ความจริงเกี่ยวกับความสกปรกของพรมที่คุณอาจไม่รู้
อย่างที่ทราบกันดีว่าพรมในบ้านหรือที่ทำงานอาจเสื่อมสภาพลงได้มาก ทั้งจากคราบการเปลี่ยนสี และในที่สุดความเสียหายนี้จะนำไปสู่ความจำเป็นในการเปลี่ยนพรม คุณรู้หรือไม่ว่าพรมที่ไม่ได้ทำความสะอาดมีความจริงหลายๆ อย่างที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
พรมสกปรกแค่ไหน ?
พรมดึงดูดคราบมันและสิ่งสกปรก
ทุกๆ วันคราบมันจากห้องในบ้าน และสัตว์เลี้ยงจะถูกนำเข้าจากภายนอกและเช็ดให้แห้งบนพรมของคุณ สารตกค้างนี้จะดึงดูดและล็อคสิ่งสกปรกนั้นไว้กับเส้นใยพรมของคุณ เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งสกปรกนี้สามารถเปลี่ยนสีพรมของคุณได้
ดินทรายกำลังทำลายพรมของคุณ
หากคุณเคยสังเกตพรมใกล้ๆ คุณอาจต้องตกใจเมื่อพบว่ามีกองทรายในพรมของคุณซึ่งเครื่องดูดฝุ่นในบ้านไม่สามารถเข้าถึงได้ สิ่งสกปรกนี้มักจะมองไม่เห็น แต่มันจะบดพรมและเบาะของคุณทุกครั้งที่คุณเดินหรือนั่งบนพรม
พรมของคุณอาจมีเชื้อโรคมากมาย
นอกจากพรมจะปูพื้นแล้วพรมยังทำหน้าที่เป็นตัวกรองดักจับมลภาวะในอากาศด้วยไม่ว่าจะเป็นละอองเกสร เชื้อรา สารเคมี แบคทีเรีย ควันบุหรี่ ฯลฯ แต่ปัญหาคือเมื่อพรมดูดสิ่งเหล่านั้นไปแล้วปัญหาคือมันจะไม่สามารถกักเก็บมลพิษทางอากาศเหล่านั้นได้อีกต่อไป และกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค
เป็นเรื่องร้ายสำหรับคนเป็นโรคหอบหืด ภูมิแพ้ กลาก และจมูกอักเสบ
พรมเต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งทำให้เกิดโรคหอบหืดได้ อีกทั้งยังสามารถดักจับโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะทำให้เกิดโรคหอบหืด กลาก และจมูกอักเสบ บ่อยครั้งที่ผู้คนกำลังค้นหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับสภาพของพวกเขาและปัญหาอาจอยู่ที่ใต้ฝาเท้าของคุณ
พรมอาจมีฝุ่นหนักได้
คุณรู้หรือไม่ว่าพรมของคุณสามารถเก็บสิ่งสกปรกได้มากถึง 4 เท่า และอาจมากกว่านั้นอีกพรมเป็นสิ่งที่จับได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น ขนสัตว์เลี้ยง ปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว ฝุ่น มูลแมลง แบคทีเรีย เชื้อรา ฯลฯ สิ่งสำคัญคือคุณต้องทำความสะอาดพรมอย่างสม่ำเสมอ
ลืมกฎ 5 วินาทีไปได้เลย
คุณอาจไม่ได้คิดว่าพรมสกปรก แต่คนทั่วไปยอมรับอย่างเปิดเผยว่าการทำอาหารหกบนพรมและกินมันได้ถ้าหล่นไปแค่ 5 วินาที แต่จริงๆ แล้วแบคทีเรียสามารถมีชีวิตอยู่บนพรมได้นานถึง 4 สัปดาห์ และหากมีแบคทีเรียในตัวคุณจากอาหารที่คุณทานหลังจากหล่นลงบนพรมนั่นหมายความว่าแบคทีเรียเหล่านั้นจะเข้าไปอยู่ในตัวคุณและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ