วิทย์ ภูธฤทธิ์ เผยเส้นทางรักภรรยาคนใหม่ หลังโพสต์โชว์ภาพลูกสาว
จากกรณีที่ไฮโซสาวชื่อดัง ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง ทั้งยังได้พูดถึงสาเหตุที่เลิกรากับอดีตคนรักไป ว่าฝ่ายชายนอกใจไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น จึงทำให้ตนตัดสินใจเลิก จากเรื่องนี้เอง คนเลยโยงไปถึงนักแสดงชื่อดัง วิทย์ ภูธฤทธิ์ ที่เคยคบหากับไฮโซสาวคนนี้
ซึ่งช่วงเช้าของวานนี้นักแสดงหนุ่ม วิทย์ ภูธฤทธิ์ ก็ได้โพสต์อินสตาแกรมโชว์หลักฐานการคืนทรัพย์สิน พร้อมข้อตกลงกับภรรยาคนดัง ไฮโซซูซี่ หทัยเทพ และบอกว่า ที่ผ่านมาไม่อยากตอบโต้อะไร และต้องออกมาปกป้องชื่อเสียงของตนเอง อีกทั้งยังเปิดตัวลูกสาววัย 6 เดือนด้วย งานนี้กลายเป็นกระแสสังคม เกิดคำถามหลายๆเรื่องตามมา
ล่าสุด วิทย์ ภูธฤทธิ์ ได้มาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด ในรายการ คุยเช้า Show ทางช่อง one 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ เอ็มมี่ อมลวรรณ เป็นพิธีกร
รูปลูกพี่วิทย์จริงรึปล่าคะ ? “จริงครับ”
ลูกสาวพี่วิทย์อายุกี่เดือนคะ ? “เกิด 24 กุมภา ก็ 6 เดือนครับ”
แล้วพี่ไปมีลูกตอนไหน ? “ประมาณเกือบๆ 2 ปี เป็นช่วงที่เราอยู่กันคนละบ้านแล้ว”
อย่างงั้นจะเรียกว่าช่วงคาบเกี่ยวมั้ย ? “ซักประมาณ 3 กระพริบตามั้ง”(หัวเราะ)
ลูกพี่ชื่ออะไร ? “ชื่อจริงน้อง สุทิดา ชื่อเล่นชื่อน้องเบลล่า”
ใครเป็นคนตั้ง ? “ผมเป็นคนตั้งเอง ทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ? “ไปดูวันเกิดเค้า เค้าเกิดวันศุกร์ มันเป็นชื่อที่เพราะดี และมันมีความหมายสำหรับคนที่เกิดวันศุกร์”
คุณแม่ของของน้องเบลล่าคือใคร ในวงการหรือนอกวงการ ? “ไม่ได้อยู่ในวงการ เป็นน้องที่ไปเจอเค้าตอนที่เรากลับไปพักที่บ้านที่ต่างจังหวัด”
ลูก 6 เดือนแล้วทำไมเพิ่งมาโพสต์รูปน้อง ? “สาเหตุที่เพิ่งมาโพสต์ตอนนี้เนี่ย เพราะว่าสถานะภาพของเรามันยังไม่เคลียร์ในสายตาของหลายๆคน ใจจริงก็อยากจะทำเหมือนพ่อแม่มือใหม่ที่มันเห่อลูกบ้าง แต่ด้วยความที่เรายังไม่เคลียร์เท่าไหร่เลยยังไม่อยากทำอะไรออกไป”
เพราะคุณแม่ของน้องเบลล่าหรือเปล่าที่ทำให้เลิกกับภรรยาเก่า ? “มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวของการจะมีเรื่องแต่มันไม่ใช่สาเหตุหลักๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดีคือคนเรามันอยู่ด้วยกันสองคนมันก็อาจจะมีเรื่องกันบ้าง ระหองระแหงกันมาบ้าง”
ก่อนที่จะมีลูกกับคุณแม่น้องเบลล่าคุณเลิกกับภรรยาเก่าดีหรือยัง ? “ก็แยกกันอยู่ครับ”
แต่ยังไม่ได้มีการจดทะเบียนหย่า ? “ช่วงนั้นก็แยกกันอยู่”
ณ ตอนนี้เซ็นต์ใบหย่ากันหรือยัง ? “ก็ยังอยู่ในข้อตกลง จริงๆแล้วก็ไม่รู้จะพูดยังไง คือไม่ได้จดทะเบียนกัน”
เหตุผลที่ไปต่อกันไม่ได้กับคนเก่าเป็นเพราะพี่อยากมีลูกและอีกฝ่ายไม่อยากและไม่สามารถหรือเปล่า? “จริงๆแล้วความที่อยากมีลูกเนี่ย มันเกิดจากวัยของเราที่มันเปลี่ยนไป คือตอนที่เราคบกับคนเก่าอยู่มันก็ 20 ต้นๆ มันก็อีกแบบนึงมันก็เป็นช่วงทำงาน 30 มันก็อีกแบบนึง 40 มันก็อีกแบบนึง พอ 50 มันก็อีกแบบนึง มันก็ผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาเยอะ ตัวเราเองก็มองว่าถ้าเรามีลูกซักคนมันก็คงจะดี มันก็เป็นความคิดของเราเอง มันก็ต้องยอมรับสภาพ คือก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะมี มันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าช่วงที่พอระหองระแหงกับคนเก่า แล้วแยกตัวออกมาอยู่มันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ามาโดยที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจ ”
เรารู้สึกเสียดายมั้ย 25 ปีที่คบกันมา ? “มันก็ครึ่งนึงของชีวิตนะ ตั้งแต่สมัยยังเอ๊าะๆ”
ตอนนี้ยังรัก ยังห่วงคนเก่าอยู่มั้ย ? ”ปกติแล้วผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเค้า ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าคนเราพอถึงจุดๆนึงมันก็มีเส้นทางของตัวเอง เพียงแต่ว่าเรื่องที่มันจะต้องแยกทางกันอยู่มันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ที่มันไม่สามารถที่จะอธิบายได้”
แล้วยังได้คุยกันบ้างมั้ย ? ” ก็เรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับคุยอะไรกันมาก เพราะเค้าก็มีเส้นทางของเค้าซึ่งเรารู้ๆ กันอยู่”
พูดถึงแฟนพี่หน่อย เค้าเป็นใคร เค้าน่ารักยังไง ไปเจอกันได้ยังไง ปิ๊งกันตอนไหน? “ จริงๆ แล้วน้องคนนี้ไปเจอเค้าตอนที่ผมกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เค้าเป็นเพื่อนรุ่นน้องของน้องสาวผม ก็เจอแล้วก็คุยกัน”
นานมั้ย ? “ ก็ช่วงนึงประมาณสองเดือนกว่า”
เห็นครั้งแรกชอบเลย ? “ ก็ประมาณนึง”
แล้วทำไมช่วงเวลาอันสั้นพี่ถึงตัดสินใจว่ามีลูกดีกว่า ? ” มันไม่ได้ต้องการแบบนั้นนะ คือมันมาเอง”
ตอนที่เรารู้ว่าเรากำลังจะมีลูก ตอนนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง วินาทีแรกที่รู้ ? “ก็ดีใจ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องการอยู่ลึกๆ ภายใน มันไม่ใช่ว่าเราอยากมีลูกเพราะคนเก่าเค้าให้เราไม่ได้ อันนี้ไม่เกี่ยว แต่มันเป็นฟีลลิ่งที่เราอยากจะมีซักครั้งในชีวิต มันเป็นความคิด แต่พอมันเกิดขึ้นจริงมันก็เป็นอะไรที่เซอร์ไพร์ส ”
แสดงว่าพี่อยากจะมีลูกในใจ แต่ไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีตอนนี้ อยู่ดีๆ พอมาแล้วเราก็เลยเปลี่ยนตำแหน่งกลายเป็นพ่อที่ดีให้ได้ ? “ใช่”
แล้ววันที่คลอดพี่วิทย์อยู่มั้ย ? “ วันที่น้องเค้าคลอดเนี่ยพี่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ น้องเค้าอยู่ต่างจังหวัด”
แต่ใจคงไปอยู่ตรงนั้นแล้ว ? “ ก็รอดูพอดีให้คุณแม่ พี่สาว น้องสาว ไปช่วยดูเค้าที่โรงพยาบาล”
วินาทีแรกที่เห็นหน้าลูก รู้สึกยังไงบ้าง ? ” เห็นผ่านกล้อง” (หัวเราะ)
แฟนพี่ชื่ออะไร ? “ชื่อน้องอุ้ย”
ลูกหน้าเหมือนใคร ? ” ไม่รู้สิ แต่เค้าเหมือนเด็กผู้ชาย”
ครั้งแรกที่เราได้อุ้มลูก ? “จริงๆแล้วมันก็เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่เราเองเราก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกแบบอะไร มันคืออะไร นี่ลูกเราหรอเนี่ย ทำไมมันตัวเล็กๆ แดงๆ”
ตอบแบบตรงๆ แมนๆ นะพี่ พี่วิทย์เคยนอกใจภรรยาเก่าหรือไม่ ? “ก็มีบ้างตามประสาผู้ชาย”
ทำไมต้องมีบ้าง ที่บ้านไม่แซ่บพอหรอ ? “ไม่หรอก มันเป็นเรื่องของตั้งแต่หนุ่มๆมาแล้ว คือมันอาจจะเคยมีว่อกแว่กบ้างเมื่อสมัยก่อนๆ ก็มีติดๆ มาบ้าง แต่มันก็ค่อยๆหายไป”
อีกประเด็นที่ค่อนข้างแรง พี่วิทย์เคยเอาหลานตัวเองมาทำเมียด้วยหรอ ? “เค้ามโนเอง ไม่ใช่หลานตัวเอง หลานภรรยาอะไรทั้งนั้น คือพูดไปเรื่องมันก็ยาว เค้ามโนเอาเอง มันเป็นข้อความที่แชทโทรศัพท์ ถ้าพูดง่ายๆภาษาบ้านๆ คือมันเป็นคำพูดหลังไมค์ เค้าเอาไปตีความเองว่าเราไปมีอะไรกัน แต่จริงๆไม่ใช่เค้าเข้าใจผิด ”
อีกประเด็นนึงคือ พี่เคยมีอะไรกับคนใช้ที่บ้านจริงหรือเปล่า ? “เรื่องนี้มัน 15 ปี แล้ว ก็มีบ้าง คือคนเราวันนึง 24 ชั่วโมง มันก็ผ่านอะไรมาบ้าง อาจจะจังหวะที่มันผิดไป ที่มันพลาดไป มันก็แค่เสี้ยวเดียวของชีวิต”
ประเด็นที่พี่วิทย์โพสต์ลง IG กับข้อความทั้งหมดมันเพื่อที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของเราหรือเปล่า ? “คือสิ่งที่สังคมได้รับรู้ กระแสข่าวที่มันพาดพิงมาถึงตัวเราเนี่ย มันก็แรงพอสมควร เราอยากจะเคลียร์ตัวเองในบางจุด”
พ่อไม่อยากให้หนูเติบโตมาแบบที่ยังมีใครสงสัยในตัวพ่อ ถึงเวลาที่พ่อต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวพ่อและศักดิ์ศรีของหนูที่จะเติบโตมาอย่างสง่างามเพราะพ่อเองก็มีศักดิ์ศรีและความสง่างามมาตลอด ณ จุดไหนถึงตัดสินใจโพสต์ตัวนี้ขึ้นมา ?
“คือเรามามองว่า ถ้าเกิดว่าตัวเราไม่เคลียร์ ต่อไปถ้าน้องเค้าโตมา น้องเค้าจะมีปัญหามั้ยกับสังคมเพราะว่าข่าวที่มันออกไปมันอยู่ชั่วกาลนาน 20 ปี 30 ปี มันก็ดึงออกมาดูได้ว่าพ่อทำไมเป็นคนแบบนี้ เรื่องความมีศักดิ์ศรีหรือความสง่างามคนที่อยู่ใกล้เราเค้าถึงจะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง แต่คำพูดบางคำที่มันไปถึงตำบลนั้น จังหวัดนี้ ซึ่งเค้าไม่เคยเห็นตัวจริงของเรา เค้าจะไม่เข้าใจ คือเหมือนผมเป็นคนของสังคมในส่วนนึง ก็มีแสดงละครเท่าที่เห็น ตัวจริงๆของผม คนที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง”
การที่คนเข้าใจผิดอาจจะเพราะสรรพนามที่เค้าเรียกว่าคุณอารึเปล่าก็เลยคิดกันว่าเป็นหลานตัวเอง ? “ประมาณนั้น”
พี่คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าชู้มั้ย ? “ก็ประมาณนึง มันก็ไม่ใช่เจ้าชู้เรี่ยราด เราไม่ได้เจ้าชู้แบบจะไปจีบเค้า เราเป็นคนขี้เล่นมากกว่า ชอบสนุกสนาน เวลาอยู่ในกองถ่ายเราก็เล่นไปหมด มันก็กลายเป็นบุคลิกประจำตัวไป”
ในฐานะที่เราเป็นพ่อ กลัวบ้างมั้ยสิ่งมันเกิดขึ้นอาจจะในอดีตหรือกระแสสังคมในตอนนี้มันจะมีผลกับลูกเราในอนาคตมั้ย ? ” ถึงตอนนั้นก็คงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ว่าปัจจุบันดีที่สุด ในอดีตที่ผ่านมาผมพูดได้เต็มปาก ว่าผมไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมทำดีมาโดยตลอด ประคองตัวในสถานะภาพที่เราเป็นมาโดยตลอด 25 ปี หรือตั้งแต่หนุ่มๆ มา ไม่เคยทำอะไรเลวร้ายทั้งนั้น แต่ถามว่าชีวิตเคยผ่านผู้หญิงมามั้ย มันก็ผ่านมาทั้งนั้นอายุ 18-19 เที่ยวผับมันก็ต้องมีบ้าง แต่ไม่เคยทำร้ายจิตใจใครไม่เคยทำอะไรเลวร้าย เราก็ถือว่าเราก็มีศักดิ์ศรีพอสมควร เราไม่เคยขอใครกินและเราก็ไม่เคยให้ใครเลี้ยงดูเรา ”
พี่วิทย์ช่วยยืนยันได้มั้ยว่าน้องอุ้ยไม่ใช่หลาน ? “ไม่ใช่หลาน เป็นเพื่อนของน้องสาว ที่เป็นประเด็นเนี่ยมันเป็นคำพูดที่อีกฝ่ายเข้าใจผิด ผมมีหลานอยู่คนเดียวที่ตอนนี้อายุประมาณ 20 ชื่อน้องนิ เป็นลูกของพี่สาวเป็นหลานแท้ๆ”
พี่อยากให้สังคมเข้าใจอะไรเรา ก่อนที่เค้าจะตัดสินพี่ พี่อยากจะบอกอะไรกับสังคม ? “ สิ่งแรกเลยที่เราโพสต์ออกไปคือเราต้องอยู่กับความเป็นจริง เพราะเรามีลูกแล้ว ถ้าเกิดว่าเราอุ้มลูกเราไปตามที่ต่างๆ แล้วคนที่เค้าไม่รู้เรื่อง เค้าจะหาว่าเราอุ้มลูกใคร ไปแอบมีเมีย มีลูกตอนไหน แล้วจังหวะที่มันเป็นข่าวอยู่ สังคมไม่รู้เพราะคำพูดบางคำ ตัดสินคนๆ นึงไม่ได้หรอกแต่สิ่งที่มันทำไปได้ประมาณนึง คือเราไม่ได้อะไรกับคนเก่าแล้วนะ คนละบ้านแล้วนะ แยกทางกันแล้วนะ คุณเองก็เปิดเผยของคุณไปแล้ว ในส่วนของเราอยากจะเปิดเผยมั้ย เราก็ยังไม่พร้อมแต่จังหวะนี้มันคงต้องบอกกล่าวกันแล้ว ”
แล้วข้อตกลงที่โพสต์ลง IG ? “ก็ตามนั้นเลยครับ” แล้วเอกสารการหย่าที่โพสต์ต้องการอะไร ?” คนบางคนอาจจะไม่เข้าใจในตัวผม เพราะว่าภาพตัวผมกับภาพอีกคนมันต่างกันมาก อยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้วนะ”
ติดตามรายการ "คุยเช้า Show" ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 7.00-8.00น. ทางช่อง one31