม็ดเลือด
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมสภาพในเซลล์ของร่างกาย (หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
  • ทุเรียน จึงเหมาะกับคนที่มีร่างกายอ่อนแอ เลือด หรือลมปราณน้อย

    อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้กินทุเรียนเพื่อหวังผลประโยชน์ดีๆ ต่อร่างกายตามข้างต้น เพราะประโยชน์ของทุเรียนมาพร้อมกับคาร์โบไฮเดรต น้ำตาลที่สูง ดังนั้นการกินทุเรียนมากๆ จึงให้โทษมากกว่าประโยชน์

    ทางแพทย์แผนจีนระบุว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน การบริโภคทุเรียนมากเกินไปจึงทำให้ร่างกายสะสมความร้อนมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น

    • ร้อนใน เป็นแผลในปาก
    • เจ็บคอ
    • ท้องผูก

    ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายค่อนไปทางร้อน หยินพร่อง ควรรับประทานทุเรียนในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป

    กลุ่มคนที่ควรระมัดระวังในการกินทุเรียนเป็นพิเศษ

    กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น 

    • เบาหวาน เพราะทุเรียนมีน้ำตาลสูง อาจทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีพอ
    • ความดันโลหิตสูง ทุเรียนมีพลังงานสูง และมีฤทธิ์ร้อน อาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้
    • โรคไต ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง หากร่างกายขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกไม่ทัน อาจทำให้ไตทำงานหนักเกินไป
    • หลอดเลือดหัวใจตีบ หากโพแทสเซียมจากทุเรียนสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

    รวมถึงทุกคนที่มีความต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ควรบริโภคทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป

    สิ่งที่ไม่ควรกินร่วมกับทุเรียน

    • แอลกอฮอล์ อาจทำให้หน้าแดง ชา วิงเวียน หรืออาเจียนได้ และอาหารทั้งคู่ให้พลังงานสูงทั้งคู่ จึงอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้
    • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา เพราะอาจทำให้ปวดศีรษะได้
    • มังคุด อาจมีใครเคยได้ยินว่ามังคุดมีฤทธิ์เย็นที่ช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกายจากการกินทุเรียนที่มีฤทธิ์ร้อน แต่อันที่จริงทั้งทุเรียนและมังคุดต่างเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงทั้งคู่ ดังนั้นจึงไม่ควรกินคู่กัน และไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป

    กินทุเรียนอย่างไร ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

  • กรมอนามัยแนะนำให้กินทุเรียนวันละไม่เกิน 2 เม็ดกลาง เนื่องจากการกินทุเรียน 4-6 เม็ด เทียบเท่ากับการดื่มน้ำอัดลมมากถึง 2 กระป๋อง หรือเทียบเท่ากับพลังงานทั้งหมด 400 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว
  • ไม่ควรกินทุเรียนถี่ๆ กินทุเรียนติดกันทุกมื้ออาหาร หรือทุกวัน เพราะจะทำให้ได้รับพลังงานมากเกินไป
  • เมื่อไรที่กินทุเรียน ควรลดอาหารกลุ่มข้าว แป้ง น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต อาหารหวานจัด อาหารไขมันสูง อาหารมันจัด เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าที่ต้องการในแต่ละวัน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบหรือดัดแปลงจากทุเรียน ควบคู่ไปกับการกินทุเรียนสด เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ไอศกรีมรสทุเรียน
  • ช่วงไหนที่กินทุเรียน อย่าลืมออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่กันไปด้วย
  • วิธีลดกลิ่นปากจากกระเทียม สะตอ หอมหัวใหญ่ ทุเรียน กะปิ ปลาร้า

    วิธีลดกลิ่นปากจากกระเทียม สะตอ หอมหัวใหญ่ ทุเรียน กะปิ ปลาร้า

    รู้หรือไม่? กลิ่นกระเทียมในปาก สามารถอยู่ได้นานถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน แล้วเราจะกำจัดกลิ่นกระเทียม รวมถึงสะตอ และอาหารกลิ่นแรงอื่นๆ ได้อย่างไร?