
วิธีปฐมพยาบาล “สำลักอาหาร” ทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่อย่างถูกต้อง
แนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีอาการสำลัก หรือมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น เพื่อประคับประคองไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มากขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การสำลัก คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคอหรือหลอดลม และกีดขวางช่องทางการหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ
ปัญหาการสำลักหรือการที่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยมักพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบค้นคว้า ทดลองด้วยตนเอง จึงมักเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในช่องต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะช่องทางเดินหายใจ ได้แก่ รูจมูกและปาก ประกอบกับฟันกรามที่ยังขึ้นไม่ครบสมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารชิ้นใหญ่ให้ละเอียดเพียงพอ จึงอาจเกิดการสำลักในระหว่างรับประทานอาหารและวิ่งเล่นไปด้วย
สาเหตุของอาการสำลัก
สาเหตุของการสำลักในวัยผู้ใหญ่นั้นมักเกิดจาก
- เศษอาหารติดคอ
- ดื่มน้ำเร็วเกินไป
- ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ในขณะรับประทานอาหาร เช่น พูด หัวเราะ ฯลฯ
- ฟันปลอมที่ยึดติดไม่แน่นพอ อาจเลื่อนหลุดเข้าไปในช่องคอหรือหลอดลม และกีดขวางช่องทางการหายใจ หรือทางเดินอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ
การป้องกันการเกิดภาวะฉุกเฉินทางเดินหายใจอุดกั้นในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุอาจทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นจะสังเกตได้ยากและไม่ชัดเจน
อาการสำลักที่เราสังเกตได้จากตัวเองและคนอื่น
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า สำหรับอาการของคนสำลักที่สังเกตเห็นได้โดยทั่วไปนั้น มักจะใช้มือจับที่คอของตนเอง แต่หากผู้ที่สำลักไม่ได้ส่งสัญญาณดังกล่าว ให้สังเกตอาการดังต่อไปนี้ เช่น
- หายใจไม่สะดวก หรือมีอาการหายใจแรงและเสียงดังผิดปกติ
- ไม่สามารถกลืนได้หรือใช้เวลานานกว่าปกติ
- พูดคุยตอบสนองไม่ได้
- ไอแรงๆ ไม่ได้
- ผิวหนัง ริมฝีปาก และเล็บเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ เนื่องจากขาดออกซิเจน
- ขาดสติ ไม่รู้สึกตัว
กลุ่มเสี่ยงอาการสำลักมากกว่าปกติ
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสำลัก ได้แก่
- เด็กเล็ก
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีประวัติผ่าตัดบริเวณคอหอย เช่น ผ่าตัดโคนลิ้น ผ่าตัดมะเร็งคอหอย ผ่าตัดมะเร็งกล่องเสียง
- ผู้ที่มีความผิดปกติระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น ภาวะกลืนลำบาก
- ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดบริเวณใบหน้าและลำคอ
- ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสง
- ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
- ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ปลอกประสาทอักเสบ บาดเจ็บไขสันหลัง
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาระงับความรู้สึก
- ผู้ที่มีความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือการได้รับยาคลายเครียด
เป็นต้น
วิธีการช่วยเหลือผู้มีอาการสำลักเบื้องต้น
แพทย์หญิงสมจินต์ จินดาวิจักษณ์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้าน โสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับเด็กเล็ก หากสังเกตเห็นว่าเด็กมีอาการแปลกไป คือ ดูเจ็บปวดและหายใจเสียงดัง ร้องไห้หรือไอไม่ได้ บางครั้งไม่สามารถส่งเสียงร้องหรือหายใจได้ อาจหมายความว่าเด็กกำลังมีอาการสำลัก สิ่งที่ต้องทำเมื่อเด็กสำลัก คือ
สำหรับวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นในเด็กโตที่มีอายุมากกว่า 1 ปี และผู้ใหญ่ เมื่อสังเกตเห็นคนที่มีอาการสำลักให้พยายามกระตุ้นให้ผู้สำลักไอเพื่อให้สิ่งที่เข้าไปอุดตันทางเดินหายใจหลุดออกมาด้วยตัวเอง หากผู้สำลักไม่สามารถพูดคุย ร้อง หรือไอด้วยตัวเองได้ สามารถให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีการ ดังนี้
กรณีที่ผู้ที่สำลักหมดสติไป ให้ตรวจดูว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ หากไม่หายใจ ให้ประคองผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นราบและเริ่มทำการกดหน้าอกหรือปั๊มหัวใจ ซึ่งการปั๊มหัวใจนั้นอาจทำให้สิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในคอหลุดออกมาได้เช่นกัน ทั้งนี้ การสำลักอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น กรณีที่สำลักเพียงเล็กน้อยอาจเกิดการบาดเจ็บที่คอ หรืออาการระคายเคือง แต่หากสำลักวัตถุขนาดใหญ่ และเกิดการอุดกั้นหลอดลม อาจเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจได้
วิธีป้องกันอาการสำลัก
เด็กเล็ก
ผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ เรายังสามารถป้องกันตัวเราเองจากการสำลักได้ด้วยการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงการคุยหรือหัวเราะขณะรับประทานอาหาร