เนื้อหาในหมวด สุขภาพ

\

"เกลือ" ติดกินเค็ม กับ 5 อันตรายที่มากกว่า “โรคไต”

ถ้าคิดว่ากินเค็มแล้วจะเป็นแค่โรคไตล่ะก็ คิดผิดอย่างแน่นอน เพราะหากเป็นคนติดรสเค็ม กินเค็มกินเหลือมากเกินไป อาจจะเสี่ยงโรคอันตรายอีกหลายอย่างที่เผลอๆ อาจน่ากลัวกว่าโรคไตเสียอีก

อันตรายจากการติดเค็ม

  • เกิดการคั่งของเกลือ และน้ำในอวัยวะต่างๆ
  • หากสังเกตกันดีๆ เมื่อไรที่เรากินเค็มมากๆ เราจะเริ่มรู้สึกกระหายน้ำ และทำให้เราดื่มน้ำมากขึ้น และการที่น้ำออกจากเซลล์เข้ามาในพลาสมาจึงทำให้ น้ำในหลอดเลือด (intravascular fluid, IVF) เพิ่มขึ้น  และถ้าเพิ่มขึ้นมากจะทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจ ทำให้มีน้ำคั่งในปอดและเกิดการบวมน้ำได้

  • หัวใจวาย
  • หากร่างกายไม่สามารถกำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินในร่างกายได้ เกิดภาวะคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่างๆเช่น แขนขา หัวใจ และปอด ผลคือทำให้แขนขาบวม เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้ ในผู้ป่วยโรคหัวใจ น้ำที่คั่งในร่างกายจะทำให้เกิดภาวะหัวใจวายมากขึ้น

  • ความดันโลหิตสูง
  • ปัจจัยที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงนั้น มีหลายปัจจัย ได้แก่ กรรมพันธุ์ ความอ้วน ระดับไขมันในเส้นเลือด ความเครียดทางจิตใจ รวมทั้งพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เคยชินเช่น การรับประทานอาหารรสเค็ม โดยในภาวะปกติร่างกายมีกลไกการปรับความดันโลหิตให้มีค่าอยู่ในระดับปกติและคงที่อยู่เสมอ แต่หากร่างกายอยู่ในภาวะไม่ปกติเมื่อไร กระบวนการปรับความดันโลหิตอาจทำงานได้ไม่เต็มที่ และทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้

  • ส่งผลต่อไต
  • จากการที่มีการคั่งของน้ำและระดับความดันโลหิตสูง ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เพื่อเพิ่มการกรองโซเดียมและน้ำส่วนเกินของร่างกาย ผลที่ตามมาคือเกิดความดันในหน่วยไตสูงขึ้น และการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะมากขึ้น  นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารบางอย่าง ซึ่งทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น

  • ส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกาย
  • การได้โซเดียมมากเกิน เป็นสาเหตุทำให้ระดับความดันโลหิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง คนอ้วน และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ภาวะความดันโลหิตสูงทำให้เกิดผลเสียต่อหลอดเลือดในอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ และสมอง เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมา  พบว่าในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้วหากรับประทานโซเดียมในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับยาลดความดันโลหิต สามารถลดความดันโลหิตได้ดีกว่าผู้ที่รับประทานยาลดความดันโลหิต แต่ได้รับโซเดียมเกินกำหนด

    วิธีลดอาการติดเค็ม

  • ลดปริมาณในการปรุงรสชาติอาหารด้วยเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ น้ำซุป ซอสปรุงรส น้ำจิ้มต่างๆ เป็นต้น
  • ใช้เครื่องเทศในการปรุงรสชาติของอาหารให้มากขึ้น เพื่อทดแทนการใช้เครื่องปรุงที่มีโซเดียมสูง
  • เลือกบริโภคเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียมต่ำกว่าปกติ
  • ลดการซดน้ำซุปต่างๆ น้ำจากผัดผัก น้ำแกงต่างๆ เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคอาหารที่ปรุงด้วยรสเค็มจัด เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม ปลาแดดเดียว ปลาส้มแหนม ไส้กรอก กุนเชียง หมูหยอง อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
  • เช็กปริมาณโซเดียมบนฉลากโภชนาการก่อนทุกครั้ง โดยเราไม่ควรบริโภคเกลือไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน (โซเดียม 2,400 มิลลิกรัม)
  • 3 วิธีลด “โซเดียม” ในร่างกายฉบับด่วนจี๋ หลังทานเค็มมากโดยไม่ได้ตั้งใจ

    3 วิธีลด “โซเดียม” ในร่างกายฉบับด่วนจี๋ หลังทานเค็มมากโดยไม่ได้ตั้งใจ

    หน้าบวมเพราะทานเค็ม? ลดโซเดียมด้วยการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเพียงพอ และออกกำลังกาย ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังและทำให้สุขภาพดีขึ้นได้

    7 พฤติกรรมทำร้าย “ไต” ทั้งที่ไม่ได้กินเค็มก็เป็นโรคไตได้

    7 พฤติกรรมทำร้าย “ไต” ทั้งที่ไม่ได้กินเค็มก็เป็นโรคไตได้

    โรคไต หลายคนคงคิดออกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินว่า เพราะทานเค็มมากเกินไป แต่จะมาบอกว่า ไม่ใช่อาหารรสเค็มเท่านั้นที่เป็นสาเหตุของโรคไต คุณอาจยังไม่ทราบ และเผลอทำร้ายไตของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว